ไปเที่ยวอินทนนท์หน้าร้อนกันค่ะ กลับมาแล้วค่ะ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่น่ารักทุกท่าน อิอิ ไปเที่ยว คราวนี้ดีจริง ๆ เลยค่ะ เหมือนเอา ทุกข์ไปทิ้งเลยจริง ๆ นะ เอาล่ะค่ะ ต่อไปนี้จะเป็นการเล่าด้วยรูปนะคะ การไปเที่ยวคราวนี้จุดประสงค์หลักคือ กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ค่ะ กิ่วแม่ปานเป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง ร่วม 3 กม. ค่ะ ดูเหมือนไม่ไกลมากมายนะคะ แต่ เอิ๊ก ๆ ปีนเขานะคะ เล่นเอาขาลากเลยวุ้ย จะว่าไปนี่ก็ถือเป็นครั้งที่ 2 ของหมวยนะคะ ในการไปเยือนที่แห่งนี้ แต่ ... จะกีทีก็ยังชอบกิ่วแม่ปานนี้เสมออ่ะคะ เอาล่ะเริ่มจาก พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า บนดอยอินทนนท์ก่อนแล้วกันค่ะ อุตส่าห์ตื่นแต่เช้านะคะ แต่เราก็ยังมาไม่ทันค่ะ เศร้าเล็ก ๆ เอาล่ะค่ะ ถึงจะได้ดูผ่านกระจกรถ แต่มันก็สวยล่ะนะ รูปนี้ถ่ายบนรถค่ะ อีก 2 กม. ถึงยอดดอย อ่ะค่ะ
แล้วเราก็มาถึงยอดดอยอินทนนท์ ล่ะค่ะ จริง ๆ ถ่ายรูปมาเยอะมากค่ะ แต่ขออนุญาติไม่ลงหมดนะจ๊ะ เพราะเที่ยวเมืองไทย ไม่ไปเอง ไม่รู้หรอกค่ะ เอามาลงเป็นกระสัยนะคะ ไว้มีโอกาศลองไปกันดูนะคะ แล้วจะประทับใจไม่รู้ลืม อุตส่าห์มาแต่เช้า หมอกงี้ลงหนาเชียวค่ะ หน้าร้อนนะนี่ แต่ โอวจอร์จ .. 10 องศา !!!!! หนาวหมอกอ่ะ ยะเยือยเลย -*- เสียดายที่มาไม่ทันช่วงที่เค้าออกดอกนะคะนี่ เจ้าหน้าที่บอกเราว่าดอกเพิ่งโรยไปไม่นานมานี้เองอ่ะค่ะ แหม เย็น ๆ ชื้น ๆ แบบนี้ เป็นแหล่งอาศัยชั้นยอดของ เหล่าเห็ดรา มอส เฟิร์น และไลเคน เอามากเลยนะคะ นี่ถ้าใครเรียนทางชีววิทยาล่ะค่ะ นี่คือแหล่งเก็บตัวอย่างชั้นยอดเลยอ่ะ กุหลาบพันปีสีขาว เย้ ๆ และแล้วก็ยัมีโอกาศได้เห็น ฝั่งตรงข้ามกับ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ยังมีทางเดินธรรมชาติเล็ก ๆ อยู่นะคะ อ่างกา ... เป็นทางเดินธรรมชาติเส้นสั้น ๆ ราว 200 เมตรเอง และที่นี่หล่ะค่ะ ที่เราได้เห็น กุหลาบพันปีสีแดง ดอกแรก อิอิ อาจเป็นเพราะเรามาแต่เช้า แถมไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวกระมังค่ะ ทางเดินช่างสงบเงียบ เย็นฉ่ำ นกเล็กมาก ๆ มากมายส่งเสียงทักทายกันยามเช้า สบายมาก ๆ เลยค่ะ เสียดายที่วันนั้นร้านขายของที่ระลึกไม่เปิดบริการนะคะนี่ -*- ม่ายงั้นคงมีของฝากกลับบ้านเต็มกระเป๋า เราลงจากจุดสูงสุดแดนสยาม มาประมาณ 5 กม. ค่ะ เพื่อมายังจุดมุ่งหมายของเรา กิ่วแม่ปาน กิ่ว .. มันเป็นคำเรียกสันเขาแคบ ๆ ของชาวเหนือน่ะค่ะ ที่นี่เป็นจุดชม ดอกกุหลาบพันปี ที่ดีที่สุดบนอินทนนท์ ค่ะ การเดินทางเข้าไปในกิ่ว เมื่อก่อนเราสามารถเดินไปได้เองโดยไม่ต้องมีไกด์ แต่ เหรียญก็มี 2 ด้านเสมอ มีกลุ่มคนบางประเภท ไม่คำนึงถึงการรักษาธรรมชาติ เข้าไปทิ้งขยะ เก็บของป่า และทำการอีกมากมายจน กิ่วแม่ปานเสื่อมโทรมลง ทางอุทยานจึงออกกฏบังคับให้ นักท่องเที่ยวติดต่อของเข้าชมโดยมีไกด์นำทางไปด้วยเสมอ ซึ่งไกด์ นี้ก็มีทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่ทยานเอง หรือชาวบ้านที่ผ่านการอบรมมาแล้ว เท่านั้น สนนราคา ค่าจ้างไกด์นำทางก็ไม่แพงค่ะ เพียง 200 บาท / กลุ่ม เท่านั้น ซึ่งทางไกด์จะได้ 60 บาทค่ะ ส่วนที่เหลือจะเป็นค่าบำรุงทางเดินค่ะ ทางเดินธรรมชาตินี้จะมีจุดพักและบอกระยะทางเป็นช่วง ๆ นะคะ ซึ่งอันนี้ต้องขออภัยอย่างรุนแรงที่ไม่ได้จดจำจำนวน จุดพักมาได้ เอาเป็นว่ามีประมาณ 1 โหลแล้วกันจ๊ะที่แน่ ๆ จุดที่ 7 ของการเดินทางเป็น ไฮไลท์ค่ะ เพราะเป็นจุดที่เราจะเดินผ่านดงกุหลาบพันปีล่ะ แต่ที่หมวยไปเค้าโรยหมดแล้วเลยไม่มีโอกาศได้ชมน้า เสียดายจัง ๆๆๆๆๆ ยังไม่ได้ออกเดินทางไปกิ่วกันเลยน้า กิ่วแม่ปาน เอาล่ะ ๆ จะพาไปเดินกิ่วแม่ปานกันล่ะนะ ในกิ่วแม่ปานนั้นช่วงแรกเราต้องเดินผ่านป่าที่มีความชื้นสูงมากค่ะ ตามต้นไม้ใบหญ้างี้มี มอส เอย เฟิร์น เอย มากมายไปหมดค่ะ เดินกันคราวนี้ได้เห็น นกตัวเล็ก ๆ สีสวยหลายตัวทีเดียว เสียก็แต่ว่าถ่ายมาไม่ทันซะทีอ่ะค่ะ ตรงจุดแวะพักที่ 2 เป็นจุดที่มีน้ำตกขนาดย่อมอยู่ค่ะ อันนี้ก็อดไม่ได้ตามฟอร์มถ่ายรูปไว้ซะหน่อย เนอะ อะแชะ อ่ะ ๆ ให้ดูแบบไม่มีคนบังค่ะ อุอุ สวยเนอะ ทางเดินต่อไปก็จะเป็นทางเดินเลียบสายน้ำเล็ก ๆ นี้ไปล่ะค่ะ เย็น ๆ ชื้น ๆ เล่นเอาหนาวจนขนลุกไปเหมือนกันนะ พี่เปา เจ้าหน้าอุทธยานที่ นำทางให้กลุ่มเราคราวนี้เล่าให้ฟังว่า ต้นไม้ที่พบมากในเขตนี้คือต้นกอ ค่ะ ลูกกอ จะมีลักษณะคล้าย ๆ ลูกเกาลัดย่อส่วนนะคะ ขนาดเล็กกว่าหน่อย นำมาคั่วแกะเปลือกทานเนื้อในได้เหมือนเกาลัด เลยค่ะ เนื้อในทานเหมือนลูกนัท นะคะ อร่อยดี แต่ที่นี่มีต้อกอหลายพันธุ์ ค่ะ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเราจะนำมาทานได้ทุกชนิดหรอกค่ะ อันนี้ถ้าคิดจะเก็บก็ ระวังนิดนะคะ อุอุ เอาล่ะค่ะ เรามาถึงจุดแวะพักอีกที่แล้ว จุดตรงนี้พี่เปาเล่าว่าในช่วงหน้าหนาววันไหนอากาศปิด เราจะเหมือนเดินไปในป่าโดยมีเหล่าเมฆาลอยระเรี่ย อยู่เหนือหัวที่เดียวค่ะ จากที่เมื่อซักครู่เราเดินไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนมองไม่เห็นธารน้ำ ตอนนี้เรากลับมาเดินเลียบธารน้ำไปอีกแล้วค่ะ ชุ่มฉ่ำดีจริง ๆ เลย เดินเลียบไปอีกซักพักเราก็ต้องจากลาธารน้ำฉ่ำเย็นนี้แล้วค่ะ เพราะพอเราข้ามสะพานนี้ไป ทางเบื้องหน้าเราต้องเดินไต่ขึ้นไปบนสันเขาแล้วล่ะ เอาล่ะค่ะ เรามาเดินกันต่อไปเนอะ แฮ่ก แฮ่ก ๆๆๆ เอาล่ะค่ะ เหนื่อยแทบลากขาเดิน เย้ มาแล้วสันเขาแล้วค่ะ ความเสียวใส้ใกล้มาเยือนแล้ว ข้างหน้านั่น น้องชายค่ะ น้องชาย แอบกรี๊ดได้ แต่พี่สาวหวงค่ะ เอิ๊ก ๆ จุดแวะพักบริเวณสันเขาค่ะ บริเวญนี้มองไปเป็นทุ่งหญ้าสุดลูกหู ลูกตาค่ะ เป็นทุ่งหญ้ากึ่งอัลไพน์ อันนี้มิสามารถแปลให้ท่านได้นะ ว่า เหตุใดจึงเรียกเยี่ยงนี้ อันนี้คงต้องไปเห็นกับตากันค่ะ พี่น้อง พระพายพัดแผ่วผิว อ่อนโยน แต่หนาวบาดไปถึงขั้วหัวใจ เพราะไม่ได้คาดคิดว่าจะมีหมอกลงหนาขนาดนี้ แต่ล่ะคนจึงมิได้พกพาเครื่องกันหนาวมาแต่อย่างใด หึหึ เดินไปอยากจะตะโกนก้องไปในพงไพร "หนาวโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย" แต่ไม่ได้ค่ะ ด้วยความเป็นกุลสตรี ที่ยังพอมีเหลืออยู่บ้าง ทั้งยังเกรงใจ สัตว์ป่าน้อยใหญ่จะระคายหู จึง ไม่ตะโกนก็ได้ฟะ -*- ใบเฟิร์นเขียวชะอุ่มตัดกับใบหญ้าแห้งแล้งด้านล่าง สวยดีเนอะ จุดแวะพักที่ 6 จุดเริ่มสันกิ่ว จะให้ท่านดูว่าหมอกลงหนาปานใด หมวกข้าเจ้าเปียกไปเลย เสื้อก็เปียก ๆ แหมนี่นะ มากะน้องชายมานไม่สนใจพี่มันเลยว่าหนาว ๆ ไอเพื่อนคู่ข้างหลัง เค้าก็มีคนสนใจ คนดูแล กอด ๆ เวลาหนาว เออ ๆๆๆ จะจำไว้มาคราววหน้าจะหาแฟนให้ได้ก่อนแล้วค่อยมา เอิ๊ก ๆๆๆๆๆๆๆ (ออกแนวนางอิจฉาเว้ยเรา งุงิงุงิ) รูปนี้ออกแนวหน้าบวม ๆ ปากเจ่อ ๆ อิอิ หนาวอ่ะ หนาวหมอก ค่ะ ไม่ได้หนาวเนื้อ อ๊ะ ๆ เค้ารู้นะ อ่านข้างบนแล้วคิดอยู่อ๊ะป่าวเอ่ย อิอิ อ่ะ หนุ่ม ๆ เดินหนีแล้ว ลุกก็ได้ ไปค่ะ เราไปต่อกันได้แล้ว ช่วงนี้จะเป็นช่วงเริ่มเสียวค่ะ เพราะทางเดินเราต้องค่อย ๆ เดินไต่ลงไป ไม่มีที่เกาะยึดได ๆ ยกเว้นยึดใจไม่ร่วงไปกะ ผาด้านขวามือก็พอ เหอ เหอ นี่ไงคะผาที่ว่า วื๊บ ลงไปเลยมั๊ยล่ะนั่น เอ้า ๆ ใครกลัวความสูงอย่าเพิ่งขาสั่นนะคะ ท่านนั่นดูอยู่หน้าจอคอมพ์เองค่ะ ไม่ได้อยู่ริมผาจริง ๆ อย่าลืมนะคะ มีโอกาสลองไปดูของจริงดีกว่า ได้ อารมณ์กว่าเยอะ โฮ๊ะๆ รูปนี้ดึงเจ้า หยดน้ำเพื่อนยากมาถ่ายรูป ริมผาเสียหน่อย ก่อนถ่ายต้องสั่งไว้ก่อนว่า อย่ามองไปข้างหลังนะแก ไว้ค่อยดูเอาจากในรูป พอดีสาวน้อยนางนี้ไม่ค่องถูกใจกับความสูงซะเท่าไหร่ค่ะ จะว่าไปประชากรส่วนใหญ่อยู่แล้วล่ะนะคะ ที่ไม่ถูกใจความสูง หมวยเองก็เคยเป็นค่ะ แต่ ไม่รู้สิตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลย เพราะคอยสั่งตัวเองเสมอ ๆ ว่า ยิ่งกลัวโน้นกลัวนี่มากเท่าไหร่ โลกใบที่เราจะไปดูได้ด้วยตาตัวเองมันก็น้อยลงเท่านั้นอ่ะค่ะ สวยเนอะ เป็นความสวยที่แฝงความน่ากลัวเล็ก ๆ เพราะ ตอนไปยืนถ่าย จายมานหวิว ๆ เอิ๊ก ๆ
เหนื่อยรึยังเอ่ย พักหน่อยดีกว่านะคะ ไว้จะเอามาลงต่อค่ะ สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ ปล. วันนี้ไปสรงน้ำ หลวงปู่ทวดที่วัดพะโคะ มาค่ะ อนุโมทนาสาธุให้รับความสุขความสบายใจกันถ้วนหน้านะคะเพื่อน ๆ Take care .. :) มาเที่ยวกิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ด้วยคนค่ะบรรยากาศดีจังเลยนะค่ะ
คล้ายๆสวิสฌซอร์แลนด์เลยค่ะ โดย: แม่น้องKevin and Jasmin วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:4:09:26 น.
เพิ่งไปมาอ่ะค่ะ แบบว่าทรหดมากมาย
++มีความสุขมากๆน่ะค่ะ++ โดย: หนูอุ๋ม (tenno_jung ) วันที่: 17 เมษายน 2549 เวลา:17:38:57 น.
ดูท่าทางจะสนุกมานะเนี๊ย ต้องเที่ยวเผื่อหลายคนเลย ฟังดุแล้วเหนื่อยแทน นาอิดฉาๆๆ
โดย: peajung IP: 125.24.79.112 วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:12:06:03 น.
โดย: โสมรัศมี วันที่: 18 เมษายน 2549 เวลา:16:59:02 น.
แวะมาทักทายค่ะ มีความสุขมากๆน่ะค่ะ แล้วจะคิดถึงน่ะ จุ๊บ จุ๊บ โดย: หนุอุ๋ม (tenno_jung ) วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:17:16:42 น.
กรุงเทพร้อนมากครับ เห็นรุปแล้วอยากไปใช้ชีวิตบนอินทนนท์เลยครับ
โดย: นายเบียร์ วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:6:03:29 น.
แวะมาเยี่ยมค่ะสบายดีปะค่ะ คิดถึงค่ะ
โดย: แม่น้องKevin and Jasmin วันที่: 28 เมษายน 2549 เวลา:20:33:46 น.
เอามื้อดึกมาเสริฟถึงที่เลยค่ะ อิอิ โดย: หนุอุ๋ม (tenno_jung ) วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:23:42:45 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ดอยอินทนนท์ เยี่ยมไปเลย ค่ะ วิวสวยจัง น่าไปนะค่ะ
มีโอกาสต้องขอไปเหยียบบ้างแล้วสักครั้งค่ะ
ขอบคุณรูปสวย ที่เอามาฝากกันนะค่ะ ชอบจังค่ะ
กลับมาเหนื่อย ๆ ดูแลตัวเองนะค่ะ หลับฝันดีค่ะ