การคิดเชิงกลยุทธ์
การคิดเชิงกลยุทธ์

    การคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking) คือ ปฏิภาณนำปัญญาต่างๆ แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงด้วยวิถีแห่งธรรม

    เราจะฆ่ากันก็ต้องใช้การคิดเชิงกลยุทธ์ เราจะเป็นพระก็ต้องมีกลยุทธ์ แม้ว่าเราจะไปนิพพานก็ต้องใช้การคิดเชิงกลยุทธ์เช่นเดียวกัน

    ยกตัวอย่าง เรามีหมาอยู่ ๕ ตัว เราจะสอนหมาเราต้องมีกลยุทธ์ เราจะมีกลยุทธ์ยังไงให้หมา ๕ ตัวเชื่อฟังเรา กลยุทธ์นี้จะใช้ทุกอย่าง ไม่ว่าเราจะขี้ไม่ออก เป็นคนท้องผูก เราต้องมีกลยุทธ์ยังไงให้ขี้เราออกมาได้ดี นี่แหละใช้ได้ทุกตัว

    ภาวะกลยุทธ์

    ราบรื่น คือ ไปได้เรื่อยๆ ใหลลื่น

    ลุล่วง คือ ผ่านได้ ตรงนี้พอผ่านได้แล้ว แต่บางทีอาจจะไปติดตรงไหนก็ได้

    ผ่านพ้น คือ พอเราผ่านได้เราก็ต้องผ่านพ้น ถ้าเราผ่านได้แต่ยังไม่ผ่านพ้น ผ่านพ้นมันถึงจะหลุดออกมา

    หลุดพ้น คือ หลุดออกมาจากภาวะนั้นๆ

    เกิดการเปลี่ยนแปลง เหตุเช่นใดผลก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุเช่นนั้น

    เหมือนกับที่เราเบ่งขี้ ก็จะมีอาการอย่างข้างต้นนี้ ถ้าเราขี้ราบรื่นก็จะลุล่วง เมื่อลุล่วงก็จะผ่านพ้น แล้วขี้นี้ก็จะหลุดออกมาจากก้นของเราลงคอห่าน นี่แหละเราถ่ายทุกข์ ทุกข์ก็จะหาย

    ขี้จากลำไส้ถึงรูก้น การขี้ต้องมีความราบรื่น ถ้าไม่ราบรื่นก็จะไม่มีการยอมขี้ ถ้าข้างในมีตัวราบรื่นล่ะ เขาจะเริ่มส่งสัญญาณว่า "กูจะขี้" นี่แหละราบรื่นอยู่ตรงนี้เอง ถ้าไม่ราบรื่นก็จะไม่ขี้ พอราบรื่นก็จะมีน้ำหล่อลื่น มีอะไรต่อมิอะไร พอราบรื่นแล้วก็จะมีการพยายามเบ่งขี้ให้ออกมา ก็จะลุล่วงมาเป็นเปราะๆ เพราะว่าลำไส้ใหญ่เราขด ก็จะเป็นเปราะๆ พอเปราะมาถึงตรงนี้ก็ต้องผ่านพ้น ก็จะเกิดแรงเบ่ง ก็จะหลุดพ้น ถ้าไม่หลุดพ้นขี้ก็จะไม่หลุดออกมา 

    หลุดออกมาจากภาวะนั้นๆ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง เหตุเช่นใดผลก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุเช่นนั้น

    แม้แต่ขี้ก็ยังมีกลยุทธ์

    เกิดการเปลี่ยนแปลง เหตุเช่นใดผลก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุเช่นนั้น อย่างนี้แหละเป็นวิถีแห่งการแก้กรรม วิถีนี้เป็นอริยสัจ ๔

    การขี้นี่แหละเป็นอริยสัจ ๔ แม้พระพุทธเจ้าท่านก็ขี้

    นี่แหละเป็นกลยุทธ์ที่จะดูแลลูก ต้องรู้กลยุทธ์ ถ้าเราไม่รู้จักกลยุทธ์ เราก็ดูแลลูกไม่ได้ กลยุทธ์ในการจัดการลูก ดังนี้

    ๑. เราต้องเข้าใจลูก 

    ๒. เราจะใช้วิธีคุยยังไงกับลูก

    ๓. เราจะจูงลูกยังไง

    ๔. จะทำยังไงให้ลูกนับถือเรา เหตุที่เขาจะนับถือเรา เพราะเราช่วยเขาได้ เขาก็จะนับถือเรา พอเขานับถือเราเขาก็จะเชื่อฟังเรา ก็จะง่าย

    ทั้งหมดนี้จะเสกเอาแล้วจะได้มั้ย จะเป็นมั้ย ไม่สามารถทำได้ เราต้องเรียนรู้ ผู้ปกครองเด็กต้องเรียนรู้

    พ่อแม่บางคนซื้อเสื้อผ้าให้ลูกเผื่อ เช่น เสื้อใหญ่ รองเท้ายาว เวลาเด็กเดินแล้วลุ่มล่าม ตกลงเราคิดแทนลูกหรือเปล่า หรือว่าเราคิดเอาแต่ใจตนเอง แล้วเราเคยถามตนเองมั้ยว่า แล้วเราจะให้ลูกรักเราได้ยังไง ในเมื่อเราไม่ได้คิดแทนเขา ลูกก็จะเคืองใจอยู่ตลอดเวลาว่า "ขออย่าให้กูใหญ่เหอะ ถ้ากูใหญ่ กูจะได้ปฏิวัติซักที" นี่แหละเป็นที่มาบ่มเพาะ พอเขารู้อีกหน่อยหนึ่งเขาก็จะไม่ฟังพ่อแม่ล่ะ เด็กก็จะพูดว่า ฉันจะหาเพื่อน ฉันมีเหตุผล เพราะว่าอะไร เพราะว่าไม่มีความผูกพัน เด็กเขาไม่มีความผูกพันกับพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก กูถูกคนนี้แหละ กูจำหน้าไว้ อีนางมารร้าย

    เข้าใจขี้ ขี้ให้เป็น ก็ถึงนิพพานได้
    เข้าใจขี้ ขี้ให้เป็น ก็แก้ทุกข์ได้
    เข้าใจขี้ ขี้ให้เป็น ผัวก็รัก เมียก็รัก ครอบครัวสันติ

^_^  ..._/_...  ^_^ 
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต



Create Date : 30 กรกฎาคม 2563
Last Update : 30 กรกฎาคม 2563 11:50:59 น.
Counter : 243 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Prommasit.BlogGang.com

พรหมสิทธิ์
Location :
เชียงราย  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด