ก็ว่าจะไม่รัก Just You บทที่ ๔ (Yuri)


เช้าวันรุ่งขึ้นกรองแก้วในชุดนักศึกษาเดินสะลึมสะลือลงมาจากชั้นสองสายกว่าปกติ เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับนักมัวแต่ฟุ้งซ่านคิดวกวนกับคำพูดของสุธาสินี

ที่ผ่านมา เธอรู้ประวัติเรื่องผู้หญิงที่หล่อนเคยควงมักจะสวยเริ่ดเสมอ หากเปรียบเทียบกันตามจริง หน้าตาของตนสู้อดีตคนรักของร่างสูงไม่ได้เลยสักคนยิ่งรายล่าสุดรัศมีแขเคยเป็นถึงอดีตดาวคณะ แม้ปัจจุบันจะเรียนอยู่ปีสี่ แต่ยังจัดเป็นคนงามอันดับต้นๆของมหาวิทยาลัย

ซึ่งเธอรู้แก่ใจว่า ตนสวยไม่ได้ ๑ ใน ๑๐ของรัศมีแขเลยด้วยซ้ำ

คนสมบูรณ์แบบอย่างนั้นจะมาสนใจผู้หญิงธรรมดาๆ แบบเราได้อย่างไร

เธอใช้ชีวิตผ่านมายี่สิบเอ็ดฝนยังไม่เคยมีหญิงชายผู้ใดมาเกี้ยวพาราสีเลยสักครั้งพอคิดแบบนี้ยิ่งทำให้เคลือบแคลงสงสัยมากขึ้นไปอีก จู่ๆ สุธาสินีต้องการคบหากับตน ต้องมีเจตนาบางอย่างแอบแฝงแน่นอน

หรือศักดิ์จะเดาผิด...คนอย่างเราใครเขาจะมาสนใจ

บุ้ยใบ้โยนความผิดไปให้เพื่อนสนิท กว่าจะหยุดคิดแล้วเข้านอนจริงๆ ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนกว่า จึงไม่แปลกที่จะตื่นสายกว่าปกติ

ง่วงชะมัดเลย

สาวแว่นหาวหวอดๆ โดยไม่ลืมที่จะป้องปาก

“เมื่อคืนนอนดึกเหรอลูกขอบตาคล้ำอย่างกับหมีแพนด้า” บิดาของเธอทักขึ้น เกริกพ่อหม้ายลูกสองเจ้าของอู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์อยู่แถวตลาด แม้จะเป็นธุรกิจไม่ใหญ่โตแต่เขาก็ภูมิใจที่ไม่มีหนี้สิน และเลี้ยงลูกได้โดยไม่ต้องแบมือขอใคร

กวินที่เรียนปีหนึ่ง ก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มทานอย่างเร็วมีนัดเตะบอลกับเพื่อนๆ ที่มหา’ลัย ปรายตามองพี่สาว แต่ไม่พูดอะไร

“นิดหน่อยค่ะ” หญิงสาวไม่กล้าตอบถึงสาเหตุแท้จริงที่ทำให้นอนดึกก่อนทรุดตัวนั่งที่โต๊ะอาหาร ซึ่งมีข้าวต้มหมูร้อนๆ ฝีมือบิดาตั้งอยู่ โดยไม่ลืมพูด“ขอบคุณค่ะ” ก่อนเริ่มรับประทาน

“เปิดเรียนวันแรกเป็นไงบ้างล่ะเกริกถามไถ่เรื่องเรียนอย่างสนอกสนใจ การที่มีลูกสาวเรียนเก่งเกรดเฉลี่ยสูงจนมีโอกาสได้เกียรตินิยม ทำให้เขาภาคภูมิใจเหลือเกินและอดไม่ได้ที่จะพูดอวดกับลูกค้าอยู่บ่อยๆ

...สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ ชีวิตนี้ไม่มีเรื่องอะไรน่าภูมิใจมากไปกว่าเรื่องลูกอีกแล้ว

“ก็ดีค่ะ” กรองแก้วตอบเสียงเนือยๆ

ปกติเธออ่านหนังสือจบก่อนเปิดเรียนเสมอเวลาเรียนจึงเหมือนไปนั่งฟังอาจารย์พูดทบทวน อะไรที่ไม่เข้าใจก็สอบถามให้กระจ่างพอเรียนจบก็กลับมาอ่านทบทวน หลักการนี้ได้มาจากรุ่นพี่ที่เรียนเก่ง และทำมาตลอดตั้งแต่เรียนมัธยมฯจึงไม่แปลกที่จะสอบได้คะแนนสูงเป็นเด็กทุนมาตลอดสี่ปี

“แล้วกวินล่ะเป็นไงบ้างพ่อหันมาถามลูกชายบ้าง

“ก็ดีครับ” อีกฝ่ายตอบหลังกลืนข้าวลงคอ

“อย่ามัวแต่เล่นล่ะเราตั้งใจเรียนหน่อย เข้าใจไหม?” เกริกเตือน

“ครับ” ลูกชายขานรับคำเสียงยาวหลังตักข้าวคำสุดท้ายหมดก็ลุกยืน นำชามไปล้างที่อ่าง “ผมไปก่อนนะครับมีนัดเตะบอล”

“อย่ากลับบ้านเย็นนักล่ะ” พ่อส่ายหน้า กับนิสัยเอาแต่เล่นของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยเอาจริงเอาจังเท่ากับพี่สาว

“ครับ” เขารับคำหลังล้างจานเสร็จ คว้ากระเป๋า พรวดพราดออกจากบ้านไป

สาวแว่นทานข้าวอย่างเงียบๆ เหมือนครุ่นคิดหนักอะไรอยู่

ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย?

เกริกนึกบ่นลูกสาวในใจ

“ลูกพึ่งอายุยี่สิบเอ็ดเองนะถ้าทำหน้าแบบนี้นานๆ อีกสักปีสองปี หน้าลูกจะดูแก่เป็นสาวสามสิบได้เลยล่ะ” แกล้งพูดยั่วโมโหออกมา

“ไม่ขนาดนั้นซะหน่อย” เธอส่งค้อนวงโตให้เขา

บิดาหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี ก่อนเอ่ยดักคอออกมา

“พ่อไม่ว่าหรอกนะถ้าลูกจะมีแฟน”

ฉึก!

คำพูดของคนตรงหน้าทิ่มแทงใจคนฟังไม่น้อยตกใจจนเกือบทำช้อนหลุดจากมือ

จะเก่งไปนะคะพ่อขา

“พ่อพูดเรื่องอะไรหญิงสาวพูดไม่เต็มเสียง

“พ่อก็แค่เดาๆ ตามประสาคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน” เกริกกล่าวยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี

ภายนอกกรองแก้วเหมือนจะดูเชยเฉิ่ม แต่หากถอดแว่นสายตาออกจะดูสวยคมไม่ต่างจากภรรยาที่เสียไปนักแม้กระทั่งนิสัยใจคอก็แทบจะลอกแบบกันออกมา ทำให้เขาทั้งรักทั้งหวงดั่งแก้วตาไม่อยากให้หนุ่มคนไหนเข้ามาวอแวจีบเกี้ยว ที่พอจะไว้ใจได้ก็มีแต่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อนสนิทวัยเยาว์ของลูกสาวเท่านั้น

แม้จะสงสัยแต่คนเป็นพ่อเลือกที่จะไม่คาดคั้นอะไรการบีบบังคับหรือกดดันใช้กับคนดื้อเงียบแบบลูกสาวไม่ได้ เกริกมักจะตีกรอบหลวมๆให้อิสระแก่หญิงสาวตามสมควรแก่วัย เช่น ให้ทำงานพิเศษหาเงินใช้เอง โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือต้องไม่กระทบกับผลการเรียน รวมถึงการเข้าชมรมอาสาพัฒนา ออกไปบำเพ็ญประโยชน์ต่างจังหวัดเรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนยากจนในชนบท

“เมื่อเห็นคนที่ยากแค้นกว่าจะรู้ว่า แท้จริงแล้ว เราโชคดีแค่ไหน” เกริกสอนลูกทั้งสองคนแบบนั้น ไม่อยากให้รู้สึกต้อยต่ำหรือมีปมด้อยที่เกิดในครอบครัวปานกลาง พร้อมย้ำเสมอว่า “คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่มีทรัพย์สมบัติมากแค่ไหน หากแต่อยู่ที่คุณธรรมความดีงามต่างหาก”

“อย่างแก้วใครเขาจะมาจีบพ่อก็พูดไปเรื่อย” เธอพูดเสียงเรียบ

“พวกนั้นตาไม่ถึงล่ะสิ” เกริกเอ่ยจริงจัง

ยอเข้าไป

สาวหน้าคมไม่คิดต่อล้อต่อเถียงด้วยตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ เมื่อทานข้าวหมดก็ดื่มน้ำตาม ลุกเอาชามไปล้างที่อ่างล้างจานสมาชิกในบ้านนี้เน้นการช่วยเหลือตัวเอง ไม่ให้เป็นภาระกับคนอื่น

“วันนี้ต้องทำงานพิเศษหรือเปล่าลูก

“ทำค่ะ” ลูกสาวตอบพลางขยับมือใช้ฟองน้ำถูชามไปด้วย “พ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ

บิดาถอนหายใจเฮือกใหญ่

“วันนี้ไอ้เอกมันลาหยุดไม่รู้ว่าจะยุ่งขนาดไหน”

อู่ซ่อมมอเตอร์ไซค์ของเกริกมีลูกน้องสองคนคือเอกกับไม้ แม้จะเป็นแค่ร้านเล็กๆ แต่มีลูกค้าประจำค่อนข้างเยอะบางวันต้องทำงานกันจนถึงสามสี่ทุ่มกว่าจะเลิก การขาดลูกน้องหนึ่งคน หมายถึงอีกสองคนที่เหลือต้องหัวปั่นหนักกว่าเก่าจึงอยากขอให้ลูกสาวไปช่วยงาน

แม้กรองแก้วจะไม่ใช่ช่างเต็มตัวแต่มีทักษะการซ่อมมอเตอร์ไซด์อยู่พอสมควร...มีคนช่วยย่อมดีกว่าไม่มี

เอาไงดี?

ร่างเล็กคิดในใจ ด้วยพนักงานคนหนึ่งของร้านอาหารขอลาคลอดสองอาทิตย์หากเธอหยุดอีกคน ร้านสเต็กคงวุ่นวายมาก แค่นี้ก็ทำแทบไม่ทันอยู่แล้ว

ทว่าหญิงสาวไม่ทันตอบ เกริกก็พูดขึ้นเสียก่อน

“ถ้าติดงานก็ไม่เป็นไรพ่ออาจจะกลับบ้านดึกหน่อย ล็อกบ้านดีๆ ล่ะ” บิดาพูดเตือน “สงสัยต้องจ้างเด็กเพิ่มแล้วกระมัง”

“ถ้างานเยอะเกินก็ควรจ้างค่ะพ่อจะได้ไม่เหนื่อยเกิน” กรองแก้วเห็นด้วย บางครั้งการทำงานหนักก็ไม่คุ้มค่านักโดยเฉพาะค่าเสียเวลากับค่าสุขภาพ

“ไว้พ่อจะลองคิดดูแล้วกัน” พ่อมองเวลา แล้วเอ่ยไล่ลูกสาว “ไปได้แล้ว เดี๋ยวจะสาย”

“ไปนะคะ” สาวหน้าคมพูด ยกมือไหว้บิดาเหมือนทุกวันแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าและของที่จะเอาไปด้วย หยิบกุญแจรถสกู๊ตเตอร์สีขาวคันเก่าที่มีอายุอานามมากกว่าเธอเสียอีก

“ขับดีๆ ล่ะ วันไหนว่างเอารถไปเช็คที่ร้านด้วยนะ”เขากำชับ

“ค่า” ขานรับเสียงยาวเหยียด ก้าวออกจากบ้านขยับขาคร่อมบนอานของเจ้าแก่ บิดกุญแจสตาร์ท แล้วขับออกไปจากรั้วบ้าน

เยี่ยมเลยได้ที่โปรด

กรองแก้วยิ้มรับความโชคดีของเช้านี้ที่ได้ช่องจอดมอเตอร์ไซค์ตำแหน่งประจำ บิดดับเครื่องยนต์ขยับมองเวลาเหลืออีกครึ่งชั่วโมงก่อนเริ่มคาบวิชาแรก คว้ากระเป๋า ก้าวยาวๆไปตามทางเดินสู่อาคารเรียน

“แก้วเสียงทุ้มต่ำตะโกนเรียกชื่อเล่นดังลั่น

หญิงสาวหันไปมองตามเสียงเห็นศักดิ์สิทธิ์โบกมือเรียก ยืนคู่กับใครคนหนึ่งที่มีความสูงพอๆกัน...ผู้หญิงที่ตามติดเธอมาตั้งแต่เมื่อวาน

เมื่อเช้าก้าวเท้าออกจากบ้านผิดข้างใช่ไหมให้ตายสิ!

สาวแว่นนึกสบถในใจ ไม่รู้จะโทษอะไรจึงโทษโชคลางแทนจำใจก้าวเท้าไปหาคนเรียก

“สวัสดีค่ะน้องแก้ว” ประธานนักเรียนสาวเอ่ยทักทายขึ้นก่อน

หากแต่เธอทำเป็นไม่เห็นร่างสูง มองผ่านราวกับเป็นอากาศธาตุ

ใจคอจะไม่สนใจกันเลยใช่ไหม?

หล่อนนึกบ่นในใจที่โดนละเลยแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน แต่เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี หลังโดนเสาวรสเตือนเมื่อเช้าว่า...การจีบกรองแก้วไม่ใช่เรื่องหมูๆ เหมือนหญิงสาวทั่วไป

“วันนี้มาเช้าได้นะ” สาวร่างเล็กหันไปทักทายเพื่อนสมัยเด็ก

“นิดหน่อย” ศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเขินๆปรายตามองสาวรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างประหม่า “คือฉันบังเอิญเจอกับพี่สุก็เลยยืนคุยรอแก”

“รอฉันกรองแก้วทวนคำอย่างงวยงงไม่เข้าใจว่าสุธาสินีมีธุระอะไรกับตนเอง จึงหันมาจ้องหน้าหล่อน “คุณมีอะไรกับฉันอีกหรือคะ

“มีเยอะเลยค่ะ” ประธานนักเรียนสาวปอโทตอบเสียงหวาน

“มีเยอะเธอย้อนทวนคำ

“เมื่อกี้ตอนที่คุยกันพอพี่สุรู้ว่าพวกเราอ่อนภาษาอังกฤษ พี่สุเลยบอกว่า จะช่วยติวให้แกกับฉัน” ชายหนุ่มร่างใหญ่รีบอธิบาย

“ติวให้คนฟังทำหน้างงกว่าเดิมปกติไม่เคยเลยที่จะต้องเรียนพิเศษ ไม่ต้องพูดถึงค่าสอนพิเศษชั่วโมงละหลายร้อยบาทซึ่งเธอไม่คิดจะควักกระเป๋าจ่ายแน่ หนำซ้ำสาวสวยตรงหน้าเป็นลูกคนมีเงิน ขับรถเบนซ์...ยิ่งไม่มีปัญญาจ้าง

ล้อเล่นอะไรอีก?

“พี่เต็มใจติวให้น้องแก้วกับน้องศักดิ์ฟรีค่ะ” หล่อนรีบพูด เจตนาหาวิธีใกล้ชิดอีกฝ่ายโดยถามข้อมูลจากน้องสาวเมื่อคืน

“ไม่ต้องหรอกค่ะ เสียเวลาคุณเปล่าๆ”ร่างเล็กปฏิเสธทันควัน

“ทำไมล่ะแก้วเพื่อนสมัยเด็กทำหน้างงงัน คาดผิดเพราะคิดว่าเธอจะตอบตกลง เขารู้ดีว่า สาวแว่นเรียนภาษาอังกฤษใช้ได้แต่มีปัญหาเรื่องการพูด ซึ่งนับเป็นจุดอ่อนสำคัญในการทำงาน

สมัยนี้ทักษะในการสื่อสารถือว่าจำเป็นมากต้องใช้ภาษาที่สองคล่องแคล่วประหนึ่งภาษาพ่อภาษาแม่ พ่นกันชนิดน้ำไหลไฟดับ หรือไม่ก็น้ำลายฟูมปากนั่นแหละคนเขาถึงจะมองว่าเราเก่ง เข้าทำนอง ‘ปากเป็นเอก เลขเป็นโท’ ส่วนความสามารถในการทำงานจริงๆเป็นอย่างไรนั้น ค่อยว่ากันอีกที

“เป็นอันว่า คำตอบคือไม่” กรองแก้วตอบเสียงแข็ง แล้วเดินผละจากไป โดยไม่คิดจะฟังอะไรอีก

ดื้อชะมัด

ศักดิ์สิทธิ์ส่ายหัวก่อนหันไปขอโทษกับสาวรุ่นพี่เสียงอ่อยๆ

“ผมขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“ผมถามจริงนะครับพี่ต้องการอะไรจากเพื่อนผมชายร่างใหญ่ถามอย่างตรงไปตรงมา

ตอบยังไงดี?

สุธาสินีหยุดคิดในเสี้ยววินาที

“พี่อยากรู้จักน้องแก้ว”

ศักดิ์สิทธิ์หรี่ตาจ้องคนตรงหน้า อย่างไม่อยากจะเชื่อนักแม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ในการจีบสาว แต่พอรู้เรื่องแบบนี้มาบ้าง

“แค่นั้นเหรอครับ

ประธานนักเรียนสาวยิ้มบางๆ ที่เรียวปาก

“จริงๆ อยากมากกว่านั้นแต่ไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือเปล่า”

ชายรุ่นน้องหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ

“แปลว่าพี่สุตั้งใจจะจีบกรองแก้ว

“ตามนั้นแหละ”

ตรงไปตรงมาดี คนจริงแบบนี้แหละที่เหมาะกับแก้ว

เขาคิดชมในใจ

“พี่อาจต้องทำใจหน่อยนะครับจีบแก้วมันไม่ง่ายหรอก”

สุธาสินีหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี

“เท่าที่คุยสองสามครั้งก็ไม่คิดว่าง่ายเลยนะ”

หากนับอดีตคนเคยคบทั้งหมด กรองแก้วนับเป็นกระดูกชิ้นโตที่เข้าถึงตัวยากกว่าทุกคน ชนิดไม่เปิดโอกาสให้เลยสักนิด

แต่น่าแปลกตรงที่สาวร่างสูงหงุดหงิดบ้างในช่วงแรก ทว่าไม่รู้สึกโกรธเคืองจริงจังทั้งที่อีกฝ่ายทำให้ตนหน้าแตกยับ อย่างน้อยสองครั้งในรอบยี่สิบสี่ชั่วโมง

“แก้วเหมือนเจ้าหญิงน้ำแข็ง ทางเดียวที่จะชนะก็คือเอาไฟลนไปเรื่อยๆ ใครอึดกว่าก็เป็นผู้ชนะ” ศักดาพูดแนะนำติดตลก

สาวสวยเลิกคิ้วเรียวขึ้นเล็กน้อย

“แปลว่าศักดิ์จะยอมช่วยพี่ใช่ไหม หากได้ศักดิ์สิทธิ์เป็นพวกอีกคนการเข้าถึงกรองแก้วจะเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป

“ผมจะช่วยก็ต่อเมื่อ พี่สุแสดงให้ผมเห็นว่าพี่จริงใจกับแก้วผมรับปากพ่อมันเอาไว้ ผมไม่อยากถูกหักคอ” พูดเสียงจริงจังทำตัวราวกับเป็นองครักษ์ประจำตัวของสาวแว่น ชายหนุ่มถูกเกริกกำชับมาหลายร้อยรอบว่าอย่าให้คนไม่ดีมาจีบกรองแก้ว

หวังว่าพี่สุจะเป็นคนดี

“ไม่ช่วย แต่ไม่ขัดขวางใช่ไหมคะ

ศักดิ์สิทธิ์ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงเป็นตับ

“ประมาณนั้นครับ ถ้าถามข้อมูลทั่วไปผมตอบได้ก็จะตอบแต่ผมจะไม่ก้าวก่ายการตัดสินใจของแก้ว”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ”

เขาส่งยิ้มให้สาวรุ่นพี่แต่เมื่อเห็นสายตาหลายคู่จับจ้องมา พลันรู้สึกเสียวสันหลัง จึงรีบขอตัวก่อนจะถูกเข้าใจผิด

“ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะครับ”

“ค่ะ” ร่างสูงยิ้มบางๆ สัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรของหนุ่มรุ่นน้องก่อนหมุนตัวเดินไปยังตึกเรียนของตน

ทันทีที่สุธาสินีทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ว่างข้างโชติโรจน์พรรณรายซึ่งนั่งอยู่ชะโงกหน้ามาถาม

“เป็นอย่างไรบ้างท่านประธาน

หล่อนทำหน้าสับสนกับคำถามที่ไร้หัวไร้หาง

“เรื่องอะไร

“ก็เรื่องที่เราตกลงกันเมื่อวาน”

“อยากได้คำตอบแบบไหนล่ะอีกคนย้อนถาม

“เอาแบบจริงจัง เนื้อล้วนๆ น้ำไม่ต้อง”

ประธานนักเรียนสาวทำหน้าปั้นยาก

“เมื่อวานพอฉันเข้าไปช่วยน้องเขาเก็บของขอบคุณสักคำก็ไม่มี เดินหนีไปเฉยๆ ฉันงี้หน้าแหกไม่มีชิ้นดี”

“ขนาดนั้นหนุ่มหล่อทำหน้าประหลาดใจเท่าที่เขารู้ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเสียมารยาทกับสุธาสินีขนาดบ่นอู้มาก่อน

“เออสิ” ร่างสูงขานรับเสียงต่ำในลำคอ

“แล้วไงต่อพรรณรายรีบถามต่อรู้สึกเซอร์ไพรส์มากมาย ใครจะไปคิดว่าสาวแว่นเชยเฉิ่มจะมีพิษสงมากขนาดนี้

“ฉันรู้เรื่องน้องเขาจากเสาว่าชื่อกรองแก้ว ชื่อเล่นแก้ว ตอนเย็นเลยแวะไปร้านสเต็ก ที่น้องเขาทำงานพิเศษท่าทางน้องแก้วจะไม่ชอบหน้าฉันมากๆ น่าปวดหัวชะมัด” หล่อนพูดกึ่งบ่นตามที่รู้สึก

“สุดยอด!” โชติโรจน์อุทานออกมา

“นั่นสิ” สาวเท่พยักหน้าเห็นพ้อง “แปลว่าฉันเลือกถูกคนล่ะสิ”

“เออ เลือกเก่งมาก” หนุ่มหล่อยกยอ พร้อมยกนิ้วโป้งให้

“เยส!”

สองเกลอหันไปแปะมือกันอย่างร่าเริง

“ตกลงพวกแกเข้าข้างใคร?” สุธาสินีบ่นพึมพำ ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

“แก้ว” / “กรองแก้ว” สองคนตอบพร้อมเพรียง

หล่อนนั่งกอดอก ทำหน้าง้ำกว่าเดิม

ไอ้เพื่อนทรยศ

OoXoO

ขอบคุณที่กรุณาติดตามค่ะ เรื่องนี้จะเปิดจองหนังสือปลายอาทิตย์นี้นะคะ มีทั้งปกแข็งและปกอ่อน

โดยปกแข็งจะเปิดจองแค่รอบเดียว และมีตุ๊กตาน่ารักๆ ให้เป็นที่ระลึกด้วย จำนวนจำกัดค่ะ สนใจรอตามข่าวได้ที่ เพจนิ้วนาง นะคะ

ส่วน E-book น่าจะโหลดให้อ่านได้ปลายสัปดาห์หน้าค่ะ

นาง ^^

OoXoO




Create Date : 09 กรกฎาคม 2561
Last Update : 9 กรกฎาคม 2561 16:20:48 น.
Counter : 550 Pageviews.

0 comments
: รูปแบบของความว่าง : กะว่าก๋า
(18 เม.ย. 2567 04:00:35 น.)
Oh!! my sassy boss ตอนที่ 22 หน้า 2 unitan
(16 เม.ย. 2567 10:34:46 น.)
15 เมษายน 2567 คุกกี้คามุอิ
(15 เม.ย. 2567 04:15:53 น.)
: หยดน้ำในมหาสมุทร 35 : กะว่าก๋า
(13 เม.ย. 2567 05:51:40 น.)
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Nuinang.BlogGang.com

นิ้วนาง-เดียนา
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]