ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๙)
เปิดกรุหนังสือเก่า

ชุดทหารรับจ้างเดนตาย

ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๙)

สยุมภู ทศพล

ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 9

ควันไฟที่คละคลุ้งอยู่บนยอดเนินสกายไลน์ตั้งแต่ “ชาร์ลี-แทงโก้” ไปจนสุด “ชาร์ลี-ออสก้า” ที่เกิดจากอำนาจระเบิดของเครื่องบิน B-52 เมื่อตอนดึกของเมื่อคืน ยังปรากฏอยู่เป็นหย่อมๆไปทั่วอาณาบริเวณ
พอแสงอาทิตย์ส่องจ้าขับไล่สายหมอกบางๆที่ครอบคลุมยอดเนินจนมองเห็นแต่เพียงรางๆไปจนหมดสิ้น

ภาพภูเขาๆหัวโล้นก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่ ขณะนี้ยอดที่สูงที่สุดของเนินสกายไลน์ทู แหว่งหายไปจนมองเห็นด้วยสายตาเปล่าอย่างถนัดชัดเจน สีเขียวสดของแมกไม้ที่มองดูเขียวสดชั่วนาตาปีของเนินสกายไลน์เปลี่ยนเป็นสีแดงของเนื้อดินที่ถูกอำนาจขุดคุ้ยของแรงระเบิดพลิกขึ้นมาแทนที่

จากการตรวจการณ์ด้วยกล้องสนามแรงสูงปรากฏหลุมบ่อมหึมาคล้ายๆกับเตาขนมครกขนาดยักษ์ที่ถูกอำนาจลึกลับจับขึ้นไปวางพาดขวางบนแนวสกายไลน์และเป็นที่น่าสังเกตุว่า หลุมเหล่านั้นเกาะกลุ่มเหมือนวิถีกระสุนที่บรรดามือปืนฝีมือเยี่ยมทั้งหลายบรรจงเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนเข้าสู่เป้าด้วยแนวกระสุนที่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอย่างสวยงาม

ไม่มีหลุมระเบิดแตกกลุ่มออกมาจากเนินสกายไลน์ลงมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวหมู่บ้านชาวแม้วที่มองเห็นลิบๆอยู่เบื้องล่างเลยแม้แต่หลุมเดียว อย่างดีก็เพียงหล่นจากยอดเนินหลุดออกมาระเบิดเป็นรอยแหว่งอยู่ ณ บริเวณร่องสันเขาที่เป็นร่องน้ำเพียงสองสามหลุมเท่านั้น

ผมเพิ่งเคยเห็นความแม่นยำในการทิ้งระเบิดจากเครื่องอิเล็กโทรนิคของเครื่องบิน B-52 ในครั้งนี้เอง ทุกครั้ง B-52 บินไม่เคยต่ำกว่าสองหมื่นฟิตด้วยอำนาจกลไกที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ระเบิดหล่นสู่เป้าหมายได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์เต็ม

เสียงแหลมเล็กของเครื่องบิน “L-19” สองเครื่องที่เพิ่งบินมาจากสนามบินนาซู บินร่อนเล่นลมอยู่สูงลิบเหนือเนิน สกายไลน์ทู เจ้าสไปร้ทเพื่อนรักของผมคงจะได้เครื่องบินประจำตัวใหม่แล้ว ผมเห็นว่าสไปร้ทกำลังบินตรวจการณ์ ก็เลยไม่กล้ากระเซ้าเย้าแหย่มันทางวิทยุเหมือนที่เคยทำ อย่างดีที่ผมกระทำก็คือ หมุนปุ่มวิทยุปรับความถี่ให้ตรงกับ “ไอ้ปากหมา” คอยรับฟังข่าวคราวที่สไปร้ทกำลังจะรายงานผลความเสียหายและการเคลื่อนไหวให้ “เบาน์เดอร์ คอนโทรล” (ศูนย์บังคับบัญชาพวกล่ามที่ขึ้นตรงต่อ ซี.ไอ.เอ.โดยเฉพาะ) ทราบ

สนามบินเมืองล่องแจ้งถูกปิดการจราจรทางอากาศ ไปโดยปริยายอุปกรณ์สงครามถูกลำเลียงเอามาเก็บไว้ ณ สนามบินนาซู เม็นแล้มที่เคยคึกคัก บัดนี้เงียบเชียบเหมือนป่าช้า อย่าว่าแต่คนเลยครับ แม้แต่สุนัขเลี้ยงของชาวแม้วก็ยังไม่กล้าที่จะเดินผ่าน คล้ายๆกับพวกสัตว์เหล่านี้มันมีสัญชาตญาณ ที่พอจะรู้ว่าอำนาจระเบิดเหล่านี้สามารถทำให้มันตายได้ ผมเคยเห็นมันวิ่งหางจุกตูดกัน เมื่อตอนลูกระเบิดถล่มล่องแจ้งแล้วอดเวทนามันไม่ได้ ทั้งคนทั้งสัตว์ต่างก็มีความกลัวต่อความตายเหมือนกันทั้งนั้น

ตลาดล่องแจ้งปิดตัวเอง ตั้งแต่เนินสกายไลน์ทูโดนโจมตี ประชาชนก็เริ่มอพยพออกจากหมู่บ้านอีกครั้งและครั้งนี้ถึงกับใช้รถยนต์ขนข้าวขนของออกไปเลยทีเดียว จะมีเหลืออยู่ก็เพียงผู้ถือโอกาสขายของกินเล็กๆน้อยๆ ด้วยราคาที่สูงลิบลิ่วเท่านั้นเอง

หน่วยระวังป้องกันสนามบินที่ขนานนามตัวเองว่า “สิงห์ทะเลทราย” ใช้รถจิ๊ปติดปืน ปรส.ขนาดเล็ก หน้ารถก็ติดตั้งปืนกลแบบ M-60 พร้อมด้วยทหารรับจ้างเดนตายที่แตกจากทุ่งไหหิน คุมกำลังออกกวาดล้างบริเวณเมืองล่องแจ้งด้วยหัวใจที่คลั่งแค้นและอาฆาตทหารเวียดนามเหนือจนเข้ากระดูกดำ

ทหารเวียดนามเหนืออย่าให้พวกสิงห์ทะเลทรายเหล่านี้เห็นเข้าเป็นอันขาดเลยนะครับ พวกเขาจะฆ่าอย่างไม่ปราณีเลยทีเดียว ฆ่าไม่ฆ่าเปล่ายังมีการทารุณศพด้วยกรรมวิธีพิสดาร ยกตัวอย่างเช่น แหวะอกทหารเวียดนามเหนือลากลำไส้ออกมาสับทิ้งแล้วตัดเครื่องเพศออกมางัดปากให้กว้างเต็มที่ ยัดเครื่องเพศของข้าศึกให้งับติดเอาไว้ที่บริเวณริมฝีปากนั่นเอง

ผมเคยถามว่า ทำไมทารุณศพพวกเขามากมายถึงขนาดนี้ ทหารรับจ้างเหล่านั้นกัดกรามแน่น หันมาตอบผมอย่างเครียดแค้นว่า

“แค่นี้ยังไม่สาแก่ใจพวกผมหรอกครับ เมื่อตอนผมแตกมาจาก “ภูห่วง” ขนาดเพื่อนผมยกมือยอมแพ้ มันยังยิงด้วยอาร์ก้าอย่างไม่ปราณีปราศัย คนเจ็บคนตายที่นอนระเกะระกะมันใช้ดาบปลายปืนทิ่มแทงอย่างโหดร้าย ผมหนีพวกมันมาเกือบเดือน คราวนี้เป็นทีของผมบ้าง ผมปฏิญาณเอาไว้แล้ว จะไม่ไว้ชีวิตของพวกมันแม้แต่คนเดียว”

ผมก็เลยต้องเดินหนี ไม่กล้าที่จะพุดคุยกับทหารรับจ้างหน่วยสิงห์ทะเลทรายอีกต่อไป เพราะผมสังเกตุเห็นแววตาของทหารดังกล่าว ชักจะแวววาวด้วยความบ้าเลือดขึ้นมาทุกที จับพลัดจับผลูเห็นหน้าผมเป็น “ไอ้แกว” ขึ้นมา ผมก็เสร็จเท่านั้น

ภูมิประเทศที่ใดที่กองพันทหารรับจ้างสงสัยว่าจะมี “ตรวจการณ์หน้า” ของข้าศึกซุกซ่อนอยู่ขอให้บอกมาเถอะครับ ต่อให้หนทางลำบากขนาดใหน ขอให้รถจิ๊ปบุกเข้าไปได้เท่านั้นแหละครับ ด้วยกำลังพลเพียง 5-6 คน หน่วยสิงห์ทะเลทรายจะบึ่งเข้าไปกวาดล้างในทันทีทันใดเลยทีเดียว

กองพัน 617 ถอยลงมาจากเนินสกายไลน์ได้รับคำสั่งให้ถอนออกจาก “ชาร์ลี-บราโว่” เมื่อรวบรวมกำลังพลที่ บก.ส่วนหลัง จนได้กำลังพลที่กระจัดกระจายลงมาเรียบร้อยแล้ว ก็มุ่งหน้าขึ้นไปตั้งรับข้าศึก ณ บริเวณแพค “โฮเต็ล-แทงโก้” ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของ บก.ล่องแจ้งนั่นเอง

เนื่องจาก “ภูเวียง” ผบ.พันคนเก่าเสียชีวิต ทาง บก.ล่องแจ้งต้องวิทยุเรียก “ขุนศึก” คนใหม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดแถวๆชายแดนอีสานของประเทศไทยและในอดีตเคยบังคับบัญชากองพันที่ 601 มาแล้ว

“คำคม” หรือ สุภาพบุรุษจาก “ดงอีนำ” ได้บินมาถึงล่องแจ้งในเช้าวันนั้นเอง พอตกเย็นก็เข้ารับหน้าที่บังคับบัญชากองพันทหารรับจ้างที่ 617 แทน ผบ.พันคนเก่าทันที

“เบาเดอร์ จาก สไปร้ท มีข่าวด่วน พบกองทหารเวียดนามเหนือประมาน 2 กองพัน กำลังออกจากถ้ำที่บ้าน “น้ำชา” มุ่งหน้าขึ้นมาบนเนินสกายไลน์ทูตามเส้นทางเข้าฐาน ชาร์ลี-แทงโก้ โปรดขอเครื่องบินมาทำงานด่วนครับ”

เพียงคำรายงานของสไปร๊ทไม่กี่คำ สร้างความตื่นตระหนกให้กับกองบัญชาการล่องแจ้งอย่างเหลือหลาย พนักงานติดต่อจาก “เบาน์เดอร์” ตาลีตาเหลือกส่งวิทยุเข้าฐานบินอุดร เพื่อขอเครื่องบินแบบ F-105 มาโจมตีทิ้งระเบิดกองพันทหารเวียดนามเหนือที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านสกายไลน์มุ่งหน้าเข้ายึด กองบัญชาการล่องแจ้งต่อไป

สไปร้ทดึงเครื่องบินตรวจการณ์ขึ้นสูงลิบอยู่เหนือก้อนเมฆ ชะรอยสไปร้ทมันคงจะรู้พิษสงของ ปตอ.ที่คุ้มกันขบวนทหารราบของทหารเวียดนามเหนือได้เป็นอย่างดี มันจึงเลิกนิสัยบ้าดีเดือดที่มันเคยทำเป็นนิจศีล บินลัดเลาะเล่นลมในระยะที่ ปตอ. ไม่สามารถจะสอยมันลงมาคลุกฝุ่นได้

กองพันของผมอยู่ในสภาพพร้อมรบตั้งแต่เมื่อวาน จึงไม่มีปัญหาอะไรที่จะสร้างความหนักอกหนักใจมากนัก
อีกประการหนึ่ง ขบวนรถถังของข้าศึกที่เหลืออยู่เพียง 3 คัน ก็สงบเงียบจนพวกผมพากันคิดว่า รถถังของพวกมันคงชำรุด หรือไม่ก็ขาดน้ำมันจนไม่สามารถบุกตะลุยฐานของพวกผมได้ต่อไปอีกพวกมันคงจะรอจังหวะหรือว่ารอน้ำมันจากกองส่งกำลังบำรุง ซึ่งกำลังซุกซ่อนและแฝงกายลำเลียงมาจากทุ่งไหหินโดยทางเท้า(ถนนที่สร้างเอาไว้บนภูเขา B-52 ทำลายลงบางส่วน จนไม่สามารถที่จะใช้เป็นทางคมนาคมได้)

ต่อจากนั้น ไม่ถึง 30 นาที ขบวนทหารราบของทหารเวียดนามเหนือก็พรั่งพรูขึ้นมาเต็มเนินสกายไลน์ทู มองเห็นจากกล้องสนามเขียวพรืดไปหมดทั้งเนิน

เหมือนกับพระเจ้าช่วย เจ้า F-105 สามเครื่องลดเพดานบินวูบลงมาจากก้อนเมฆดิ่งเข้าเล่นงานทหารเวียดนามเหนือบนยอดเนินสกายไลน์อย่างรวดเร็ว

จรวดลูกแรกถูกยิงจากใต้ปีก ถล่มเข้าไปในกลางกลุ่มทหารเวียดนามเหนือ ประกายไฟผสมกับควันสีดำอมเทาพุ่งขึ้นสู่ฟ้าพร้อมๆกับเสียงระเบิดที่สะเทือนเลื่อนลั่น

กลุ่มทหารเวียดนามเหนือแตกฮือเหมือนกับผึ้งแตกรัง พากันวิ่งหนีเจ้า F-105 ที่กำลังยิงจรวดเข้าใส่อย่างเมามันอยู่เบื้องบน

ทหารกลุ่มหนึ่งซึ่งจากการตรวจการณ์ของสไปร้ทที่อยู่บน “ไอ้ปากหมา” รายงานให้ทราบว่า มีประมาน 200 คนลงไปซ่อนอยู่ในหลุมระเบิด B-52 สองสามหลุมที่บริเวณล่องน้ำด้านลาดลงเมืองล่องแจ้ง

คราวนี้เจ้า F-105 ทั้งสามเครื่องปราดเข้ารุมกินโต๊ะเป็นจุดเดียวกันเลยทีเดียว
จรวดทั้งหมดที่อยู่ใต้ปีกถูกสวิทช์พุ่งถล่มลงไปในบริเวณก้นหลุม B-52 ที่ทหารเวียดนามเหนือซุกซ่อนอยู่อย่างชนิดเทกระจาดกันเลยทีเดียว

“ทั้งสามหลุมเกลี้ยงหมดเลยครับ โน่น วิ่งไปทางชาร์ลี-ออสก้าร์อีก 100 กว่าคน ช่วยไล่ต้อนกลับมาที่ชาร์ลี-แทงโก้ด้วยครับ”

สไปร้ทรายงานการเคลื่อนไหวของข้าศึกให้ F-105 ทราบอีกครั้ง

จรวดที่เหลือชุดสุดท้ายกระหน่ำทหารเวียดนามเหนือล้มระเนระนาด ที่รอดจากอำนาจระเบิดก็เผ่นลงจากเนินหาที่กำบังตามมีตามเกิด

ฝูงบินจากอุดรแห่กันมาเล่นสงครามเลือดบนเนินสกายไลน์อีก 3 ฝูงตามคำร้องขอของ “เบาน์เดอร์ คอนโทรล” ที่หวังจะถอนรากถอนโคนทหารเวียดนามเหนือให้เกลี้ยงทั้งเนินสกายไลน์

เจ้าสามเครื่องจากฝูงแรก แตกกลุ่มกันลงมาจากท้องฟ้าไล่ทิ้งระเบิดขับไล่ทหารเวียดนามเหนือ ซึ่งขระนี้กำลังหนีตายจากยอดเนินไปคนละทิศละทาง บางกลุ่มก็มุ่งหน้าไปทาง “ชาร์ลี-จูเลียต” ที่กองร้อยทั้งสองของกองพัน 616 ตั้งฐานขวางทางอยู่

“อิสเรสจากกองสิงห์ ข้าศึกประมาน 25 คน จากการตรวจการณ์ของไอ้ปากหมา กำลังเคลื่อนที่ไปที่ ชาร์ลี-จูเลียต ให้ระวังตัวด้วย”

“รับทราบ รับปฏิบัติครับ ขณะนี้ผมจัด “ชุดต้อนรับ” เอาใว้รับมือโดยเฉพาะเอาไว้แล้ว ก็ไอ้พวกหน่วยกล้าตาย ชุดเดิมของเรานั่นแหละครับ”

รอง ผบ.ร้อย กองร้อยท่สองกล่าวตอบ ผบ.พันของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

“บอกชุดกล้าตายของเราด้วย พยายามป้องกันฐานอย่างเต็มที่ ถ้าข้าศึกถอนตัว อั๊วมีรางวัลให้ “อาบน้ำ” ที่อุดร 3 วันพอใจมั้ย”

กองสิงห์ “ฉีดยา” ลูกน้องต่อไปอีก

“โอเคครับ ผู้พัน ไอ้พวกนี้มันอยากไปอาบน้ำที่อุดรจนตัวสั่นไปหมดแล้ว แบบนี้พวกมันสู้ตายแน่ครับ”

อิสเรสสวนคำพูดขึ้นมาทันทีทันควัน

ไม่มีกองทหารเวียดนามเหนือเหลืออยู่บนเนินสกายไลน์ทูอีกเลย จากการตรวจการณ์ของสไปร้ทที่บินลงต่ำ เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์บนยอดเนินเข้าสู่สภาพปกติแล้ว

“ข้าศึกล้มตายประมานไม่ต่ำกว่า 700 คน ไอ้เฉพาะที่นอนสุมกันอยู่ในหลุม B-52 ก็กว่าครึ่งเข้าไปแล้วครับ ประเดี๋ยวผมจะถ่ายรูปลงไปให้ บก.ล่องแจ้งดูด้วยตนเอง”

สไปร้ทตะโกนก้องวิทยุ พร้อมกับโฉบบินตรวจการณืต่อไปอีกอย่างละเอียดถี่ถ้วน เสียงไชโยดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหวในห้องประชุม บก.ล่องแจ้ง พวกฝรั่งของ “ซี.ไอ.เอ” จับไม้จับมือกันเองด้วยความยินดีปราโมทย์ที่สามารถยับยั้งทหารเวียดนามเหนือที่กำลังมุ่งหน้าข้ามเนินสกายไลน์ลงมายัง บก.ล่องแจ้งลงได้

คราวนี้อนาคตของล่องแจ้งที่ริบหรี่ ที่จวนจะดับแหล่มิดับแหล่ก็สว่างขึ้นชั่วคราว เพราะอำนาจการทิ้งระเบิดของฝูงบินจากอุดร ข้าศึกจะต้องใช้เวลาอีกนานเหลือเกินกว่าจะรวบรวมกำลังบุกเข้าเมืองล่องแจ้งอีกครั้ง

อากาศที่สว่างจ้าของเมืองล่องแจ้งเริ่มทำพิษอีกแล้ว อยู่ดีๆสายหมอกก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เริ่มปกคลุมเนินสกายไลน์จนมืดครึ้มไปหมด จนกระทั่ง “ไอ้ปากหมา” ทำงานไม่ได้ ต้องบินกลับไปยังนาซูในทันทีทันใดนั้นเอง

ยิ่งพลบค่ำมากเท่าใด สภาพเลวร้ายของอากาศก็ยิ่งทวีความมืดมากขึ้นเท่านั้น หมอกจับตัวลงต่ำ จนกระทั่งถึงตีนเขาสกายไลน์ และเริ่มลามเลียแผ่กว้างออกไปครอบคลุมอาณาบริเวณเมืองล่องแจ้งจนทึบไปหมดทั้งเมือง

สภาพอากาศเป็นใจให้กับข่าศึกเหลือเกิน คราวนี้เป็นโอกาสทองของพวกมันแล้ว พวกข้าศึกที่รอดชีวิตจากอำนาจระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆก็ค่อยๆทยอยกันออกมารวบรวมกำลังอย่างไม่ต้องคอยระมัดระวังการตรวจการณ์จากฝ่ายเราอีกต่อไป

คืนนั้น เป็นคืนที่ทหารรับจ้างจากกองร้อยที่สองของผมเตรียมพร้อมอย่างหนักที่สุด ทั้งลูกแถวและผู้บังคับบัญชาออกมานอนหมอบอยู่ในคูสนามเพลาะ อาวุธหนักและอาวุธประจำกายติดมืออยู่ตลอดเวลา พร้อมที่จะยิงได้ทันท่วงที
ไม่เสียหลายที่เตรียมรับมือพวกมันหรอกครับ ยังไม่ทันถึงห้าทุ่มดี พวกมันที่แตกฝูงลงมาจากเนินก็ประทะกับส่วนหน้าสุดของกองร้อยที่สองเข้าให้แล้ว

เนื่องจากคำว่า “อุดร” ที่กองสิงห์ให้คำมั่นสัญญากับหน่วยกล้าตายเอาไว้ ทำให้ทหารรับจ้างชุดนั้นสู้อย่างชนิดถวายหัวเลยทีเดียว

ทหารเวียดนามเหนือ 4-5 คนถูกอำนาจระเบิดมือของทหารรับจ้างนอนสุมกัน ณ บริเวณแท้งค์น้ำของโรงเรียน ผบ.ร้อยทหารแม้วนั่นเอง ที่เหลือก็วิ่งกระเจิงไปทาง “วัด” ที่อยู่หัวสนามบิน ก็เลยตกเข้าไปอยู่ในทิศทางปืนของกองพัน 618 เข้าไปอีก

คราวนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครหรอกครับ ล่อกันให้มั่วไปหมด จนกระทั่งเสียงปืนอาร์ก้าที่กราดโต้ตอบขาดเสียงไป
ด้วยอำนาจของแฟลร์จากฐานปืนใหญ่ “แคนเดิ้ล” ที่ยิงสว่างโร่เหนือฐานกองพัน 618 สามารถตรวจการณ์พบทหารเวียดนามเหนือนอนตายอยู่อย่างถนัดชัดเจน
ไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจค้นหรอกครับ รอจนกระทั่งรุ่งเช้า หน่วยกล้าตายจึงออกไปเคลียร์พื้นที่ เคลียร์ไม่เคลียร์เปล่า ยังอุตส่าห์ยึดข้าวของสมบัติส่วนตัวของทหารเวียดนามเหนือที่เสียชีวิตติดมือกลับเข้ามาอีกด้วย

จากเอกสารและเครื่องหมายยศของผู้ตาย ทำให้เราทราบว่า ทหารกองพันนี้เป็นกองพันที่ 146 ของเวียดนามเหนือ หัวหน้าที่ควบคุมมียศเป็นนายร้อยโทและจากรูปถ่ายในซองธนบัตรยืนยันให้ บก.ล่องแจ้งทราบว่าทหารเวียดนามกองพันนี้ ผ่านการอบรมมาจากจีนแดงทั้งสิ้น

รวมเบ็ดเสร็จ 10 ศพพอดีที่ทหารรับจ้างของกองพันผสมสังหารข้าศึกได้ ทำให้ขวัญและกำลังใจของทหารรับจ้างที่เคยเกรงกลัวทหารเวียดนามเหนือเหมือนกับหนูกลัวแมวดีขึ้นแยะทีเดียว

จากคำสั่งของ บก.ล่องแจ้ง ให้กองพัน 618 และกองร้อยที่สองของ 616 จัดชุด “ล่าสังหาร” ขึ้นกวาดล้างบริเวณตีนเขาสกายไลน์ทูภายในเช้าวันนั้นเอง

ไม่มีพวกข้าศึกหลงเหลืออยู่หรอกครับ พวกมันที่เหลือรอดชีวิตก็พากันล่าถอยไปจากเนินสกายไลน์จนหมดสิ้น จะมีก็แต่ซากศพของพวกมันระเกะระกะไปทั่วอาณาบริเวณเท่านั้น

เหตุการณ์อันน่าสะพึงกลัวได้ผ่านพ้นไปในที่สุด และนอกจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาแผ้วพานมาทำความยุ่งยากให้กับพวกผมอีกเลย จนกระทั่งสามวันผ่านพ้นไปทาง บก.ล่องแจ้งก็ถอนกองร้อยที่สองให้ขึ้นไปเสริมกำลังบนเนินสกายไลน์ ที่ บก.พัน 616 ตั้งฐานอยู่ ตามคำร้องขอของกองสิงห์ ผบ.พัน 616 ที่ต้องการจะใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา

เนินสกายไลน์วัน เป็นภูเขาแฝดสามยอด กองสิงห์คงจะเห็นว่า กองร้อยที่ 3 ที่อยู่บริเวณ “ชาร์ลี-บราโว่” มีสภาพภูมิประเทศที่กว้างเกินอำนาจป้องกันของกองร้อยที่ 3 ที่ขึ้นมารวมอยู่บนเนินสกายไลน์วันทั้งหมด

ทาง บก.ล่องแจ้งคงจะเล็งเห็นว่า ที่ตั้งฐาน 616 มีความสำคัญต่อกอง บก.ล่องแจ้งเป็นอันมาก ถ้าข้าศึกยึดฐานดังกล่าวได้ จะต้องใช้อาวุธหนักถล่มสนามบินได้สบายทีเดียว ก็เลยอนุมัติพร้อมกับส่งกองพัน 604 ขึ้นไปวางกำลังตั้งแต่ชาร์ลี-เอคโค่ เป็นต้นไปจนกระทั่งถึงชาร์ลี-บราโว่เลยทีเดียว

“เอาละครับ คราวนี้กองพันของผมมีครบทั้งสามกองร้อยแล้ว ขอให้พวกมันปีนเขาขึ้นมาเถอะ คงได้ฟัดกันสนุกมือละทีนี้”
กองสิงห์พูดขึ้นมา ในขณะที่พวกเรานั่งล้อมวงกันกินอาหารเย็น
วันที่กองร้อยที่สามกำลังเคลื่อนย้ายกำลังพลเดินลัดเลาะตามถนนบนไหล่เขาขึ้นมาบนเนินสกายไลน์วันมองเห็นระยิบระยับไปหมด

ผมอดขำไม่ได้ที่เห็นทหารรับจ้างบางคนไล่ต้อนจับเอา “ลา” ของชาวบ้านแม้วที่ทิ้งเอาไว้มาบรรทุกสัมภาระอย่างสบายใจเฉิบไปเลย แล้เจ้าลาดังกล่าวก้ไม่ยอมจากกองพันของผมไปจนกระทั่งมันเสียชีวิตเพราะบังเอิญเดินไปเหยียบเอากับระเบิดที่วางดักข้าศึกเอาไว้

□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□



Create Date : 25 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2557 7:36:02 น.
Counter : 1528 Pageviews.

0 comments
15/04/67 สมาชิกหมายเลข 4675166
(15 เม.ย. 2567 09:46:52 น.)
ธี่หยด (2566) ไมเคิล คอร์เลโอเน
(15 เม.ย. 2567 12:42:37 น.)
๏ ... คืนฟ้าไร้ดาว ... ๏ นกโก๊ก
(14 เม.ย. 2567 09:49:36 น.)
เรื่องเล่าที่ไม่เกี่ยวกับวันสงกรานต์ tanjira
(13 เม.ย. 2567 16:10:32 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pn2474.BlogGang.com

เจียวต้าย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]