เรื่องเล่าจากในวัง อ่านแล้วคุณจะรัก"ในหลวง"มากขึ้น > เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้า นางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิงองค์เล็ก > ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียงผู้ชาย ขอพูดสายกับ ฟ้าหญิง >ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสาย ด้วย > ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า คนที่แบงค์ นางสนองพระโอษฐ์ก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ ทำไมโทรมาแต่เช้า แบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า > แต่พอฟ้าหญิงรับ โทรศัพท์แล้วถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะ >ก็ที่แบงค์จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์ > แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ... ขนลุก เลย (ทรงตรัสกับในหลวงท่านอยู่นั่น เอง) ----------------------------------------------------- > > อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้าน >ของราษฎร์ผู้หนึ่งที่คณะผู้ตามเสด็จทั้งหลาย ออกแปลกใจในการ > กราบบังคมทูลที่คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน > เมื่อในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ >จึงมีคำกราบทูลว่า "ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่า >บัดนี้มีอายุมากจึงเลิกรา มาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้าข้า.." >มาถึงตอนสำคัญ ที่ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน >ก็ทรงตรัสถามว่าเป็นนกอะไรและมีกี่ตัว >พ่อลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่า " มีทั้งหมดสามตัวพระมเหสีมันบินหนีไป >ทิ้งพระโอรสไว้สองตัว ตัวหนึ่งที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว" > เรื่องนี้ ดร.สุเมธ เล่าว่าเป็นที่ต้องสะกด กลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง ----------------------------------------------------- > เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลาย รุ่น > เจ้าของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาต > นำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษ > ท่านทราบเรื่องแล้วตรัสกับเจ้าหน้าที่ว่า "ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์" ----------------------------------------------------- >เรื่องการใช้ราชาศัพท์กับในหลวง >ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน >และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้า >ทูลละอองธุลีพระบาทถวายรายงาน >ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน มีข้าราชการระดับสูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงาน > ว่า "ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม > ข้าพระพุทธเจ้า พลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต >กราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ" > เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูล ชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวล >อย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า "เออ ดี เราชื่อเดียว กัน..." >ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้า ต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัย >เพราะผู้รายงาน ตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้ ----------------------------------------------------- > ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร > มีอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้ว >แต่ราษฎร์ผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระเครื่องว่า >"ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์" ในหลวงทรงตรัสว่า "ขอเดชะพระหมดแล้ว" ----------------------------------------------------- >วันหนึ่งพระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัด >ก็มีชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมาย >พระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระบาท >ที่แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลง กราบแทบพระบาท >แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง > แล้วก็พูดว่า ยายดีใจเหลือเกินที่ได้เจอในหลวง แล้วก็พูดว่า ยายอย่างโน้น > ยายอย่าง นี้ อีกตั้งมากมายแต่ในหลวงก็ทรงเฉยๆ >มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร แต่พวกข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ >กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัย หรือไม่ >แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่งตอบ ว่ากับหญิงชราคนนั้น >ทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะพระองค์ทรงตรัสว่า > " เรียกว่ายายได้อย่างไร อายุอ่อน กว่าแม่ฉันตั้งเยอะ ต้องเรียกน้าซิถึงจะถูก" ----------------------------------------------------- > พระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิดหน่อยเกี่ยวกับพระฉวีมีพระอาการคัน > มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไปเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายการรักษา >คุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนังแต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์ >ก็กราบบังคมทูลว่า "อ่อ ทรง...อ้า..ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ" >พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระสรวล ตรัสว่า "ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่ จะท้องได้ยังไง" >แล้วคงจะทรงพระกรุณาว่า >หมอคงจะไม่รู้ราชาศัพท์ทางด้านอวัยวะร่างกายจริงๆ >ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า..พูดภาษาอังกฤษกันเถอะ ----------------------------------------------------- > มีอยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จ พระราชทานปริญญาบัตร >อธิการบดีอ่านรายชื่อ บัณฑิตแล้วบังเอิญว่า มีเหตุขัดข้องบางประการ |
ยัยแก้มป่อง VS จอมยุทธตัวกลม
![]() บทความทั้งหมด
|