คืนแห่งความท้าทายและโดนลองของ ณ หาดป่าตอง...
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมต้องไปจัดงานประชุมนานาชาติที่โรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณหาดป่าตอง
ซึ่งน้องๆหลายคนก็กลัวๆกันไปต่างๆนานาเพราะเป็นที่รู้กันว่าป่าตองได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิเป็นอย่างมากและมีเรื่องเล่าขานกันมาของความเฮี้ยนของแถวๆนี้อยู่หลายอย่าง
โรงแรมที่เราพักอยู่ห่างจากหาดไม่มากนักผมเองนั้นต้องอยู่ที่นึ่5 วัน 4คืนตั้งแต่เตรียมงานและเก็บงานให้เรียบร้อย
ทางโรงแรมจัดให้พวกเราพักกันอยู่ที่ชั้น16 ซึ่งก็ทำให้น้องๆเบาใจอยู่ว่าเป็นชั้นสูงๆที่ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไร
แต่...คืนแรกที่เข้าพักผมก็โดนลองของเข้าอย่างจังตอนประมาณเที่ยงคืนของวันนั้นเลยครับ...
ผมเริ่มสังหรณ์ใจตั้งแต่เดินออกมาจากลิฟท์ด้านหน้าห้องพักเมื่อจมูกเริ่มได้กลิ่นฉุนๆแตะจมูกแรงๆจนแสบจมูกไปหมด
แต่พอตั้งสติดูให้ชัดๆก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศกลิ่นส้มที่แรงไปหน่อยเท่านั้นเอง
ทำไมต้องใช้น้ำหอมแรงขนาดนี้ด้วยนะ..ผมบ่นกับน้องๆตอนเดินออกมาจากลิฟท์แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น
คืนนั้นหลังจากออกไปรับประทานอาหารข้างนอกแยกย้ายกันกลับมาที่โรงแรมผมก็เข้าห้องพักซึ่งผมนอนอยู่ห้องนี้คนเดียว
ด้วยความที่เป็นคืนก่อนเริ่มงานทำให้ผมเตรียมใจไว้แล้วว่าคืนนี้ต้องอยู่ดึกแน่ๆใจก็รู้สึกหวิวๆนิดๆว่าจะเจออะไรบ้างไหมเนี่ย
แต่ก็คิดว่าเราไม่เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้วมีอะไรก็มักจะเดินเข้าใส่เข้าไปดูไปเคลียร์ให้เห็นกับตาอยู่แล้ว
เข้าห้อง เสียบกุญแจเข้ากับที่เสียบให้ไฟเปิด ลงไปนั่นที่โต๊ะทำงานได้แป๊บนึงก็ได้ยินเสียงคนคุยกันใกล้ๆ...
ผมสะดุ้งไปนิดนึงหันไปหาที่มาของเสียงก็พบว่า...เป็นเสียงคนคุยกันในรายการโทรทัศน์นั่นเอง
โทรทัศน์มันคงเพิ่งติดขึ้นมาหลังจากผมเสียบกุญแจลงไป...
จำได้ว่าไม่ได้เปิดสวิทช์โทรทัศน์นี่นาผมคิดในใจ
ที่หัวเตียงจะมีแผงสวิทช์ควบคุมอยู่อันหนึ่งที่ควบคุมระบบไฟในห้องทั้งหมด
ตอนเข้ามาในห้องผมจำได้ว่าผมปิดสวิทช์โทรทัศน์ไปแล้วนะ..เพราะผมชอบใช้สมาธิทำงานเงียบๆมากกว่า
แต่ผมอาจจะลืมก็ได้
ทำไมโทรทัศน์มันเปิดขึ้นมาช้าจังผมบ่นงึมงัมเพราะรู้สึกว่าเสียบกุญแจไปตั้งนานแล้วถ้าติดก็น่าจะติดตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะ
แต่เอาน่าวงจรอิเล็กทรอนิกส์คงมีดีเลย์อะไรอยู่แหละ
ห้องพักก็สะอาดสะอ้านดีนะเสียแต่อยู่ๆโทรทัศน์ก็เปิดขึ้นเองนี่แหละไม่รู้อะไรมาเปิดให้...
ผมแกล้งไลน์ตอบน้องไปขำๆ ตอนที่เราคุยกันเรื่องเตรียมงานผ่านไลน์กลุ่ม
แต่ในใจก็คิดไปนิดว่านี่เราแกล้งหลอกน้องหรือเปล่านะเดี๋ยวก็โดนซะเองหรอก... เค้าจะว่าเราลบหลู่ไหมนะ
ผมนั่งเตรียมงานอยู่จนเที่ยงคืนในคืนนั้น ก็รู้สึกเพลียๆง่วงๆจากการเดินทางมาบ้าง
ใจก็นั่งคิดไปถึงเรื่องผีๆที่นั่งอ่านเล่นจากกระทู้พันทิปเมื่อสองสามวันก่อน
กำลังเคลิ้มๆอยู่ดีๆ...ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงแกรกๆอยู่บนช่องแอร์
เหมือนจะเป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี...พอเสียงเงียบลงโคมไฟในห้องที่ปิดอยู่ก็ติดขึ้นมาเองโดยผมไม่ได้ทำอะไร
เอาแล้ว...นี่ฉันโดนลองของแล้วสินะ...ความคิดในใจโพล่งขึ้นมาทันที
นั่งสงบสติอารมณ์ไปนิดนึงก็เดินไปที่หัวเตียงกดสวิทช์ปิดไฟดวงนั้นซะ
แป๊ก...พอกดปิดดวงไฟดับลง แต่ก็ติดขึ้นมาอีกครั้ง..
เฮ้ย...จะมาท้าทายอะไรผมอีกละเนี่ยสมองตื่นขึ้นมาเต็มตัว
พรึ่บ..ไฟที่โต๊ะทำงานติดขึ้นมาพร้อมกันอีก
ผมหันไปมองที่สวิทช์แล้วรีบกดปิด แต่ทุกทีที่กดปิดไฟก็จะเปิดตัวเองขึ้นมาอีกทันที
ในใจคิดว่าลองปิดมาสเตอร์ดูเลยดีไหม
แต่นั่นก็จะทำให้ห้องทั้งห้องมืดสนิทเลยนะ...ผมคิด
มันจะเสี่ยงเกินไปไหมถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในความมืด...ผมเริ่มเลยเถิด
เป็นอะไรก็เป็นกันฟระ...ผมขอเสี่ยงดวงอย่างน้อยๆโทรศัพท์ก็อยู่ในมือยังเป็นไฟฉายได้บ้าง
แชะ...ผมปิดมาสเตอร์ลงไฟดับหมด
พรึ่บ...ไฟทั้งหมดเปิดขึ้นมาเองในเวลาอันไม่นาน
แชะ พรึ่บ แชะ พรึ่บ แชะ พรึ่บ
เฮ้ย...คราวนี้ไฟติดกับดับสลับกันเองโดยอัตโนมัติล่ะทั้งๆที่ผมไม่ได้แตะสวิทช์อะไรเลย
ขนที่แขนผมตั้งขึ้นมาเมื่อไรก็ไม่รู้แถมรู้สึกเหมือนมีลมเย็นๆพัดมาให้รู้สึกหนาวนิดๆ
นี่ผมโดนลองของแน่ๆเลยความเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องลึกลับทำให้ผมรู้สึกไปเช่นนั้น
ผมเริ่มตั้งสติคิดว่าจะโทรไปหาโรงแรมแต่คิดอีกทีว่า ในเวลาดึกขนาดนี้กว่าจะมีใครมาคงนานพอสมควร
อีกอย่างหนึ่งผมขี้เกียจเก็บของที่ออกจากกระเป๋าหมดแล้วเสื้อกางเกงทั้งหมดถูกแขวนในตู้หมดแล้วด้วย
แถมผมยังอยู่ในกางเกงBoxer ที่ผมใส่นอนอีกด้วย...
แกร็กแกร็ก แกร็ก...หูของผมได้ยินอะไรบางอย่างผมเริ่มหันไปหาทิศทางของเสียง
เสียงมันมาจากแถวๆช่องแอร์ข้างบน...ผมเริ่มหันไปหาทิศทางของเสียง
มันต้องมีอะไรอยู่บนนั้นแน่ๆที่ทำให้ไฟติดๆดับๆสลับกันแบบนี้
ผมส่งร่างตัวเองออกไปอยู่ตรงประตูทันทีสมองเริ่มคิดถึงสิ่งที่อยู่ข้างบนนั้น
มันต้องเป็นอย่างที่ผมคิดแน่ๆ...
ผมตะปบเข้าที่ผนังข้างประตูทันทีที่ผมไปถึงตรงนั้น
ฟรึ่บทันที่ที่ผมตบไปที่ข้างประตูไฟในห้องทั้งหมดก็ดับลง ความมืดมิดปรากฏขึ้นตรงหน้าไม่มีแม้แต่แสงลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ผมยกโทรศัพท์ขึ้นมากดปุ่มเปิดให้แสงส่องออกมาให้ตัวเองได้เห็นภาพตรงหน้า
แล้วก็กดให้ไฟฉายติด...
ห้องทั้งห้องว่างเปล่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดอยู่ตรงหน้าผมเสียงที่ดังมาจากบนช่องแอร์เงียบสนิท
ผมค่อยๆก้าวเท้าเดินอย่างระมัดระวังไปที่หัวเตียงอีกครั้ง
แชะ...ผมกดที่มาสเตอร์สวิทช์อีกครั้ง
พรึ่บ...ไฟห้องทั้งหมดเปิดขึ้นมาโดยพลัน
คราวนี้ผมลองไล่เปิดปิดสวิทช์ทีละอัน
แชะพรึ่บ แชะ พรึ่บ...ผมควบคุมไฟทุกอันได้หมดตามที่ผมต้องการล่ะ
ผมโดนลองของนั่นเอง....ผมคิดในใจ
ความที่ผมไม่ได้ใช้วิชาชีพวิศวกรรมไฟฟ้าเลยตั้งแต่จบปริญญาตรีมาทำให้วิชาชีพของผมมาทดสอบผมจนได้
ไอ้เจ้ารีเลย์บนเพดานที่อยู่ใกล้ช่องแอร์มันคงรวนเพราะสวิทช์สองทางที่ใช้กับไฟมาสเตอร์หน้าประตูนี่แหละ
ผมถึงได้ยินเสียงมันดังแป๊กๆตลอด
พอไปปิดสวิทช์ตัวนั้นเข้ามันก็เลยหายรวนรีเลย์ข้างบนก็เลยทำงานได้ตามปกติ...
แหมๆ...
คืนแรกก็เล่นมาท้าทายและลองของกับช่างไฟสมัครเล่นอย่างผมเข้าแล้วสิ...
แม้จะไม่ได้ประกอบอาชีพวิศวกรไฟฟ้ามาเลยแต่โดยพื้นฐานแล้วผมก็ยังพอเข้าใจความผิดพลาดของระบบอยู่น๊า....