Strawberry Kiss บทที่ 10 (YURI) ๑๐
อะไรนะ! รสาทำหน้าอึ้งๆ อยู่หลายวินาทีกว่าจะหาเสียงตัวเองจะเจอ “นี่คุณเพี้ยนหรือเปล่า ถึงได้พูดแบบนี้?” ร่างบางหลุดขำเบาๆ กับคำถามแปลกๆ “พี่คิดว่าสมองพี่ยังปกติดีนะคะ” “คุณมาขอคบกับฉัน ทั้งที่เราเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วัน คนปกติคงไม่ทำแน่” เรารู้จักกันมาตั้งนานมากต่างหาก สาวงามขมวดคิ้วกับความจริง ถอนใจยาว แอบเศร้านิดๆ ที่อีกฝ่ายจำตนเองไม่ได้ “คบกับพี่ไม่ดีตรงไหน?” “ก็หลายตรงนะ” เธอตอบหน้าตาเฉย “เช่น?” หล่อนอยากรู้เหตุผล “เรารู้จักกันน้อยเกินไปแค่ไม่กี่วัน ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณแบบนั้น คุณเป็นเจ้านายฉัน ที่สำคัญคือคุณรวยมาก” ร่างเล็กสาธยายตามความคิดที่ผุดออกมา เหตุผลแปลกๆ ! จันจิราทำหน้าสงสัย “เหตุผลอื่นพี่ก็พอเข้าใจนะคะ แต่รวยนี่ไม่ดีเหรอคะ?” “ฉันไม่อยากถูกคนอื่นมองว่าจับคุณน่ะสิ” รสาตอบตามตรง เธอไม่ได้แคร์ความคิดคนอื่น แต่ไม่อยากให้แม่ต้องร้อนหู พวกปากหอยปากปูขี้อิจฉามีเยอะ โธ่เอ๊ย! นึกว่าเรื่องอะไร ร่างบางคลี่ยิ้มสวยหวานเกลื่อนหน้า “เรื่องนี้แก้ไม่ยาก พอใครถามก็บอกไปสิคะว่า พี่เป็นคนจับน้องสาเอง ดีไหมคะ?” ตลกอีกแล้ว สาวร่างเล็กส่ายหน้ากับคำพูดที่ดูไม่มีตรรกะสักเท่าไหร่ โลกนี้จะมีซักกี่คน ที่อยากได้แฟนที่มีแต่ตัวกับหัวใจบ้าง รักแบบกินแกลบสมัยนี้หาได้ยากยิ่ง…ส่วนใหญ่ไปไม่รอด “ว่างๆ ไปเช็คสมองบ้างนะคุณ” “พี่อยากให้น้องสาเช็คหัวใจพี่มากกว่า จะได้รู้ว่า พี่จริงใจจริงจังขนาดไหน” “เลี่ยนมาก” เธอค้อนน้อยๆ รีบหลบสายตาหลังหัวใจของตนเริ่มขยันเกินปกติ จะเขินทำไม คุณจันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน “น้องสาไม่ชอบที่พี่พูดเลี่ยนๆ เหรอคะ?” คนสวยถามอย่างอยากรู้ เพื่อจะได้เอาอกเอาใจอีกคนถูก ซื่อบื้อจริงๆ ร่างเล็กคมค้อน เธอย่อมชมชอบคำหวานเหมือนผู้หญิงส่วนใหญ่ เพียงแต่จะบอกหรือไม่บอกออกมาเท่านั้น รสาเฉมองไปทางอื่น ไม่กล้าสบตาด้วย สองแก้มเห่อร้อน “คุณอยากพูดอะไรก็เรื่องของคุณ ปากของคุณ ฉันจะไปห้ามได้อย่างไรคะ” แปลว่าชอบสินะ จันจิราเดาความคิดของอีกฝ่ายจากภาษากาย ที่ดูจะซื่อสัตย์กว่าคำพูดมาก “งั้นพี่ก็จะพูดไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันนะคะ” หล่อนคว้ามือของเธอมาจับเล่นแบบถือวิสาสะ “มือน้องสานุ่มมากพี่ชอบจัง” ลูบคลึงนิ้วของเธอทีละนิ้ว “นี่คุณทำไมชอบลวนลามฉันนัก” สาวร่างเล็กต่อว่า แต่น่าแปลกตรงที่ไม่ได้ชักมือกลับ เธอรับรู้ได้ว่าไหล่ของหล่อนชนไหล่ตน ไม่รังเกียจการแนบชิดแบบนี้ แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก “เปลี่ยนเรื่อง?” “แต่พี่ไม่ได้เปลี่ยนใจค่ะ เชื่อสิ” สาวงามพูดต่อประโยคทันที “พูดเรื่อยเปื่อย” รสาบ่นแบบไม่จริงจัง แล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วนี่คุณทิวาไปไหนคะ?” “ช่างนายทิเถอะ ไม่มาก็ดีค่ะ ไม่เป็นกขค” หล่อนบอกแบบไม่ใส่ใจ เพราะรู้อยู่ว่า เลขาหนุ่มไปจัดการธุระให้ตน จันจิรายังคงฉวยโอกาสจับมือของเธอเอาไว้ คิดแต่ละอย่างทะลึ่ง ลามกไม่มีใครเกิน ผู้ช่วยสาวค้อนวงโต นึกหมั่นไส้ที่หล่อนมานั่งกระแซะตนอยู่แบบนี้ “ไปทำงานสักทีสิคะ นั่งกวนอยู่แบบนี้ ฉันก็อ่านไม่จบสักที” “แต่พี่อยากอ้อนนี่คะ” “กี่ขวบแล้วคุณ ทำเป็นเด็กๆ ไปได้” “อายุพี่ไม่เยอะค่ะ มากกว่าน้องสานิดหน่อยเอง” เจ้านายสาวรีบค้าน “ไม่หน่อยหรอกค่ะ คุณน่าจะสามสิบกว่าแล้ว” “โหย ไม่ใช่เลย แกล้งว่าพี่แก่ ใจร้ายจัง” “เหรอคะ” เธอเหยียดยิ้มสะใจที่เอาคืนได้สำเร็จ “ชิส์” จันจิราเบ้ปาก นึกหาวิธีแกล้งคืนบ้าง จึงใช้นิ้วจิ้มที่เอวของผู้ช่วยสาว “นี่แน่ะ” อีกคนหัวเราะร่วนจนท้องแข็ง พยายามขยับตัวหนี แต่หล่อนไม่ยอมเลิก รสาหัวเราะจนน้ำตาเล็ด พร้อมร้องห้าม “ฮ่า ฮ่า ยะ อย่าสิ โอ้ย...” “ยอมหรือยังคะ?” “ยะ ยอม แล้ว ยอม...” สาวงามจึงยอมหยุด จ้องใบหน้าคมที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงเข้ม ดูแล้วสวยงามยิ่งกว่าเดิม เด็กอะไรยิ่งโตยิ่งสวย หล่อนจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่วางตา “คุณขี้แกล้งมาก” ร่างเล็กพึมพำเสียงแผ่วเบา ไม่กล้าบ่นดังกลัวโดนรังแกอีกรอบ จันจิรายกยิ้มมุมปาก “ช่วยไม่ได้ค่ะ ก็น้องสาน่าแกล้งมากนี่คะ” เธอแลบลิ้นยาวให้คนตรงหน้า “แบร่” เจ้านายสาวจ้องเรียวลิ้นสีแดงสวย แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “ลิ้นสวยนะคะ ระวังดีๆ เถอะ จะโดนเลีย” “บ้า! ใครจะยอม” เธอตีไหล่คนช่างพูดหนึ่งที “โอ๊ย!” คนสวยแกล้งร้องทั้งที่ไม่เจ็บสักนิด คว้ามือคนประทุษร้ายไว้ “น้องสาชอบใช้กำลังเหรอคะ เดี๋ยวพี่จัดให้ ตอนนี้เลยดีไหม?” รสาหน้าร้อนเขินอาย กับคำพูดกำกวมชวนให้คิดไปไกล “ไม่พูดด้วยแล้ว” ขณะที่สองสาวกำลังหยอกล้อกันอยู่นั้น มีสายตาคู่หนึ่งจ้องเขม็งผ่านกระจกข้างประตู แล้วเจ้าของสายตาน่ากลัวคู่นั้นก็ผลักประตูเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ “พี่จัน ยายคนนี้ใครคะ?” ผู้มาใหม่ถามเสียงสูงปรี๊ดแสบแก้วหู แต่งหน้าทาปากในชุดเดรสเนื้อบางสีสด เหมาะกับงานกลางคืนมากกว่าเดินตอนกลางวัน ชี้นิ้วไปยังรสาอย่างเหยียดหยาม หลังอ่านข้อความจากผึ้ง ปานตาก็ร้อนใจจนนั่งอยู่บ้านไม่ติด รีบแต่งตัวบึ่งมาหาจันจิราทันที เธอเป็นลูกสาวของเสี่ยวิชัย ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในแถบนี้ ลุ่มหลงจันจิราตั้งแต่เจอกันครั้งแรกหลายปีก่อน หวังจะเอาหล่อนมาเป็นแฟนให้จงได้ ด้วยอีกฝ่ายทั้งสวย เก่ง แถมรวยมากตรงสเป็คทุกอย่าง หญิงสาวเฝ้าตามตื๊อ ตามจีบอีกฝ่ายแบบไม่รู้สึกอับอาย จนผู้คนซุบซิบนินทากันทั่วเมือง แต่ปานตาก็ไม่แยแส ยังคงมาหาหล่อนบ่อยๆ พร้อมแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ตามคำแนะนำของบิดาที่ลุ้นตัวโก่ง หวังเป็นทองแผ่นเดียวกันกับเรือนเทวัญ ทว่าทั้งหยอดทั้งอ้อนทั้งอ่อยไม่รู้กี่กระบวนท่า แต่ว่าสาวงามก็ไม่เคยตกหลุมพรางของปานตา ทำให้ลูกสาวเสี่ยโมโห แต่ยังอยากเอาชนะใจหล่อนให้ได้ หยาบคายเหลือเกิน จันจิรานึกต่อว่าแขกสาวในใจ ไม่ชอบคำพูดกับกิริยาดูแคลนคนของปานตาอย่างมาก ชอบทำเหมือนคนอื่นไม่ใช่คน เพราะโชคไม่ดีที่มีพ่อไม่รวยเท่านั้นเอง ค่าของคนไม่ได้วัดกันที่ยศถาบรรดาศักดิ์ การศึกษา หรือฐานะการเงิน...แต่วัดกันที่คุณธรรมต่างหาก “สวัสดีค่ะคุณตา” เจ้านายสาวทักทายเสียงเย็นเยียบ ข่มอารมณ์ไว้ไม่ให้แสดงอะไรไม่ดีออกมา ผายมือแนะนำผู้หญิงหน้าคมที่อยู่ข้างกาย “นี่น้องสา เป็นผู้ช่วยคนใหม่ของพี่ค่ะ” แล้วหันแนะนำกับรสา “น้องสาคะ คุณปานตาเป็นลูกสาวเสี่ยวิชัยค่ะ” เปลี่ยนไปเยอะนะเนี่ย แทบจำไม่ได้เลย นึกว่านางเอกงิ้วหลงโรงซะอีก รสาคิดติดตลก หลังสำรวจปานตา ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนมัธยมฯ ซึ่งชอบทำตัวเบ่งใส่คนอื่นไปทั่ว ถือตัวว่าพ่อเป็นเศรษฐี หากใครไปมีเรื่องด้วย เด็กโชคร้ายจะโดนครูใหญ่เชิญผู้ปกครองมาตักเตือน เพราะเสี่ยวิชัยเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่ของโรงเรียน ทำให้ปานตาได้ใจ และไม่เคยคิดเห็นหัวใคร น้องสา! ลูกสาวเสี่ยขมวดคิ้วกับคำเรียกขานที่สนิทสนมเกินเหตุ “ทำไมพี่จันต้องให้ความสนิทสนมกับมันด้วยคะ ก็แค่ลูกจ้างคนหนึ่งเอง” ปานตาตวัดหางเสียงอย่างไม่พอใจ ไม่พอใจทุกคนที่หล่อนให้ความสำคัญมากกว่าตน ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตาม ...เป็นโรคอิจฉาตาร้อน อะไรนักหนา หล่อนเก็บความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้ ปรายตาเห็นรสาทำหน้าขรึมเครียด จึงเบนสายตาไปที่แขกสาว คิดหาทางไล่แบบสุภาพ ไม่อยากให้เกิดการใช้กำลังในห้องนี้ “คุณตามีอะไรกับพี่หรือเปล่าคะ?” คนสวยเปลี่ยนเรื่องคุย เพื่อให้บรรยากาศในห้องผ่อนคลายลง “ถ้าไม่มีธุระ ตามาหาพี่จันไม่ได้เหรอคะ?” ลูกสาวเสี่ยพูดจีบปากจีบคอ เดินไปคล้องแขนหล่อนอย่างสนิทสนม ไหนว่าไม่มีแฟน ต่อหน้าจับมือ ลับหลังคงทำมากกว่านี้ คนขี้ปด! รสาเบะปากหมั่นไส้ ก้มหน้าลงทำทีเป็นอ่านเอกสารต่อ ไม่อยากสนใจสองคน
คลางแคลง ปากพร่ำบอกว่าชอบฉัน แล้วคนนั้นเป็นใครหรือ มาออเซาะกอดจับมือ ฉันไม่ถือแค่คลางแคลง.
คุยเฉยๆ ไม่ต้องเกาะแขนก็ได้ค่ะ จันจิราทำหน้ากระอักกระอ่วน แอบเห็นสาวหน้าคมทำหน้าหงิกเป็นจวัก จึงไม่กล้าพูดเอาใจปานตา ...กลัวรสาเข้าใจผิดกันไปใหญ่ “พี่แค่สงสัยเฉยๆ ค่ะ ตกลงคุณตามีอะไรให้พี่รับใช้คะ?” เจ้านายสาวถาม “คือคุณพ่อให้ตามาเชิญพี่จัน ไปงานเลี้ยงวันเสาร์ปลายเดือนค่ะ” “เนื่องในโอกาสอะไรคะ?” สาวสวยอยากรู้รายละเอียด เพื่อจะได้เตรียมตัวถูก “วันคล้ายวันเกิดคุณพ่อค่ะ” ปานตาเฉลยอย่างภูมิใจ ที่มีพ่อเป็นคนใหญ่คนดัง “ปีนี้พิเศษหน่อย ตรงที่คุณพ่อจะลงสมัครนายกเทศมนตรีคราวนี้ด้วย ก็เลยเชิญแขกใหญ่โตมากเป็นพิเศษค่ะ” “อ๋อ” คนสวยพึมพำรับรู้ จันจิราไม่แปลกใจ ที่เสี่ยวิชัยอยากมีอำนาจทางการเมืองในระดับท้องถิ่น เพราะมันจะช่วยให้เขาหาเงินได้มากขึ้นและง่ายขึ้น ปัจจุบัน เขาปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ จนนำไปสู่การยึดที่ดินทำกินของชาวบ้านหลายสิบคน และอีกหลายเรื่องที่ล้วนแล้วแต่ทำให้คนที่ไม่รู้เท่าทันเดือดร้อนแสนสาหัส กลายเป็นชนชั้นทาสสมัยใหม่ ขืนเสี่ยวิชัยได้เป็นใหญ่กว่านี้ คงกินรวบทั้งเมืองแน่ สาวงามไม่อยากจะคิดถึงหายนะ ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชุมชนแห่งนี้ คงร้อนทะลุจุดเดือด กลายเป็นนรกบนดินได้ไม่ยาก หากใครมาพูดว่า เสี่ยวิชัยจะนำพาความเจริญมาสู่ชุมชน หล่อนจะแค่ยิ้ม แต่ไม่พูดสิ่งที่คิดในใจออกไป ‘อย่าเชื่อทุกคำที่คนนั้นพูด ให้ดูการกระทำของเขาก่อน แล้วค่อยตัดสิน’ นั่นคือสิ่งที่คุณจุรีสอนลูกทั้งสองเอาไว้ “งานนี้เชิญใครมาบ้างคะ?” ร่างบางสอบถามรายละเอียด เพื่อจะได้เตรียมตัวให้ถูกกาลเทศะ ...คงไม่เหมาะที่จะนุ่งยีนเสื้อยืดเข้าไปในงานเลี้ยงแน่ “ก็มีตั้งแต่ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้กำกับ รองผู้กำกับ สารวัตรชยุตก็ได้รับเชิญนะคะ ส่วนภาคธุรกิจก็มีหลายคน เช่น...” ปานตาสาธยายไล่เรียงเท่าที่จำได้ ตกลงงานเลี้ยงแบบไหน นี่มันชุมนุมผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซานชัดๆ รสาประชดในใจ กับรายชื่อแขกในงานเลี้ยงวันเกิดของวิชัย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นนี้ทั้งสิ้น เดาว่าจำนวนแขกคงหลายร้อยคน ส่วนค่าใช้จ่ายของงานนี้คงแพงมาก แพงขนาดที่มนุษย์เงินเดือนคงพอกินพอใช้ไปได้หลายเดือน...ไม่ก็เป็นปี วางแผนไว้พร้อมแล้วสินะ คนสวยคลี่ยิ้มบางๆ อ่านเกมออกทันทีว่า เสี่ยวิชัยกะใช้งานเลี้ยงบังหน้า แท้จริงคือการติดสินบนซื้อเสียงล่วงหน้า เป็นการโชว์พลังเส้นสายว่าใหญ่ขนาดไหน สุดท้ายเป็นการประกาศตัวสกัดคู่แข่ง ที่คิดจะลงสนามอีกด้วย ...เป็นการยิงนัดเดียวได้นกสามตัวที่ร้ายกาจมาก “จัดงานที่ไหนคะ?” จันจิราซักต่อ “ตอนแรกว่าจะจัดที่บ้าน แต่ตากลัวว่าบ้านจะแคบไป เลยเสนอให้คุณพ่อจัดที่โรงแรมเทวาลัยค่ะ ตาติดต่อไปเรียบร้อยแล้วด้วย” ปานตาพูดยิ้ม เหมือนจะเอาหน้า โรงแรมเทวาลัยคือโรงแรมของจุรี ที่เจตน์น้องชายฝาแฝดของคนสวยเป็นผู้บริหารอยู่ เป็นโรงแรมห้าดาวที่หรูหราที่สุดของเมืองนี้ แบบนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้สินะ เฮ้อ! ร่างบางฝืนยิ้ม “ขอบคุณนะคะที่ใช้บริการโรงแรมของนายเจตน์” “แหม เราคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจกันก็ได้ค่ะ” ปานตากอดแขนของจันจิราแบบอ้อนๆ จงใจให้หน้าอกอวบอิ่มเบียดท่อนแขนอีกฝ่าย ใครเห็นเข้าย่อมเข้าใจว่า เรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน พี่จันเป็นของฉันย่ะ ยายผู้ช่วยแบบเธอ เป็นแค่ทางผ่าน ปานตาส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้รสา เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของหล่อนออกมา เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้สนใจคุณแบบนั้นหรอกนะ พูดเองเออเองรึเปล่า...คนกันเอง เชอะ! รสาบอกตัวเองแบบนั้น แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บหน่วงในทรวงอกด้านซ้าย เป็นความรู้สึกที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย คนเจ้าชู้อยู่กับใครก็โปรยเสน่ห์ไปทั่ว ไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ สาวหน้าแขกพาลนึกโมโหจันจิราที่โดนปานตาเกาะกอด จนแทบจะเข้าสิงร่าง อย่าชิดขนาดนี้ก็ได้ พี่อึดอัด เจ้านายสาวนึกบ่นในใจ ชำเลืองมองรสาที่เบือนหน้ามองไปทางอื่นเหมือนไม่พอใจ หล่อนกลอกตาไปมา คิดอะไรได้บางอย่าง แล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ หรือน้องสาจะหึงพี่? สถานการณ์ในห้องทำงานอุณหภูมิสูงจนแทบจะทะลุจุดเดือด แต่ก่อนที่จะเกิดอะไรรุนแรง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก๊อก! ก๊อก! สาวสวยดีใจเหมือนได้ยินเสียงระฆังช่วยชีวิต จึงรีบเอ่ยอนุญาตทันที “เชิญค่ะ” จันจิราใช้จังหวะนั้นแกะมือปลาหมึกออก “ปล่อยพี่ก่อนนะคะคุณตา” อีกคนทำหน้าหงิก แต่ก็ยอมปล่อยโดยดี ประตูห้องเปิดออก พวกคนงานหนุ่มๆ ช่วยกันขนโต๊ะทำงานตัวใหม่เข้ามา อีกสองคนแบกเก้าอี้ล้อพนักสูง “ตั้งตรงไหนครับคุณจัน?” หนึ่งในคนงานถามหล่อน “มุมด้านนั้นเลย” เจ้านายสาวชี้นิ้วบอกตำแหน่ง พร้อมขยับตัวออกห่างปานตา “ตั้งชิดเส้นนั้นเลยนะ” “ตรงนี้นะครับ?” “ใช่ ตรงนั้นแหละ” สาวสวยพยักหน้า หันไปถามความเห็นของผู้ช่วยของตน “แบบนี้โอเคไหมคะน้องสา?” “ค่ะ” เจ้าของโต๊ะผงกศีรษะอย่างพอใจ ลืมเรื่องที่ขุ่นเคืองใจเมื่อกี้ไปชั่วครู่ เป็นโต๊ะทำงานที่สวยมาก ตัวเบ้อเริ่ม ใหม่เอี่ยมซะด้วย “ชอบไหมคะ?” ร่างบางถามความเห็น “ค่ะ” รสายิ้มแฉ่ง ยกมือลูบคลำโต๊ะใหม่อย่างพึงพอใจ “ขอบคุณนะคะ” “เรียบร้อยนะครับ มีอะไรให้พวกผมทำอีกไหมครับ?” ผู้ชายคนเดิมถาม “ไม่มีแล้วล่ะ กลับไปทำงานเถอะ ขอบคุณนะ” คนสวยกล่าวเสียงนุ่มนวล “ครับ” พวกคนงานทั้งหมดก็พากันออกจากห้องไป ทำไมต้องสนใจยายผู้ช่วยนักนะ ฉันไม่ยอมหรอก ปานตาแทบจะเต้น อิจฉาที่หล่อนสนใจรสามากกว่าตน จึงเดินไปใกล้คนสวยแล้วพูดว่า “พี่จันคะ ตายังไม่มีชุดสวยๆ แต่งไปงานคุณพ่อเลย พี่จันออกไปช่วยตาเลือกชุดหน่อยสิคะ” ไม่มีชุด หรือมีจนเลือกไม่ถูก? สาวงามไม่เชื่อคำพูดของแขกสาว หันไปมองลูกสาวเสี่ย แล้วคิดหาคำปฏิเสธที่สุภาพที่สุด “ขอโทษนะคะคุณตา ช่วงนี้พี่งานยุ่งมากไม่มีเวลาไปไหน คุณตาไปเลือกชุดกับคนอื่นเถอะนะคะ” “พี่จันก็แบบนี้ทุกที ชวนทีไรไม่เคยว่าง ตาโกรธพี่จันแล้ว ไม่ต้องมาง้อด้วย” แขกสาวทำเสียงงอนๆ ง้อตาสิคะพี่จัน แสดงให้ยายผู้ช่วยเห็น ว่าปานตาสำคัญกว่า มามุกนี้อีกแล้ว ไม่เบื่อบ้างเหรอคะ? หล่อนรู้ทัน จึงทำเฉย ไม่คิดจะง้อแม้แต่น้อย “ตาไปก็ได้” ปานตาโมโหที่อีกฝ่ายนิ่ง จึงสะบัดหน้า เดินกระแทกส้นออกไปจากห้องของคนสวย สายตาของคนงานหลายคู่ที่อยู่นอกห้องมองตามอย่างสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร กลัวถูกด่าเปิง คงโดนคุณจันขัดใจอีกชัวร์ กุ้งเดาแล้วส่ายหัว หลังมายืนดื่มน้ำนอกห้องทำงาน แต่ไม่คิดจะไปเกี่ยวข้องด้วย แม้เธอจะชอบผู้หญิงสวย แต่ที่สำคัญคือนิสัยใจคอต้องดี และเข้ากันได้ด้วย ขืนมีคนรักเอาแต่ใจ ขี้งอนแบบไร้เหตุผลแบบปานตา ...ไม่ช้าก็เร็วคงต้องรีบเลิก กลัวประสาทกิน เฮ้อ! กลับไปสักที ผู้หญิงอะไรอยู่ใกล้ด้วย เหมือนถูกดูดพลังงานไปหมด หล่อนถอนใจอย่างโล่งอก “คุณไม่ไปง้อแฟนหน่อยเหรอคะ กระแทกส้นไปโน่นแล้ว?” รสาคลี่ยิ้มกวนๆ พูดแบบนี้ เหมือนหึงเลยนะคะ “คุณตาไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ค่ะ แค่เพื่อนกันเท่านั้น” เจ้านายสาวตอบเสียงเรียบ แล้วย้อนถาม “พูดแบบนี้ น้องสาหึงพี่รึคะ?” “ฉันจะไปหึงคุณทำไม?” สาวร่างเล็กทำหน้าไม่พอใจ ขยับตัวไปอยู่ห่างๆ แต่ช้ากว่าหล่อนที่เอื้อมคว้ามือของเธอไว้ “พี่ไม่สนใจคุณตาแบบนั้น ไม่สนใจใครเลย ยกเว้น...” ชอบพูดอะไรเป็นปริศนาตลอด อีกคนเล็กเลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อย ค้างคาใจจนหลุดปากถาม “ยกเว้นอะไร?” “ยกเว้นผู้หญิงที่ชื่อรสาคนเดียวค่ะ พี่ชอบน้องสาค่ะ ชอบมาตั้งนานแล้ว ชอบมาเกินสิบปี ก่อนที่น้องสาจะลืมพี่ไป” จันจิราเผยความในใจออกมาเสียงอ่อนหวาน ชอบฉันเกินสิบปี! หรือว่าคุณจันจะเป็นคนที่ฉันฝันถึงบ่อยๆ? เธอยืนตัวแข็งเป็นหุ่น เกิดมาไม่เคยถูกใครสารภาพรักแบบนี้ ไม่ต่างจากในซีรีย์เกาหลี แล้วหวนคิดถึงความฝันที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในช่วงนี้ OoXoO ขอบคุณที่กรุณาติดตามค่ะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกหัวใจ และทุกโดเนทนะคะ ^^ เปิดตัวนางร้ายมาแล้วค่ะ ต้องมาลุ้นกันต่อว่า ปานตาจะร้ายกาจขนาดไหน...แต่ที่แน่ๆ ไม่อยากให้พลาดตอนหน้า พี่จันเธอจัดโปรหนักมากค่ะ ส่วนโปรจะแรงถึงใจน้องสาหรือเปล่า ต้องติดตามกันต่อค่ะ อิอิ *ป.ล. ไรท์อัพอีบุ๊คขึ้น MEB แล้วนะคะ น่าจะได้ซื้อฉบับเต็มได้ภายในวันหรือสองวันนี้ ท่านใดสนใจก็เตรียมแคะกระปุกกันได้ค่ะ ** ถ้าชอบนิยายของไรท์ ก็อย่าลืมกดให้หัวใจ เป็นกำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ ขอให้มีความสุขในการอ่านค่ะ นาง ^^ OoXoO |
บทความทั้งหมด
|