บางสิ่งที่หายไป การรู้จักกันระหว่างเราเป็นเพียงความบังเอิญที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครตั้งใจ ฉัน เด็กขี้เหงาที่หลงใหลในตัวอักษร ใช้เวลาว่างในบางครั้งกับการท่องไปในโลกไซเบอร์ เขา ผู้ชายปากร้ายที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการทำงานด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ความผิดพลาดทางตัวอักษรคือที่มาของการเริ่มต้นบทสนทนาระหว่างคนไม่เคยรู้จักสองคน หากนานไปความคุ้นเคยก็เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ความคุ้นเคยที่เกิดขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านผัน สำหรับฉันมันคือความบังเอิญ ความบังเอิญที่เขาเรียกว่า พรหมลิขิต 07.30 น. เวลาที่ใครบางคนเคยบอกไว้ว่า เป็นเวลาเริ่มต้นการทำงานของเขา ด้วยในทุกๆ วัน เขามักมาถึงที่ทำงานในเวลานี้เสมอ และนั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวเก่าหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่มี บนแถบสถานะปรากฏโปรแกรมสนทนาที่มักทำการติดต่อไว้ตลอดเวลาการทำงาน ทั้งๆ ที่ยามเช้าเช่นนี้เจ้าตัวคงก้มหน้าก้มตาอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มากกว่าจะสนใจพูดคุยกับใครผ่านตัวอักษร ฉันเคยสงสัยในความตรงต่อเวลา และตั้งหน้าตั้งตาจับผิดเขาอยู่เสมอ ด้วยการลงทุนตื่นนอนแต่เช้าตรู่ แม้ว่าจะเป็นการลำบากสำหรับคนนอนดึกเป็นกิจวัตรก็ตามที นานไปความตั้งใจในการจับผิดก็ลดน้อยถอยลง เพราะฉันรู้ดีว่าเขาจะมาถึงที่ทำงานในเวลานี้ ช้าบ้าง เร็วบ้าง แต่ก็คงไม่มากนัก ฉันเองต่างหากที่ไม่เคยตรงต่อเวลา นึกจะมาก็มา จะไปก็ไป ไม่มีอะไรแน่นอน และความไม่แน่นอนนี้เป็นสาเหตุให้เขาคอยค่อนขอดตลอดมาว่า นี่ล่ะนะที่เขาเรียกว่า เด็กเอาแต่ใจ ไม่รู้จักโต 08.30 น. ปฏิบัติการจับผิดของฉันเริ่มต้นขึ้นในเวลานี้เสมอ ทุกครั้งที่เข้าสู่ระบบโปรแกรมสนทนา คนที่ฉันตั้งใจคอยหาเรื่องมักรออยู่ก่อนแล้ว ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะไม่เห็นเขาในเวลานี้ ทุกครั้งที่ฉันเข้าสู่ระบบออนไลน์ของโปรแกรม MSN Messenger ใครคนนั้นจะ Online อยู่ก่อนแล้ว เมื่อฉันเปลี่ยนสถานะจาก Offline ถ้อยคำทักทายก็ตามมาในทันที อรุณสวัสดิ์เด็กน้อย ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนเสมอ นี่คือข้อสงสัยหนึ่งที่ฉันไม่เคยถาม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม และนั่นเป็นเรื่องที่เขามักบ่นให้ได้อ่านเป็นประจำ แต่ถึงจะบ่นอย่างไร สุดท้ายเขาก็ยังเป็นฝ่ายเริ่มต้นทักทายทุกทีไป 09.00 น. นาฬิกาปลุกที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยมี ส่งข้อความมาเตือนให้รู้จักหน้าที่ของตนเอง เขามักไล่ให้ฉันไปทานอาหารเช้า ซึ่งฉันเองยังแปลกใจอยู่จนทุกวันนี้ว่า ทำไมถึงได้แสนรู้แบบนี้นะ รู้ว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยตั้งแต่ลืมตาตื่น หรือไม่ก็เตือนให้ไปเรียนหนังสือ หากตารางเรียนที่ฉันมีอยู่ปรากฏว่ามีเรียนช่วงเช้า นอกจากแสนรู้แล้วความจำยังดีมากถึงมากที่สุด แค่บอกเพียงครั้งเดียวเขาก็จำได้แล้วว่า วันไหนฉันมีเรียนเวลาอะไร เลิกเมื่อไหร่ บางครั้งฉันก็อดที่จะแกล้งทดสอบความแม่นยำของหน่วยความจำในสมองคนอายุมากกว่าไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรตารางเวลาที่เขาจดจำก็ไม่เคยผิดพลาด เขาจำได้เสมอว่าในแต่ละวันฉันมีเรียนหรือไม่ เวลาไหน ว่างเมื่อไหร่ เคยนะ ที่สงสัยว่าทำไมเขาถึงจำได้ หากก็ได้เพียงสงสัยเท่านั้น ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะหาคำตอบ ตรงกันข้าม ฉันไม่เคยจำได้เลยด้วยซ้ำว่าวันไหนเขามีประชุมเวลาอะไร แม้เจ้าเจ้าตัวจะเพียรบอก แต่ฉันก็ไม่เคยใส่ใจจดจำ หากวันไหนมีประชุมเขามักบอกฉันก่อนเสมอว่า เดี๋ยวต้องไปประชุมแล้วนะ แน่นอนว่าฉันไม่เคยพลาดการเอ่ยปากไล่คล้ายไม่ใส่ใจในการจะมาจะไปของใครคนนั้นเลย 12.00 น. ช่วงเวลาที่ใครหลายคนพากันหยุดการทำงานไว้ชั่วคราว เพื่อเพิ่มเติมพลังงานที่สูญเสียไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความหิวที่มีมากหรือเปล่านะ ที่ทำให้เขาออกปากไล่ฉันอีกแล้ว พอฉันย้อน เขาก็จะอ้างว่า ทานอาหารไม่ตรงเวลา เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะนะ ในวันนั้นฉันเข้าใจว่าเขาคงห่วง กลัวตัวเองจะไม่สบาย แต่ในวันนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาเป็นห่วงฉันมากกว่าตัวเขาเอง ที่คอยบอก คอยเตือนอยู่เสมอ ก็เพราะฉันไม่เคยใส่ใจในเรื่องเล็กน้อยทำนองนี้ หิวเมื่อไหร่ก็ทาน ไม่หิวก็ไม่ทาน ป่วยก็งอแง เอาแต่ใจให้เขาต้องคอยปวดหัว สบายดีก็คอยป่วนให้เขาต้องวุ่นวาย บางครั้งก็อาละวาดมากมายเสียด้วยซ้ำ แปลกนะที่เขาไม่เคยถือโทษโกรธเคืองในสิ่งที่ฉันทำ คงเป็นความเคยชิน ตั้งแต่รู้จักกัน ไม่มีวันไหนที่ฉันจะทำตัวดีๆ ให้เขาได้สบายใจสักนาที 13.00 น. เขากลับเข้ามาเริ่มต้นการทำงานอีกครั้ง เท่าที่ฉันจำได้ช่วงบ่ายมักเป็นช่วงที่งานเริ่มสะสมมากขึ้น บางครั้งเขาก็ปล่อยให้ฉันพิมพ์อะไรต่อมิอะไรเสียเหยียดยาวโดยไม่มีการโต้ตอบกลับมา คนเอาแต่ใจตัวเอง เด็กไม่รู้จักโต ยัยจอมเกเร ที่เขาชอบบ่น เริ่มปฏิบัติการก่อกวนปั่นป่วนความสงบสุขอีกครั้ง และทั้งๆ ที่งานหนักจนแทบไม่มีเวลากระดิกปลายนิ้ว เขาก็ยังต้องเจียดเวลาคอยอ่านและพิมพ์ข้อความสนทนาอยู่อย่างนั้น แต่หากฉันเป็นฝ่ายเงียบ เขากลับไม่ต่อว่าอะไรสักคำ แค่ถามว่า หลับไปแล้วเหรอ และรอจนกว่าฉันจะตอบกลับโดยไม่มีการโวยวายให้ได้เห็น นั่นคือความใจเย็นของคู่สนทนาที่แสนดีของฉัน เป็นความตรงข้ามที่ฉันไม่เคยมีให้ 15.30 น. เวลาทำการของสัญญาณโทรศัพท์ในวันที่ฉันไม่ได้แวะเข้าไปทักทายเหมือนเช่นเคย เขามักเป็นฝ่ายโทร. หาในเวลาที่ฉันหายหน้าไปจากโปรแกรมสนทนา โดยไม่มีวี่แววการเข้าสู่ระบบเลยตั้งแต่เช้า แปลกนะ ไม่ว่างานจะยุ่งหรือหนักแค่ไหน ความห่วงใยที่เขามีก็ไม่เคยขาดหาย ในขณะที่ฉันเองกลับเป็นฝ่ายละเลย ไม่เคยใส่ใจไถ่ถาม เรียนหนักก็ห่างไป ว่างเมื่อไหร่ก็คอยแต่จะสร้างความวุ่นวาย รู้นะ ว่าสิ่งที่ฉันทำ สิ่งที่ฉันเป็น ทำให้เขาน้อยใจ หากฉันกลับเฉยเมย ไม่เดือดร้อนกับความรู้สึกของเขาเลยสักนิดเดียว 17.00 น. หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน แบกรับปัญหามาตลอดเวลาตั้งแต่เช้า ก็ถึงเวลาที่จะได้กลับบ้าน หากบางครั้งงานที่คั่งค้างและต้องสะสางก็ทำให้ไม่สามารถปลีกตัวกลับบ้านได้อย่างที่ควรเป็น เขายังคงต้องนั่งทำงานหลังขดหลังแข็ง ในขณะที่ฉันว่าง และอยากกลับบ้านเต็มทน ฉันเป็นฝ่ายบอกลาและ Sign out หนีไปก่อนเสมอ ทิ้งให้เขาอยู่กับภาระที่ต้องแบกรับตามลำพัง เขาคงโล่งใจที่ไม่มีใครมาคอยป่วน ก่อกวนการทำงานที่ควรจะราบรื่น ให้ต้องสะดุดเป็นพักๆ ฉันไม่รู้หรอกว่าภาระที่เขาต้องสะสางให้เรียบร้อยนั้นจะเสร็จสิ้นเมื่อไหร่ และเขาเองก็ไม่เคยบ่นให้ได้รับรู้ มีเพียงตัวอักษรที่ตอบกลับมาว่า กลับบ้านดีดีนะ ก็เท่านั้น 20.00 น. ช่วงหัวค่ำของบางวันที่ฉันมักสนทนาอยู่กับเพื่อนผ่านโปรแกรมเดิม ในขณะที่เขายังคงต้องทำงานอยู่ เช็คเมล์ของลูกค้า ตอบปัญหาข้อข้องใจมากมายของคนที่ได้ชื่อว่า Customer แต่ก็ไม่วายที่จะเป็นฝ่ายทักทายฉันก่อนเหมือนเช่นเคย หากในวันนี้ไม่มีอีกแล้วกับคำทักทายที่มักส่งมาตามระบบออนไลน์ให้ได้เห็น ไม่มีวี่แววของคนที่เคยเป็นฝ่ายรออยู่เสมอ ไม่มีถ้อยประโยคที่แสดงถึงความห่วงใย ไม่มีน้ำเสียงยียวนกวนประสาทที่เคยโทร. หายามห่างหาย ไม่มีอีกแล้วใครคนนั้นให้ฉันได้โวยวาย เอาแต่ใจ ไม่มีแล้ว ไม่มี หากในวันนี้เขามีโอกาสได้รับรู้ ซึ่งที่ฉันต้องการจะบอกคือคำว่า ขอโทษ ขอโทษที่เคยเอาแต่ใจ ขอโทษที่ไม่เคยใส่ใจในความเป็นไปทุกเรื่องราว รู้ตัวแล้วว่าทำผิดไป ให้อภัยกันได้ไหมแค่สักครั้ง เหมือนที่เคยอภัย กลับมาได้ไหม กลับมาเป็นคนห่วงใยคนเดิมที่ฉันมี สัญญานะ นับจากนี้จะเป็นเด็กดี ไม่ทำให้คุณเหนื่อยใจสักนาทีเหมือนที่เคย สัญญา อืม...คงไม่หรอกค่ะ ใครจะกล้าทำห่างหายจากทิพได้ล่ะเนอะ
ก็...แหม! น้องทิพออกจะน่ารัก โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 15 พฤศจิกายน 2548 เวลา:20:55:45 น.
อะโหหห เศร้าจังเลยอ่ะ... ทำใจไม่ด้ายยยย...ไปดีกว่า...อิอิ
ปล. ยัยทิพไม่น่ารักหรอก เพชรอย่าไปเชื่อ..555 โดย: clarinet วันที่: 16 พฤศจิกายน 2548 เวลา:9:44:12 น.
เหรอคะ งั้นที่ว่าพี่ต่อสวยก็ไม่จริงเหมือนกันหรือเปล่าคะ ?
โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:21:20:04 น.
พี่ต่อน๊า... ว่าทิพได้ไง ทิพออกจะน่าร๊ากกกกก
ฮี่ๆ กำลังคิดว่า ใครจะทิ้งใครนี่สิคับ โดย: ไข่หวาน (ทะเลหวาน ) วันที่: 18 พฤศจิกายน 2548 เวลา:0:29:18 น.
โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 24 พฤศจิกายน 2548 เวลา:0:27:23 น.
ครายทิ้งเพชรของเรา แต่เราไม่ทิ้งเพชรนะอากาศเย็นแล้วดูแลตัวเองบ้างนะ อ่านตอนสุดท้ายแล้วเศร้าจังเลย กระซิก กระซิก เพชรก็รู้ช่ายมั้ยว่าน้ำอ่ะบอบบาง
โดย: ลูกน้ำ IP: 202.57.180.87 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา:23:20:10 น.
^
^ ^ ^ เจ๊น้ำบอบบาง O_o อึ้งเลย ฮี่ๆ โดย: ไข่หวาน (ทะเลหวาน ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2548 เวลา:6:19:04 น.
-> น้ำที่แสนบอบบาง น่าทะนุถนอม ต้องการคนปกป้องดูแล
คนใจดำเป็นที่สุดน่ะสิคะที่ทิ้งเพชร ใจร้ายมากกกกกกกก ถ้าภายใน 3 - 7 วัน ไม่มีการติดต่อมา เพชรจะส่งไวรัสไป ให้ดูเล่นเป็นของที่ระลึก ดูแลตัวเองเช่นกันนะคะ -> ไข่หวาน โดย: หวานเย็นผสมโซดา วันที่: 27 พฤศจิกายน 2548 เวลา:19:25:52 น.
เพชรแอบโหด จะส่งไวรัสเลยเหรอ น่ากลัวแทนคนนั้นจริงๆ
โดย: tong (ติกาหลัง ) วันที่: 28 พฤศจิกายน 2548 เวลา:20:20:13 น.
เศร้าจังค่ะ
โดย: สาวกกุหลาบขาว IP: 61.19.65.74 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:07:42 น.
|
บทความทั้งหมด
|
วันนึงเค้าจะห่างหายไปอย่างนี้มั๊ยนะ แต่ทิพมักเป็นฝ่ายทักก่อนนะ ไม่ใช่เค้าหรอก
ฟังเพลงแล้วเศร้า อยากร้องไห้เลย