New Year and My Wish กลับมาแล้วว...... ได้กลับบ้านนอกไปตั้ง 1 อาทิตย์น่ะ ดีใจที่ได้กลับไปเจอเพื่อนฝูงและฉลองปีใหม่กับญาติพี่น้อง คืนวันที่ 31 ธ.ค. ฉันเมาเละ ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นที่กรุงเทพฯ พอตอนเช้าแม่ก็ขุดออกจากที่นอนแต่เช้ามืดเพื่อไปใส่บาตรรับปีใหม่ กว่าจะใส่บาตรเสร็จก็ก็สายโด่ง กินข้าวเสร็จก็ต้องรีบไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อๆ วันนั้นนั่งเป็นซอมบี้เลย เมาค้าง แถมตื่นแต่เช้ามืด นึกว่าจะนั่งเฮฮาปาร์ตี้สักแค่ 1 2 ชม. แต่ปาเข้ากว่าค่อนวัน เพราะคุณเธอแต่ละคนทยอยมา ทำเอาเพื่อนที่มานั่งรอก่อนนั่งหน้าบูดเลย แต่ที่บูดหนักคือพวกเด็กบริกร มาทีละคน สั่งทีละอย่าง บริกรชักเริ่มรำคาญ พอตกบ่ายจัดๆ สัก 3 โมง เริ่มจะสร่างเมา แต่ได้เวลาแยกย้ายสลายโต๋ซะแล้ว ก็แหงสิ! นั่งกันมาตั้งแต่ 10 โมงเช้าแล้วนิ ! ขอบคุณร้านเลมอนทรีที่เชียงใหม่ไม่ถีบพวกเราออกมาจากร้านก่อน (^^) ก็ได้ update ข่าวคราวเพื่อนฝูง บางคนฟังแล้วก็กลุ้มแทน บางคนก็แสนจะเซอร์ไรส์ โดยเฉพาะเพื่อนๆ ทอมของฉัน กลับตัวกลับใจกันไปหลายคน (หัวเราะ) วันปีใหม่เป็นวันที่เราจะถือโอกาสเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ใช่ไหมล่ะ ? ฉันนั่งคิดระหว่างแอลกอฮอล์ยังอยู่ในเส้นเลือดคืนวันที่ 31 ธ.ค. เอาไว้ว่า 1. จะเลิกเป็นคนเจ้าอารมณ์เสียที อ่า.... ความจริงฉันไม่ใช่คนขี้โมโหนะ แต่พอได้ลงได้โมโหแล้ว จะระเบิดตูมเลย ก็จบแค่นั้น ไม่ต้องเอามาพูดอีก เพราะเป็นคนลงได้มีจุดยืนแล้ว เปลี่ยนยาก แต่ชาวบ้านคู่กรณีเขาชอบอาฆาตพยาบาทฉันชอบกลนี่สิ ที่ไม่เป็นผลดี (^^) จะพยายามกินแคลเซียมและวิตามินซีให้มากขึ้นก็แล้วกัน เพราะบางที รู้สึกเหมือนมันเป็นกลไกทางเคมีในร่างกายมากกว่าเรื่องของวุฒิภาวะ 2. เลิกใจร้อนและเลิกขับรถเร็วสักที เมื่อก่อนขับทีสัก 80 90 กม./ชม. นี่ก็รู้สึกว่าเร็วมากแล้ว แต่หลังๆมานี่ กลับบ้านทีไร พอได้จับรถ เหยียบเป็น 100 กม./ชม. เลย ไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าตัวเองขับรถเร็ว จนกระทั่งเหลือบตามองหน้าปัดความเร็วนั่นแหละ ถึงเห็นว่าร้อยฝ่าๆ แล้ว (-__-) พยายามจะลดๆ แต่เผลอทีไร ไปถึงร้อยทุกที แถมยังขับรถเปรี้ยวมาก กลัวเหมือนกันว่าสักวันจะเจอดีเข้า เพื่อชีวิตที่ยืนยาว ต้องลดละให้ได้ (>_<) ! วันนี้นั่งแท็กซี่กลับบ้านจากหมอชิต เอ่อ... แท็กซี่ขับเหยียบซะ 120 กม./ชม. ยังไม่รู้สึกว่าเร็วเลย เอ.... หรือเราชินมากเกินไปแล้ว ? 3. ตั้งใจทำงานให้มากขึ้น ลดการทะเลาะเบาะแว้งกับหัวหน้าให้น้อยลง ยังไงหัวหน้าก็ต้องถูกที่สุดอยู่แล้ว เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งหัวหน้าเป็นคนประเภทแพ้ไม่ได้ด้วย อ้อ.... ต้องลดเวลาเล่นเนทด้วยสิ จะได้มีเวลาทำงานมากขึ้น ทำยากจัง .... แต่จะพยายาม ! เอาแค่ 3 ข้อก่อน ถ้าทำได้ คงจะวิเศษไปเลย อยากจะเพิ่มข้อ เลิกติดเกมส์ด้วย โงว...... แต่อาการติดเกมส์ยังไม่เข้าขั้นรุนแรง แต่มันเสียเวลาชีวิตไปบ้างเท่านั้น ปล. ต้องหัดร้องคาราโอเกะให้ดีด้วย เพราะคืนนั้นเริ่มรู้สึกตัวว่า ร้องเพลงได้ห่วยแตกสิ้นดี (>_<) กลับบ้านไปหนนี้ นอกจากไปนั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือแล้ว เวลาทั้งหมดที่เหลือก็ทุ่มให้กับการไปงาน ราชพฤกษ์ 2549 นี่แหละ ผิดจากที่คิดเอาไว้เยอะเลย นึกว่าเหมือนงานเกษตรโลกที่มช.เคยเป็นเจ้าภาพเมื่อประมาณ 3 4 ปีก่อน ตอนนั้นคณะเกษตรศาสตร์ มช. เป็นเจ้าภาพ ทุ่งดอกไม้ ทุ่งดอกทานตะวันเป็นทุ่งๆ มีภูเขาดอกไม้ป่า มีพันธุ์พืชและผลิตผลทางเกษตรขายหลากหลาย แต่งานราชพฤกษ์นี่เป็นอะไรที่เป็นทางการและระเบียบเรียบร้อยมากๆเลย งานพืชสวนโลก ไม่ใช่งาน ไม้ดอกไม้ผลโลกนี่เนอะ ก็สนุกและสวยงามมาก แม้ไม่หวือหวาฟู่ฟ่ามากอย่างที่คิดเอาไว้ ฉันเองก็ไปติดใจงานฝีมือของพวกประเทศจากแถบแอฟริกา ที่ขนเอางานไม้พวกตุ๊กตาประดับ และเครื่องประดับมาขาย สวยมากเลยล่ะ โดยเฉพาะจากประเทศมอรอคโค งานเครื่องแก้วและฝังมุกสวยมากๆ ได้แก้วน้ำแฮนด์เมดมา 2 ใบ (^^) ส่วนประเทศนามิเบีย ได้สร้อยหินเม็ดเล็กๆ แต่สีสวยจัดมา 2 เส้น ชอบสีแดงมากเป็นพิเศษ เพราะเหมือนหยดเลือดหยดเล็กๆ ใช้เวลา 3 วัน กว่าจะเที่ยวได้ทั่วงานล่ะ เพื่อนๆฉันที่เชียงใหม่แต่ละคนเกิน 3 รอบไปแล้วทั้งนั้น แหม.... ถ้าอยู่นานฉันคงหมดเงินไปกับพวกของประดับจากประเทศแอฟริกาอย่างที่ว่า เพราะงานสวยจริงๆ และฉันคิดว่ามันไม่แพงมากด้วย ได้ถ่ายรูปคู่กับดอกทิวลิปและทุ่งดอกไม้ก็พอใจแล้วค่ะ เสียดายที่พอกลับมา ทางญี่ปุ่นก็ยกเอาดอกซากุระกับทิวลิปมาแสดงต่อ เลยอดถ่ายรูปกับซากุระเอาฤกษ์เอาชัยเลย (^^)::: อาการไม้ในร่มของป่าดิบชื้นค่ะ สวยงามร่มรื่นมาก อ่านการ์ตูนญี่ปุ่นมานาน ใฝ่ฝันถึงดอกคาเมเลียหรือสึบากิ ในที่สุดก็ได้สัมผัสตัวเป็นๆที่สวนญี่ปุ่น อยากเห็นสีแดงสดจังเลย ว่านแสงอาทิตย์ปลูกเป็นกอใหญ่ สีแดงสะใจดีค่ะ การจัดกล้วยไม้ที่แปลกตาดี แต่เก๋ค่ะ ชอบดอกไม้ที่มีสีน้ำเงินที่สุดเลย โดยเฉพาะไฮเดรเยีย ต้นเล็กไปหน่อย บนดอกอินทนนท์ต้นใหญ่และดอกใหญ่มาก จากสวนโครงการหลวงค่ะ ไฮไลท์ของงาน อุโมงค์ต้นไม้ ข้างสวนจากฎูฏาน ต้องเข้าคิวเข้าชมด้วยน่ะ! หมดเพียงเท่านี้ค่ะ แปลกนะคะ งานนี้คนไทยด้วยกันเอง พยายามเขียนลงสื่อหลายแห่งบอกคนไทยด้วยกันไม่ควรไปเที่ยว ไม่รู้จะผูกใจเจ็บอะไรหนักหนา งานมันก็จัดไปแล้ว ถ้าคนไปเที่ยวน้อยๆ แล้วเจ๊ง จะมีความสุขมากหรือ ? สถานที่จัดงานมันจะกลายเป็นป่าหายวับไปกับตาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่คนที่ไม่คิดจะไปอยู่แล้ว ไม่ว่ากันค่ะ ฉันเองแต่แรกก็ไม่อยากไปเหมือนกัน เพราะทนคนเยอะๆ และอากาศร้อนๆไม่ค่อยได้ แต่ไปแล้วก็สนุกดีค่ะ ดูสวนที่จัดแบบประเทศต่างๆ ก็สวยงามน่ารักน่าเอ็นดูดี มีความสุขค่ะ |
บทความทั้งหมด
|