Nike ZoomX Vaporfly Next% 2 รองเท้าซิ่งขวัญใจมหาชน ถ้าพูดถึง super shoes ตัวแข่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในทุกสนามวิ่งบ้านเรา อ้างอิงจากการสังเกตโดยไม่ได้นับจริงต้องยกให้ Nike ZoomX Vaporfly Next% 2 ตัวนี้คือ generation ต่อมาของรองเท้าติด carbon plate โฟมเทพคู่แรกของโลกที่ช่วยให้ค่าย Nike ก้าวล้ำทิ้งห่างคู่แข่งอยู่พักใหญ่ โฟม ZoomX ที่นุ่มเด้งมีแรงส่งคืนสูงถึง 85% เริ่มต้นจากโครงการ Breaking2 (ปี 2017) ที่ให้ Eliud Kipchoke ใส่รองเท้าตัวใหม่ที่ใช้โฟม PEBAX โดยคาดว่า อาจเป็นมนุษย์คนแรกที่ก้าวข้ามกำแพง 2 ชั่วโมงในระยะ marathon ได้ แม้ครั้งนั้นจะพลาดเพียงแค่ 26 วินาทีก็ตาม (ต่อมาในวันที่ 12 ตุลาคม 2019 Kipchoke ก็ทะลายปราการมาราธอนสำเร็จด้วยเวลา 1:59:40 ในโครงการ INEOS 1:59 Challenge) แน่นอนรองเท้าที่มหาเทพใส่วันนั้นคือต้นแบบของ Nike Zoom Vaporfly 4% ที่ผ่านการวิจัยมาแล้วว่าช่วยให้นักวิ่งเพิ่มความเร็วของตนจากเดิมได้อีก 4% รุ่นแรกที่ออกวางจำหน่ายคือ Nike Zoom Vaporfly 4% (ปี 2017) น้ำหนัก 196 กรัม (อ้างอิงจาก size 9US) drop 10 มม. stack height: ส้นเท้า 31 มม. ปลายเท้า 21 มม. ถัดมาคือ Nike Zoom Vaporfly 4% Flyknit (ปี 2018) น้ำหนัก 195 กรัม drop 10 มม. stack height: ส้นเท้า 39 มม. ปลายเท้า 29 มม. ทั้งนี้ผมจะไม่กล่าวถึงรุ่นพิเศษที่สามัญชนเข้าไม่ถึง อาทิ รุ่น Elite รุ่นกำหนดเงื่อนไขให้ซื้อได้เฉพาะนักวิ่งที่ PB มาราธอนต่ำกว่า 3 ชม. ฯลฯ เอาแค่ 4% ช่วงนั้นหายากมากในบ้านเรา ต้องลงทุนสั่งหิ้วจากต่างประเทศ แถมราคาพุ่งขึ้นเกิน 10,000 บาท นักวิ่งยาจกอย่างผมไม่มีโอกาสได้ใส่ครับ 555 ในปี 2019 Nike เริ่มเปิดศักราชให้ทุกคนสัมผัสรองเท้าเทพได้แล้ว Nike ZoomX Vaporfly Next% ออกวางจำหน่าย ที่จริงศักยภาพมันเพิ่มขึ้นเป็น 5% แต่เลือกใช้ชื่อว่า Next% หนัก 187 กรัม drop 8 มม. stack height: ส้นเท้า 40 มม. ปลายเท้า 32 มม. ตัว upper เป็นใยสังเคราะห์ที่เบาโปร่งใสชื่อ vaporweave (ปัจจุบัน super shoes ของจีนยังนิยมใช้อยู่) วางรูผูกเชือกแบบเอียงเฉียง ๆ กับเท้าด้วย รุ่นนี้ผมเคยครอบครอง (จากรูปรองเท้าสีชมพูที่ใส่วิ่งงาน Chanthaburi Scenic Marathon) ทรงรองเท้าออกเรียวตามเท้าฝรั่ง ผ้าไม่ยืดจึงทรมานบีบนิ้วก้อยมากสำหรับคนเท้าบาน หลายคนต้องเพิ่ม size อีก 0.5 สำหรับคนที่เคยใส่แต่รองเท้าวิ่งธรรมดา พอเจอ Next% เข้าไปจึงวิ่งสนุกตื่นตาตื่นใจมาก คนแรงน้อยอย่างผมออกแนวท่าดีทีเหลว โขยกอัดเร่งได้ 2-3 กิโลฯ ก็เหี่ยวกลับคืนสู่สภาพเต่าดังเดิม สถานการณ์สนามมาราธอนโลกยุคนั้น elite ค่าย Nike กวาดแชมป์ major และรายการสำคัญเรียบ เรียกได้ว่าค่าย Adidas คู่แข่งสำคัญเกือบตกอับ ถึงขนาดนักวิ่ง elite บางคนแหกค่ายแอบเอา Next% มาแปลงโฉมทาสีทับเพื่อใส่ลงแข่งขัน Nike ZoomX Vaporfly Next%2 ออกมาในปี 2021 น้ำหนัก 196 กรัม drop 8 มม. stack height: ส้นเท้า 39 มม. ปลายเท้า 31 มม. upper เปลี่ยนเป็น engineered mesh ที่โปร่งใส่สบาย ปัญหาการบีบเท้าหมดไป ใส่ตรง size ได้เลย รุ่นนี้กลายเป็นขวัญใจมหาชนชาวไทยอย่างแท้จริง ไม่ว่าขาแรงหรือขาอ่อนต้องมีอย่างน้อย 1 คู่ เพราะราคาทางการช่วง sale รวมถึงราคาร้านหิ้วถูกลงจากเดิมมาก นักวิ่งไทยรับไหวจึงจัดมาใส่คนละหลายคู่ตามสีที่ชอบ ผมคงไม่ต้อง review อะไรมาก ทุกคนที่อยู่ในวงการวิ่งมาราธอนน่าจะรู้จักกันดี จุดอ่อนของ Next% และรุ่นอื่น ๆ ของ Nike คือพังง่าย นอกจากโฟม ZoomX จะค่อนข้างบอบบางโดยตัวมันเองอยู่แล้ว กาวที่ใช้ยังคุณภาพต่ำ ใส่วิ่งไม่นาน upper แยกร่างจากโฟมแล้ว อย่างไรก็ตามปี 2023 ถึงคิว Nike ZoomX Vaporfly Next% 3 แล้ว น่าจะขายดีติดลมบน คาดว่าคงเป็นรองเท้าซิ่งที่วิ่งสนุกใช้แข่งขันทำความเร็วได้ยอดเยี่ยมเช่นเดิม ฝากแค่เรื่องกาวอย่างเดียว ขอแบบติดทนนานเหมือนยี่ห้ออื่นได้หรือไม่ ?
|
BlogGang Popular Award#20
แมวเซาผู้น่าสงสาร
บทความทั้งหมด
|
เริ่ดค่ะ