เที่ยวใกล้ๆ ไป SINGAPORE

เป็นทริปที่มีเรื่องน่าตื่นเต้นตั้งแต่ก่อนไปจนกลับเลยเชียวกับการเที่ยว “สิงคโปร์” 5 วัน 4 คืน

วันแรก : กรุงเทพ (BKK) -> สิงคโปร์ (SIN)

นัดเจอเพื่อนกันก่อนไปสุวรรณภูมิ ที่บ้านจะขับรถไปส่งให้ พอเจอเพื่อนแล้วก็จะกลับไปขึ้นรถ ปรากฎว่า รถสตาร์ทไม่ติดทำไงล่ะ....เข็นกันไปซิคะ ตอนเที่ยงๆ รถ Isuzu คันไม่ใช่เล็กๆ เลย หนักเป็นบ้า ก็ยังไม่ติด วิ่งไปขอจั๊มไฟกับรถฟอร์จูนเนอร์ (ต้องขอขอบคุณมากๆ) แต่ก็ไม่ติดอีก สุดท้าย...แบกกระเป๋าหอบกันขึ้นแท็กซี่ กลัวจะไม่ทันขึ้นเครื่อง

เครื่องบินต้อง Take Off ตอน 14.40 น. ก็เลทไปกว่าครึ่งชั่วโมง เครื่องบินใช้เวลาบินประมาณ 2 ชม. ก็ถึงสิงคโปร์ เราจะต้องปรับเวลาของเราให้เร็วขึ้น 1 ชม. ค่ะ

ด่านตม.ที่นี่เค้าถามเกือบทุกคนเลยค่ะ เราเองก็โดนถาม มากี่วัน มากับใคร มีตั๋วกลับไหม พอโชว์ให้เค้าดูเสร็จ ก็ปล่อยผ่านค่ะ

เดินตามป้าย Train to City มาเรื่อยๆ เลย ก็จะเจอทางไป MRT แวะซื้อบัตร EZ-Link กันก่อน (บัตร EZ-Link 12 SGD มีค่าบัตร 5 SGD มีเงินในบัตร 7 SGD แปะได้หมด ตั้งแต่ MRT รถเมล์ ซื้อของใน 7-11) เติมเงินเผื่อไว้ด้วยเลย

มาถึงที่พักย่าน Geylang หิวมาก เลยโดนข้าวมันไก่สิงคโปร์ไป (ถ่ายรูปไม่ทัน ตักเข้าปากไปจนเกือบหมด) รสชาติอร่อยดีนะคะ เมล็ดข้าวกับไก่เนื้อนุ่ม แต่น้ำจิ้มก็งั้นๆ ไม่ถูกปาก แล้วก็พักผ่อนที่ห้องเลยไม่ได้ไปไหน หลับเอาแรงเตรียมตัวในวันต่อไป

วันที่สอง : Universal Studio Singapore (USS) -> Merlion -> Beach Station -> Keppel Bridge -> Gardens by the bay

ตื่นเช้ารีบออกจากที่พักไปกินข้าวมันไก่ร้านเดิมเลย อยู่ใกล้ MRT

จากนั้นก็ขึ้น MRT จากสถานี Aljunied ไปยัง Harbourfront ผ่านทางเชื่อมเข้าห้าง VivoCity เดินตามป้าย Sentosa Express ก็จะได้ขึ้นรถ Monorail (ใช้บัตร EZ-Link แตะ) เพื่อข้ามไปยังเกาะ Sentosa กัน

มาลงที่ Waterfront Station เพื่อมา USS เรามาถึงประมาณ 9.30 น. ถือว่าทำเวลาได้ดีมาก มาก่อน USS จะเปิดให้เข้า (10.00 น.) เราซื้อบัตรมาจากที่ไทยแล้วในราคา 1,625 บาท (Live Ticket) ไม่ต้องต่อคิวซื้อ ถ่ายรูปเล่นสักพักก็ได้เวลาเข้าไปกันแล้ว ที่นี่จะเดินแบบทวนเข็มหรือตามเข็มนาฬิกาก็ได้ค่ะ เราเลือกแบบทวนเข็ม กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โซน Sci-fi มี Locker เก็บของให้ฟรี 75 นาทีแรก ถ้าเกินก็จะเสียเงินค่ะ (ต้องฝากทุกอย่าง กล้อง(ทุกแบบ) กระเป๋ารวมไปถึงเหรียญสตางค์ด้วยค่ะ จะมี Security Guard ตรวจทุกสิ่งอย่างก่อนขึ้นเล่น ถ้ากลัวว่าจะเกินเวลา พก EZ-Link แยกออกมา เผื่อต้องเสียเงินค่า Locker ดีที่สุดค่ะ)

Locker จะมีปุ่มให้กดเลือกภาษา > English > Rent (เช่า) > กดเลขวันเกิด(มันคือรหัส) > กดเลือกสี > หน้าจอจะบอกเลขตู้ที่ว่างและก็จะเปิดออก ..เราก็เอาของไปใส่ > ปิดแล้วลองดึงดู

กด Reopen (เปิด) > กดรหัสวันเกิด (ตัวเลข) > กดเลือกสี > ตู้ที่เราใส่ของไว้จะเปิดออก (ไม่ต้องไปจำเลข Locker นะ มันไม่ได้ถาม จำแค่รหัสพอ ตอนนั้นจะท่องจำไปทำไมไม่รู้)

เราไปเล่นรถไฟเหาะสีแดง Human (ความเสียวจะน้อยกว่าเพราะมีที่วางเท้า) และสีน้ำเงิน Cylon (นั่งห้อยขาโล่งๆ เลยค่ะ เสียวและสนุกมากกว่าอีกแบบ) เราเลือกเล่นสีแดงก่อนเพื่อไต่ระดับความเสียวค่ะ

ต่อมาเป็นโซน Ancient Egypt ก็ต้องฝากของเหมือนเดิมค่ะ เราไป Reopen แล้วฝากไปอีกรอบเดินเข้าไปเพื่อรอเล่น Revenge of the Mummy ไปถึงก็ได้เล่นเลยค่ะ เพราะคนก่อนหน้ามากลุ่มใหญ่ ที่นั่งเหลือแค่ 2 ที่ ก็สนุกดีนะคะ Effect ดี

แล้วก็เริ่มถ่ายรูปเล่นชิลๆ จนไปถึงโซน The Lost World ไปเล่น Jurassic Park Rapids Adventure ด้านหน้ามีป้ายบอกรอต่อคิวเล่นประมาณ 30 นาที (คนเริ่มเยอะ) เอาเข้าจริงประมาณ 40 นาทีได้ เป็นเครื่องเล่นที่อาจจะมีเปียก แต่เราเตรียมเสื้อกันฝนไปเรียบร้อย ถ้าใครกลัวเปียกก็ซื้อแบบหยอดตู้อัตโนมัติได้เลยค่ะ อันนี้แล้วแต่ดวงจริงๆ บางคนก็แทบไม่เปียก ใครเปียกมากหน่อยก็มีเครื่องทำให้แห้งด้วยนะ 5 SGD ค่ะ (มี Locker แต่จะเอากระเป๋าเข้าก็ได้ค่ะ)

หิวกันแล้วค่ะ จากบัตรที่ซื้อมาจะมีส่วนลดของอาหารให้ 5 SGD ส่วนเกินก็จ่ายเพิ่มกันไปและยังมีบัตรส่วนลดของที่ระลึกอีก 5 SGD เช่นกัน แต่ราคาของแต่ละอย่างเห็นแล้วหยิบไม่ขึ้นเลย 555 เราอยู่ใน USS จนถึงประมาณบ่าย 2 ได้ ก็เริ่มเดินไปเที่ยวจุดอื่นๆ ของ Sentosa กัน

ขึ้น Monorail มาลง Imbiah Station เดินไปหา Merlion ตัวใหญ่ เลยไปถึงด้านหลัง เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงชายหาดของที่นี่ มีเครื่องเล่นหลากหลายเช่น iFly, Skyline Luge การแสดงโชว์ Wings of Time พอได้เวลาประมาณบ่าย 3 โมงกว่าก็กลับค่ะ ขึ้น Monorail กลับจาก Beach Station มาที่ Vivocity เลยค่ะ

จากห้าง Vivocity นั่งรถ Bus มายัง Caribbean at Keppel Bay ขึ้นที่ประตูหน้า แตะบัตร EZ-Link ใกล้ถึงป้ายก็กดออด ก่อนลงประตูหลังก็แตะบัตรอีกทีนึงค่ะ (เราโหลดแผนที่ของ SG มาเลยค่ะ ผ่าน App -> Streetdirectory แล้วก็โหลดแผนที่แบบ Offline เราใช้ Wifi ในที่พักเท่านั้นเวลาอื่นๆ ใช้ GPS อย่างเดียว) เรามาที่นี่เพื่อมาดูท่าเรือยอร์ช อีกมุมมีที่นั่งเล่น นอนเล่นรับลมบรรยากาศดีมากๆ ค่ะ

ได้เวลาเกือบ 5 โมงเย็น ก็เดินกลับไปขึ้นรถ Bus ฝั่งตรงข้ามเพื่อไป Gardens by the bay ค่ะ เดินเล่นที่ห้างไปพลางๆ พอใกล้ได้เวลาก็เดินไปที่สวนกัน เพื่อไปดู Supertree Grove ไม่นานก็มีการแสดงรอบ 19.45 น. (อีกรอบ 20.45 น.) จากนั้นก็ได้เวลากลับ เพราะเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว

วันที่สาม : Haji Lane -> Sultan Mosque -> Chinatown -> Buddha Tooth Relic Temple -> Suntec City (Duck Tours) ->Singapore Flyer -> Helix Bridge -> Merlion

จากที่พักก็นั่งรถ Bus มาที่ Haji Lane แหล่ง Art Street เป็นตรอกซอยที่มีการตกแต่งร้านค้าแนวๆ ชิคๆ ให้ได้ถ่ายรูปกันเพลิดเพลิน

พอเดินมาจนสุดถนนมีร้าน Noodles อยู่ที่หัวมุมถนนเลยเห็นคนนั่งกินกันเยอะ เลยลองกินกับเค้าบ้าง ก็อร่อยดีนะคะ

จากนั้นเราก็เดินผ่านถนน Arab ไปที่ Sultan Mosque ช่วงนี้กำลังมีการปรับปรุงอยู่เลย

กลับมาที่ป้ายรถเมล์เดิมเพื่อขึ้นรถ Bus ไปยัง Chinatown เราจะไปห้าง People’s Park Center กันก่อนเพื่อหาซื้อบัตรค่ะ เดินไปชั้นบนสุด ร้าน Sea Wheel หาไม่ยาก ซื้อบัตร Singapore Flyer (Live Ticket) มาในราคา 28 SGD จากราคาปกติ 33 SGD

เดินกันไปย่าน Chinatown เรื่อยๆ จนถึง Buddha Tooth Relic Temple หรือวัดพระเขี้ยวแก้วเป็นวัดที่มีชื่อเสียงอีกที่ของสิงคโปร์เลยทีเดียวย่านนี้จะมีอาหาร ของที่ระลึกขายเยอะ มีราคาที่ค่อนข้างจะถูก

ต่อจากนั้นเราจะไปที่ Suntec City (แอบเลยป้าย ต้องเดินย้อนกลับมา) เพื่อไปหาน้องเป็ดน้อย รถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกอยู่บนถนนวิ่งได้เหมือนรถ อยู่ในน้ำล่องได้เหมือนเรือ ชมวิว Marina bay และ Merlion ยามเย็น ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. บัตรซื้อมาจากที่ไทยในราคา 650 บาทค่ะ ถึงแม้จะมีตั๋วแล้วก็ต้องมาจองเวลากันก่อน ต้องมารอขึ้นรถก่อนเวลานัดซักหน่อย ยืนเข้าแถวรอไว้ ใครมาก่อนก็จะได้ขึ้นรถเลือกที่นั่งก่อนค่ะ

พอเริ่มได้เวลาก็ไปขึ้น Singapore Flyer กันค่ะ ก็คล้ายกับชิงช้าสวรรค์บ้านเรา แต่ๆๆ มันใหญ่มาก สูงถึง 165 เมตร ซึ่งสูงกว่า London Eye ด้วย เราเลือกช่วงเวลาขึ้นในตอนเย็นค่ำ เพื่อดูแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ มืดไป เปลี่ยนเป็นความสว่างจากแสงไฟมาแทน แม้จะสูงแต่ความสวยก็กลบความเสียวไปหมดค่ะ (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)

มาในช่วงเตรียมแข่ง F1 พอดี เลยมีบางสถานที่ที่จัดกิจกรรม ล้อมรั้วรอบแต่ความสวยงามรอบๆ Marina Bay และ Merlion สัญลักษณ์ของที่นี่ก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย เดินจนเหนื่อยมากเลย

ถึงตอนนี้เริ่มหมดแรงเดินกันแล้ว ขาเริ่มสั่นๆ เล็กน้อย เดินผ่านหน้า Marina Bay Sands การแสดงเพิ่งจบลงไป ก่อนกลับถึงห้อง ก็แวะกินอาหารด้วยอาการขาล้าเต็มที

วันที่สี่ : Mustafa Centre -> CHIJMES -> St.Andrew’s Cathedral -> City Mall (Underground) -> Fountain of Wealth -> Marina Barrage -> Clarke Quay

ตื่นสายเลยวันนี้ ลองไปเดินห้างที่เค้าว่าเปิดกันตลอด 24 ชม. ที่ Mustafa Centre ค่ะ ของเยอะมาก แบ่งประเภทให้ได้เลือกกันง่าย ตามโซนตามชั้นไม่ว่าจะเป็นขนม ของที่ระลึก เสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องสำอาง ฯลฯ ถ้าใครมีเวลามากหน่อยก็ขอแนะนำให้ลองมาเดินช้อปที่นี่กัน เราเองได้แต่ซื้อพวกขนม ของฝากนิดหน่อย เดินได้สักพักก็หิว ก็แวะหาข้าวกินกันแถวนั้นเลยค่ะ

มากันที่ CHIJMES เป็นโบสถ์ที่เหมือนไม่ใช่โบสถ์เลยค่ะ เพราะปัจจุบันจะมีร้านอาหารหลากหลายเรียงรายอยู่รอบๆ ให้ได้นั่งกินบรรยากาศกัน แต่เรามากันในตอนกลางวันเลยดูเงียบๆ มีผู้คนเดินกันนิดหน่อย วันที่ไปภายในโบสถ์มีจัดโต๊ะ คาดว่าจะเตรียมจัดเลี้ยงกันในยามค่ำคืน

เดินทะลุมาด้านหลังของ CHIJMES มาตามถนนจนมาถึงโบสถ์ St.Andrew’s Cathedral ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่ของที่นี่ สงบเหมือนดั่งต้องมนต์ นั่งพักไปพร้อมกับความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ออกอาการง่วงนิดๆ เลยต้องไปต่อค่ะ เดี๋ยวจะยาว  

เดินกันต่อ City Mall เป็นทางเชื่อมของ MRT ใต้ดินโดยเหมือนมีห้างอยู่ข้างในนั้น แวะซื้อขนมปังรองท้องแก้หิวกันก่อน ไม่แพงด้วยค่ะ

โผล่มาอีกที่ที่ Esplanade Station ทางออก SuntecCity แล้วก็ไปเดินหาน้ำพุแห่งความมั่งคั่ง Fountain of Wealth กันค่ะ ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่น้ำพุกำลังไหลอยู่ เลยไม่ได้ขอพรกับน้ำพุ ก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน (เค้ามีช่วงเวลาปิด-เปิด และการแสดงโชว์ในตอนกลางคืนด้วย)

ระหว่างหาสายรถ Bus เพื่อจะไปต่อรถอีกจุดนึง ข้อมูลที่หามาไม่ตรง เลยต้องก้มๆ เงยๆ ดูแผนที่ ดูป้ายรถเมล์ มีชาวสิงคโปร์ใจดีช่วยบอกสายรถเมล์ให้ด้วย คือเราดูเอ๋อมากใช่ไหม 555 เค้าเลยรู้สึกว่าไม่ไหว ต้องเข้ามาช่วย จริงๆ แล้วก็รู้สายรถเมล์แล้วล่ะ หาเจอแล้ว แต่เค้าคนนี้ทำให้เราจับหลักแล้วสามารถดูได้รวดเร็วมากขึ้นค่ะ

ไปต่อกันที่ Marina Barrage อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และยังเป็นสวนสาธารณะสำหรับคนสิงคโปร์ที่นี่ด้วย หลายๆ คนหลากหลายวัยมาพักผ่อน เล่นว่าว ปั่นจักรยาน นั่งจับกลุ่มร้องเพลง เล่นเกม สนุกสนานกันอีกทั้งยังมีวิวที่เห็น Marina Bay อยู่ไกลๆ ได้อีกด้วย

จากนั้นก็นั่งรถ Bus ไปลงที่ MRT เพื่อไปที่ Clarke Quay (คลากคีย์) สถานที่ที่รวมผับ บาร์ ที่นั่งกินชิลๆ นั่งคุยกัน ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างประเทศที่มาที่นี่กัน มีล่องเรือกันด้วย สีสันตอนกลางคืนของที่นี่สวยมากทีเดียว

ตรงข้าม Clarke Quay เดินผ่านมารอรถ Bus เลยถ่ายไว้นิดหน่อย

วันที่ห้า : สิงคโปร์ (SIN) -> กรุงเทพฯ (DMK)

วันนี้กลับละค่ะ ตื่นกันสาย หาอะไรกินไปเรื่อย

มาถึงสนามบินตั้งแต่บ่ายโมงได้ นั่งเล่นเดินเล่นรอดูที่จอ ไม่ขึ้น Check-in ซักที เห็นอีกที Gate Open ถึงจะแอบงงเล็กๆ แต่ยังมิวายค่อยๆ เดินไปที่ Counter ทำการ Check-in ตอนประมาณบ่าย 3 อังกฤษสำเนียงอินเดียรัวมาบอกว่า คุณมาเลทเกินไป Counter ปิดแล้ว เราบอกว่าไม่มีสัมภาระเลยนะไม่ต้องโหลดไรเลย เค้าก็ไม่ให้ค่ะ (ต้องมาก่อน 45 นาที แต่เราไปช่วงที่เหลืออีก 35 นาที) หะ!! อะไรนะ คืออะไร เอ๋อ งง ทำไรไม่ถูก จนเพื่อนกระซิบมาว่า ตกเครื่องใช่ไหม....ผ่าง!! ตกเครื่อง เบลอเลยจ้า สรุป ได้ซื้อตั๋วใหม่ ขึ้นเครื่อง 4 ทุ่ม ตะเตือนไตมากๆ ประสบการณ์ครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก (ที่สนามบินนี้น่าจะ Check-in ได้ตลอดเวลาที่มาถึง หรือผ่าน Web ได้เลย แต่ถ้ามีโหลดสัมภาระ ก็อาจจะต้องตามเวลา ก็ต้องลองเช็คกันอีกครั้งค่ะ)


- ชอบการเดินทาง คมนาคมขนส่งที่นี่มาก สะดวก เดินทางเองได้ / ค่าโดยสารสาธารณะไม่ค่อยแพง (ไม่นับ Taxi)
- คนที่นี่มีน้ำใจ ยิ่งกับนักท่องเที่ยวด้วยแล้ว เค้าให้คำแนะนำดีเลย
- อาหารที่หลายๆ คนบ่นนักหนา ก็ไม่ได้แย่อะไร ลองกินรสชาติที่ไม่ต้องปรุงแต่งมากมาย จะรู้สึกว่าที่นี่เค้าทำด้วยวัตถุดิบที่ดีเลยทีเดียว
- ค่าครองชีพที่นี่แพง เมื่อเทียบกับบ้านเรา
- ดื่มน้ำจากน้ำประปาได้ ลองแล้ว ท้องไม่เสียนะ  

Create Date : 01 ตุลาคม 2558 Last Update : 2 ตุลาคม 2558 9:48:35 น. Counter : 3168 Pageviews.		13 comments
Share Tweet

	วัดพระธาตุเสด็จ อำเภอเมือง ลำปาง tuk-tuk@korat (14 เม.ย. 2567 13:54:44 น.)		Bangsaen 21 The Finest Running Event Ever 2023 บางแสน แมวเซาผู้น่าสงสาร (12 เม.ย. 2567 10:20:55 น.)
	ซ้งเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา พุทธมณฑลสาย 1 แมวเซาผู้น่าสงสาร (11 เม.ย. 2567 10:45:53 น.)		Day 7 เที่ยววันสุดท้าย Arashiyama กลางสายฝน khimyo (10 เม.ย. 2567 12:51:53 น.)