ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๕)
เปิดกรุหนังสือเก่า

ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย

ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๕)

สยุมภู ทศพล

ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 5

เสียงครวญครางเหมือนเปรตทวงวิญญาณของหางนำทิศ เมื่อเวลามันแหวกอากาศของลูกปืนใหญ่ขนาด 130 มม. เย็นเฉียบบาดจิตบาดใจเข้าไปในสมอง สิ้นเสียงครวญครางของมันครั้งใด จะต้องมีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวติดตามมาด้วยทุกครั้ง
เสียง...แว้ด...กรั้ม...แว้ด...กรั้ม ดังติดต่อกันเป็นระยะด้วยจังหวะที่ต่อเนื่องกันโดยไม่หยุดยั้ง เป็นที่น่าสังเกตุว่าตำบลกระสุนตกเลื่อนจากจุดเดิมเข้าหาคลังแสงที่อยู่เกือบท้ายสนามบินเข้าไปทุกที บางครั้งแนวการยิงของมันก็ข้ามฝั่งสนามบินเฉียดลานจอด (เม็นแล้ม) พุ่งดิ่งเข้าหาหมู่บ้านชาวแม้วที่สร้างอย่างง่ายๆ ด้วยไม้ไผ่แตะ หลังคาติดกันเป็นพืด
มันจะมีอะไรเหลือละครับ เศษดิน เศษไม้ กระเด็นปลิวว่อน หมู่บ้านกว่า 20 หลังคาเรือนหายวับไปกับตา เหมือนกับโดนพายุหมุน สะเก็ดระเบิดกระเด็นมา ตกบนหลังคาห้องอาหารของ บก.ล่องแจ้ง ดังกราวใหญ่

หีบห่อกระสุน ไม่ว่าจะเป็นลูกปืนใหญ่ขนาด 105 มม. หรือว่า 155 มม. ลูกระเบิดมือ ลูกปืนครกที่เพิ่งส่งมาจากอุดรหลายร้อยหีบ ซึ่งแพ็คเอาไว้ บริเวณ “เม็นแล้ม” เพื่อรอเวลาที่จะขนขึ้นแนวในเช้าวันรุ่งขึ้น มีหวังถูกระเบิดจากอำนาจการยิงที่รุนแรงของข้าศึกอย่างแน่นอน
ไม่มีใครออกคำสั่งให้ขนย้าย วัตถุระเบิดเหล่านั้นหรอกครับ แม้แต่ตัวฝรั่งเองก็เผ่นจนป่าราบ ส่งวิทยุเข้าสนามบินอุดร ขอชอปเปอร์มารับอย่างปัจจุบันทันด่วน

ชั่วเพียง 30 นาที ชอปเปอร์ที่จอดแสตนด์บายอยู่ในสนามบินนาซู ก็บินดิ่งมารับพวกฝรั่งเหล่านั้นหลบออกไปจากเมืองล่องแจ้งอย่างรวดเร็ว
เห็นไหมครับ เมื่อยามมีภัย ไอ้กันมันก็หนีเอาตัวรอดอย่างหน้าด้านที่สุด ปล่ยให้พวกรับจ้างรบที่ชีวิตไม่ค่อยจะมีค่างวดอะไร อยู่เสี่ยงอันตรายต่อไปและต่อไปท่ามกลางกระสุนปืนใหญ่ของพวกเวียตนามเหนืออย่างชนิดตัวใครตัวมัน

แม้กระทั่งนายของผมเองก็ตามที มิสเตอร์ “นอร์แมน” ยอดเสนาธิการของซี.ไอ.เอ. ก็ดันตาลีตาเหลือก เผ่นหนีไปกับเขาด้วย ปล่อยให้ฝรั่งกระจอกๆ 2-3 คน คอยอยู่รับหน้าพอเป็นพิธีเท่านั้น และก็พวกฝรั่งกระจอกๆเหล่านั้น ช่วยอะไรพวกเราไม่ได้หรอกครับ วิธีเดียวที่พวกมันกระทำได้ก็คือ ออกคำสั่งให้เรากินเงินดอลล่าร์ของพวกมัน ปฏิบัติงานแทนเท่านั้นเอง

แต่ขอโทษที ขณะนี้หมดเวลางานเสียแล้ว คำสั่งของพวกมันก็ไร้ความหมาย พวกผมเป็นทหารรับจ้าง เงินมาซีครับ ถ้าโอเวอร์ไทม์สูง พวกผมไม่เคยเกี่ยงสักครั้ง

ผมและเพื่อนๆ สามสี่คน หมอบนิ่งอยู่หลังกระสอบทราย บริเวณ บก.ล่องแจ้ง ที่ตรวจการณ์เห็นสนามบินได้ชัดที่สุด อดที่จะเป็นห่วงหีบกระสุนและวัตถุระเบิดนานาชนิดที่วางระเกะระกะอยู่ที่เม็นแล้มไม่ได้ เวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนติดปีกบิน จนกระทั่งพลบคำ การระดมยิงของพวกมันก็ไม่หยุดยั้ง บางครั้งลูกปืนของมันก้เพ่นพ่าน เข้าไปตกในบริเวณใจกลางเมืองล่องแจ้ง ซึ่งขณะนี้ กลายเป็นเมืองร้างไปเสียแล้วอย่างสิ้นเชิง
ประชาชนชาวแม้วเผ่นออกจากหมู่บ้าน ตั้งแต่กระสุนลูกแรกของข้าศึกตกลงบนสนามบินแล้ว พวกเขาหอบลูกจูงหลานเดินเป็นทิวแถวไปตามถนนที่ตัดเอาไว้บนภูเขา มุ่งหน้าขึ้นไปหลบซ่อนอยู่ในบริเวณหลังที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต (ปกติเจ้ามหาชีวิตของลาวจะประทับอยู่เมืองหลวงพระบาง นานๆครั้งพระองค์จึงเสด็จมาประทับในที่แห่งนี้) ที่มีเนินเขาสูงชันเป็นปราการธรรมชาติที่สามารถใช้เป็นที่หลบภัยได้อย่างปลอดภัยที่สุด

และแล้ว...หลังจากลูกปืนใหญ่ของมัน ที่ยิงเฉียดไปเฉียดมาหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุด...ลุกฟลุคของมันก็หล่นโครมลงบนกองกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ที่วางซ้อนกันเป็นภูเขาเลากาเข้าอย่างถนัดใจ

“บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม...บึ้ม”

สว่างยิ่งกว่าจุดพลุในงานมหกรรมใดๆ ที่ผมเคยเห็นมาทีเดียวครับ เสียงระเบิดของลูกปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ดังซ้อนๆกันจนแก้วหูแทบแตก ประกายไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าสว่างโร่ไปหมด บางครั้งก้มีแฟลร์ที่บรรจุอยู่ในลูกปืนครกระเบิดตูมตามขึ้น พร้อมกับส่งร่มแฟร์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสว่างไสว อย่างกับมีงานมหกรรมระดับชาติเลยทีเดียว

ไหนจะต้องคอยระวังสะเก็ดลูกปืนใหญ่ของฝ่ายเราที่กำลังระเบิดตูมตาม ไหนจะต้องพะวงกับอำนาจการยิงของข้าศึก ทำเอาทหารรับจ้างที่อยู่ บก.ส่วนหลังวิ่งวุ่นกันอลหม่าน
เสียงระเบิดดังรุนแรงยิ่งกว่าทุกครั้ง ประตูหน้าต่างกองบัญชาการสะเทือนสั่นโยกเยก

“คลังแสงของเราระเบิดแล้วครับ”

ทหารรับจ้างคนหนึ่งกระหืดกระหอบวิ่งข้ามสะพานเหล็กระหว่างโรงพยาบาล มุ่งหน้าเข้ามาหาพวกเราที่กองบัญชาการ
มันเป็นคราวเคราะห์อย่างช่วยอะไรไม่ได้ สะเก็ดของลูกปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ที่กำลังระเบิดตึงตังอยู่เฉือนเข้าที่บริเวณลำคอพอดี
ไม่มีเสียงร้องหรอกครับ ทหารรับจ้างที่ผมไม่รู้จักชื่อคนนั้น เซถลาหล่นวูบลงไปจากสะพาน ตกลงไปในร่องน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากอยู่เบื้องล่าง ลายวับไปกับความมืด ท่ามกลางความตกตะลึงของพวกเราที่มองเห็นเหตุการณ์อยู่แค่เอื้อม

ไม่มีใครลงไปช่วยหรอกครับ แทบทุกคนซบหน้าลงกับแนวกระสอบทราย หลบสะเก้ดระเบิดที่ปลิวออกมาไปรอบทิศ ด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
เสียงระเบิดที่ดังเหมือนกับฟ้าผ่าได้คำรามขึ้นอีกครั้ง...

อา...คลังแสงและอุปกรณ์ทุกชนิดของซี.ไอ.เอ. พินาศหมดสิ้นแล้ว เสียงระเบิดดังขึ้นซ้อนๆ กันหลายต่อหลายครั้ง แสงไฟลุกขึ้นท่วมท้องฟ้า มองเห็นสว่างโร่ไปทั่วบริเวณ
เหมือนกับนกรู้ ปืนใหญ่ของเวียดนามเหนือ ที่ระดมยิงอยู่ตลอดเวลา ยุติการยิงลงอย่างฉับพลัน แน่นอนเหลือเกิน “ตรวจการณ์หน้า” ของพวกมันที่แฝงกายอยู่ ณ บริเวณใดบริเวณหนึ่งของตลาดล่องแจ้ง คงจะแจ้งผลการยิงให้ฝ่ายมันทราบว่า ขณะนี้ผลการยิงของพวกมันสัมฤทธิ์ผลแล้ว พวกมันจึงยุติการระดมยิงในทันทีทันใด

เวลาผ่านไปจนกระทั่ง 24.00 น. แรงระเบิดจากกองกระสุนที่เม็นแล้มยังคงระเบิดต่อไปอีก และเริ่มแผ่วงกว้างออกไปทุกที ส่วนคลังแสงไม่ต้องพูดถึงกันละ ป่นปี้ไม่มีชิ้นดี ร่มชูชีพที่ใช้ “ดร็อป” ของ ถูกไฟเผลาผลาญไม่มีเหลือหลอ

ผมนั่งหลับนกอยู่ที่บริเวณกระสอบทรายนั่นเอง ศูนย์บังคับการที่อุดร ติดต่อสอบถามความเสียหายมาอยู่ตลอดเวลา พวกผมที่เข้าเวรวิทยุ ไม่ต้องพักผ่อนกันละ จัดแจงเข้ารหัสแจ้งผลความเสียหายอย่างมหาศาลให้ทางอุดรทราบเป็นระยะๆ
เกือบร้อยล้านบาท คือยอดประเมินสูญเสียจากการยิงของปืนใหญ่เวียดนามเหนือ

“ไอ้ปากหมา” เครื่องบินตรวจการณ์สองที่นั่งจอดอยู่ในโรงเก็บ รอดจากกระสุนปืนใหญ่และแรงระเบิดอย่างกับปาฏิหารย์
การระเบิดของกระสุนปืนได้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งรุ่งเช้า เสียงระเบิดจึงค่อยๆห่างลง และสงบเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเวลา 09.30 น. ผมคิดว่า คงจะยังไม่มีมนุษย์หน้าไหนสะเออะเข้าไปในบริเวณสนามบินหรอกครับ

ที่ใหนได้... พอพวกผมเข้าไปเคลียร์สนามบิน
อุปกรณ์การรบที่รอดจากแรงระเบิดถูกขโมยเรียบวุธ ปืนพก .45 เท่าที่ผมทราบประมาน 100 กระบอกล่องหนไปอย่างไม่มีร่องรอย
ชุดเครื่องแบบสนาม ผ้าเต๊นท์ ถูกมือดีขโมยเกลี้ยง

ตลาดล่องแจ้ง ถูกทหารรับจ้างที่สังกัด บก.ส่วนหลังของกองพันทหารรับจ้าง กองพันต่างๆกรูกันเข้างัดแงะรื้อค้นของชาวบ้านที่พากันละทิ้งบ้านช่อง หลบภัยจากแรงระเบิดกันเป็นจ้าละหวั่น
ไม่เฉพาะทหารรับจ้างชาวไทยหรอกนะครับ ทหารลาวเองก็ตามที ทั้งพี่ไทย อ้ายลาวกอดคอกันขโมยของชาวบ้านสะเด็ดยาดไปเลย...
มันเข้าขั้นบ้านแตกสาแหรกขาดกันแล้ว นี่แหละครับ สภาพของสงคราม ใครๆอยากได้อะไรก็ยื้อแย่งเอาเป็นกรรมสิทธิ์กันอย่างหน้าด้านๆ ผมขอภาวนาอย่าให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับประเทศไทยอันเป็นที่รักของผมเลย

ทหารรับจ้างหอบข้าวของที่ขโมยมาได้ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ หัวจักรเย็บผ้า เทป ลัดเลาะสนามบินหายหัวเข้ากอง บก. ของพวกเราจนหมดสิ้น
แม้แต่ที่พักของฝรั่ง บริเวณท้ายสนามบินเองก็ยังโดนมือดีเข้าไปขนของจนเกลี้ยง “เทปชั้นดี ยี่ห้อ อาไก” ถูกทหารแม้วงัดออกมาเร่ขายให้กับทหารไทยด้วยสนนราคาเครื่องละไม่ถึง 500 บาท

ร้อนถึงนายพลวังเปา ต้องออกประกาศให้ทางทหารรับจ้างและทหารแม้วคนใดที่มีของ “ต้องห้าม” อยู่ในครอบครอง ให้เอามาคืนภายใน 3 วัน มิฉะนั้นจะมีความผิดกฏหมายสงคราม

คำสั่งของนายพลวังเปาอาจจะศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะทหารแม้ว แต่สำหรับทหารรับจ้างชาวไทยแล้ว “ยากส์ส์” ครับ อ้อยเข้าปากช้าง ใครเอาไปคืนก็โง่เต็มทน ของใหญ่ๆก็โยนทิ้ง ปืนพกเรื่องเล็ก มีกรรมวิธีหลบหลีกสารวัตรทหารเอาไปอุดรได้หลายต่อหลายวิธีหรือจะปล่อยที่ล่องแจ้ง 800-900 บาทแสนที่จะสบายและคล่องมือที่สุด

สนามบินล่องแจ้งต้องปิดตัวเองโดยปริยาย เครื่องบินที่ไหนจะกล้ามาเสี่ยงลงครับ ก็ในเมื่อสะเก็ดระเบิดขาววับเป็นชิ้นๆเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ระเกะระกะไปหมด นอกจากนั้น ควันไฟที่กำลังครุกกรุ่นอยู่ตลอดเวลาในซากกองกระสุน อาจจะระเบิดขึ้นมาในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้...
เครื่องบินทุกชนิดถูกห้ามขึ้นลงโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งชอปเปอร์ก็ต้องอาศัยทิวเขาหลัง บก.ล่องแจ้ง ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นแอ่งลึก สามารถป้องกัน “ลูกยาว” ของข้าศึกได้เป็นอย่างดี ใช้เป็นที่ขึ้นลงเพื่อปฏิบัติภาระกิจประจำวันต่อไป

ทางอุดรแก้ปัญหาการขนส่งลำเลียงออกเป็นสองวิธี วิธีแรกใช้ C-123 บินตรงจากอุดรแล้ว “ดร็อป” ด้วยร่มชูชีพขนาดใหญ่ลงในบริเวณ “ศาลาไทย” (ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับ บก.ล่องแจ้งนั่นเอง)

วิธีที่สองคือ ขนอุปกรณ์สงครามมาลงที่สนามบินนาซู แล้วลำเลียงด้วยเครื่องปีกหมุน (ชอปเปอร์) มายังล่องแจ้งอีกทีหนึ่ง
ปัญหาใหญ่หลวงที่ตามมาก็คือ การส่งอาหารให้แก่กองพันทหารรับจ้างกองพันต่างๆ ต้องประสพกับอุปสรรคนานาประการ อาหารจำพวก หมูเห็ดเป็ดไก่ ที่ทาง บก. สั่งซื้อมาจากอุดรก็มาตกค้างอยู่ที่สนามบินนาซู รอคิวที่จะลำเลียงมายังฐานปฏิบัติการต่างๆเมื่อใช้เวลาในการส่งนานกว่าปกติ ของสดดังกล่าวก็เลยกลายเป็นของเน่าไปโดยปริยาย

ตั้งแต่นั้นมา กองพันทหารรับจ้างก็ต้องพบกับอาหารแห้งจำพวกเนื้อเค็ม กระเทียมดอง จนกว่าเหตุการณ์จะปกติ ซึ่งก็ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไร

ทหารรับจ้างเริ่มสะสมชูชีพเป็นการใหญ่ ร่มที่ไอ้กันใช้ “ดร็อป” มักจะถูกทหารรับจ้างเม้มเอาใว้เป็นกรรมสิทธิ์ส่วนตัวกันเป็นทิวแถว
ตามปกติแล้ว ในประเทศไทย ร่มชูชีพเป็นของมีราคาแพงและหายากที่สุด ทหารรับจ้างทุกคนจึงอยากได้ร่มชูชีพกันจนตัวสั่น พอเครื่องบินทิ้งร่มลงมายังไม่ถึงพื้นดิน ก็ถือมีด “สปาต้า” ใส่เกียร์หมาวิ่งไล่ร่มชูชีพหวังจะถือเป็นกรรมสิทธิ์ในร่มชูชีพอันนั้น
มันก็เลยเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นอย่างช่วยเหลือไม่ได้ ปกติกล่องกระสุนมันก็หนักหลายสิบกิโลอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีร่มคอยพยุงเอาไว้ก็ตามที เวลามันลงจวนจะถึงพื้น มันจะกระทบพื้นด้วยน้ำหนักที่น่ากลัวทีเดียว เรื่องทั้งเรื่องมันก็เลยทับเอาผู้นิยมร่มทั้งหลายจนหัวสมองติดดินแบนแต๊ดแต๋เหมือนกับเขียดโดนรถบดถนนทับยังไงยังงั้น

ตั้งแต่นั้นมา ทหารรับจ้างบางคนพอเห็นร่มชูชีพก็ถึงกับเมินหน้าหนีไปเลยก็มี
หน่วยเคลียร์สนามบินเสี่ยงอันตรายออกไปเคลียร์รันเวย์ ไม่ถึง 10 นาทีก็ต้องวิ่งกระเจิงกันออกมาอีกครั้งเนื่องจากกระสุนปืนใหญ่ เกิดระเบิดตูมตามขึ้นมาเอาดื้อๆ เล่นเอาผวากันไม่เป็นขบวน

อากาศเริ่มมืดเป็นครั้งแรกในรอบวัน กลุ่มเมฆรวมตัวกันหนาขึ้นทุกที มันปกคลุมยอดเนินสกายไลน์ทึบไปหมดและเริ่มลามเลียลงมายังตีนเขามากขึ้น จนกระทั่งครอบคลุมเนินสกายไลน์จนขาวโพลนไปหมดทั้งภูเขา
เจ้าความหนาวเหฯบที่แสนจะทรมานทับทวีเพิ่มขึ้นทุกที ถึงแม้ผมจะมีชุดอันเดอร์แวร์ที่สวมทับด้วยแจ็คเก็ตฟิลด์อันหนาเตอะก็ยังต้องห่อไหล่ คางกระทบกันด้วยความหนาวเหน็บเข้าไปถึงหัวใจ

ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ทหารรับจ้างทุกคน เมื่อผ่านกองบังคับการจะต้องถูกถามรหัสผ่าน ถ้าตอบผิด แน่นอนเหลือเกินจะต้องถูก M-16 พรุนไปทั้งร่างด้วยน้ำมือของหน่วย “สิงห์ทะเลทราย” ที่มีหน้าที่ระแวดระวังกอง บก.ล่องแจ้งโดยเฉพาะ
ยิ่งอากาศปิดมากเท่าไหร่ บรรยากาศของเมืองล่องแจ้งก็ยิ่งเงียบและวังเวงมากยิ่งขึ้นเท่านั้น นายทหารเสนาธิการทุกคนอยู่ในชุดสนามพร้อม ยืนจับกลุ่มคุยกันเบาๆอยู่หลังแนวกระสอบทรายด้วยลักษณะท่าทางที่เครียดขึง

มันเงียบเสียจนกระทั่งอดสังหรณ์ใจไม่ได้ว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นในคืนนี้บ้างไหมหนอ
0 4
เจียวต้าย

เมื่อวานนี้ เวลา 07:49 น.
ร่วมแสดงความรู้สึก: ถูกใจ 4 ขำกลิ้ง 0 หลงรัก 0 ซึ้ง 0 สยอง 0 ทึ่ง 0
สมาชิกหมายเลข 1182478 ถูกใจ, ~นายเฉิ่มศักดิ์~ ถูกใจ, นายเก่าคนก่อน ถูกใจ, owl2 ถูกใจ


5 ความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1 นึกถึงความสามารถของหน่วย “แซปเปอร์” เวียดนามเหนือ ที่กล้าฝ่าดงกับระเบิดเข้าไปเชือดคอทหารรับจ้างในฐานภูเทิงตอนทุ่งไหหินแตกแล้ว ผมอดที่จะเสียวคอหอยไม่ได้ ภาวนาขออย่าให้เจอะเจอกับมันอีกเลยในชาตินี้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
□□□□□□□□□□□□□□□□



Create Date : 14 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2557 16:00:57 น.
Counter : 496 Pageviews.

0 comments
เรื่อง รัก ลึก อุ่น (Omega Verse) - บทที่ 43 วัลยา
(16 เม.ย. 2567 16:34:37 น.)
๏ ... ขอฝน แทน พรวันมหาสงกรานต์ ... ๏ นกโก๊ก
(15 เม.ย. 2567 15:30:08 น.)
๏ ... คืนฟ้าไร้ดาว ... ๏ นกโก๊ก
(14 เม.ย. 2567 09:49:36 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 36 : กะว่าก๋า
(14 เม.ย. 2567 06:17:30 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Pn2474.BlogGang.com

เจียวต้าย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]