คิดถึงโอ๊ต ตอนที่ 1/1 - - ข่าวร้าย เช้าวันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2548 เสียงโทรศัพท์ปลุกผมตื่นตอนประมาณตีสี่ครึ่ง เสียงของเอก น้องชายของผม โทร.มาจากหาดใหญ่ "....แม่บอกให้สวดให้โอ๊ตด้วย.." แน่นอนล่ะ ผมตกใจมากพอควร แล้วถามเอกว่าเกิดอะไรขึ้น "..โอ๊ตขับมอเตอร์ไซค์ล้ม หัวฟาด...ตอนนี้ยังไม่ฟิ้น....หมอบอกว่าเลือดกระจายเต็มสมอง รอดูอาการ 24 ชั่วโมง โอกาสรอดยาก.." ผมรู้สึกเหมือนใจแตกเป็นเสี่ยง ทำอะไรไม่ถูก แม่ขอคุยกับผม ผมไม่เคยได้ยินเสียงของแม่ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ขนาดนี้มาก่อนเลย เสียงของแม่เหมือนคนที่ใจจะแตกตาย พูดไปร้องไห้ไป "..อีกนิดเดียวมันก็จะถึงบ้านแล้ว...ใกล้แค่นี้เอง...สวดให้มันด้วยนะ..ให้มันฟื้นขึ้นมานะ..." แม่วางสายไป ผมนั่งช๊อคอยู่ลำพัง อยากให้มันเป็นแค่ฝันร้ายก่อนฟ้าสาง ตื่นขึ้นมาก็รู้ว่าเป็นแค่ฝัน ....แต่มันก็ไม่ใช่...มันเป็นเรื่องจริง.. "..พระเจ้า..ไม่นะ...ไม่นะ...อย่าเอาเขาไปนะ....ช่วยเขาด้วยนะ..." ผมไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ร้องไห้พูดกับพระเจ้าแบบจับความไม่ได้ พยายามบอกตัวเองว่ายังมีหวัง น้องจะต้องฟื้น น้องจะต้องหาย ผมพยายามไม่นึกถึงคำว่าตาย แต่คำว่า "ยังไม่ฟื้น" หรือ "เลือดกระจายเต็มสมอง" หรือ "โอกาสรอดยาก" ยิ่งทำให้ผมร้องฟูมฟายมากขึ้น "..พระเจ้าครับ..อย่าทำแบบนี้นะครับ...มันหนักเกินไป.....เอาผมไปแทนได้มั้ย...เอาผมไปแทนเถอะนะ...ให้โอ๊ตฟื้นขึ้นมาเถอะนะ..." ผมโทร.หาพี่ๆที่โบสถ์บางคนให้ช่วยอธิษฐานเผื่อ น้องคนหนึ่งช่วยเช็คเวลาเที่ยวบินให้ พี่อีกคนบอกว่าจะช่วยออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ ตกลงว่าผมจะขึ้นเครื่องของทีจีตอน 11 โมง คงไปถึงเที่ยงกว่าๆ ...ผมอยากไปหาโอ๊ต...ไม่ว่าเขาอยู่ในสภาพไหนก็ตาม" ----------------------------------- ต่อพรุ่งนี้นะครับ แวะมาเยี่ยม ..
.. และมารออ่านตอนต่อไปครับ .. โดย: เด็กชายหัวหอม วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:20:05:05 น.
ขอบคุณที่เข้าไปทักทายที่ blog นะคะ
อ่านเรื่องข้างบนแล้วรอติดตามตอนต่อไป อยู่นะคะ โดย: jayjayกะน้องถ้วยฟู วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:06:40 น.
22.58 น. ของคืนวันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2548 ขณะที่ผมนั่งดูโทรทัศน์ ได้ยินเสียงของพ่อตะโกนบอกว่า "เอารถออกเร็ว พี่ชายประสบอุบัติเหตุ..." ขณะที่กำลังขับรถมุ่งตรงไปยัง จ.ลำพูน ซึ่งจุดเกิดเหตุห่างจากบ้านประมาณ 30 กม. หัวหน้างานของพี่ชายโทร.มาด้วยน้ำเสียงร้อนรน "รีบมาเร็ว.... พี่ชายเจ็บหนักมาก ตอนนี้พวกพี่กำลังรออยู่ที่เกิดเหตุ..." ผมเริ่มเอะใจ ทำไมคนเจ็บหนักมากไม่ส่งโรงพยาบาล ต้องมารอที่เกิดเหตุด้วย ผมใจสั่น มือสั้น เท้าที่กดคันเร่งรถพาลหมดแรงไปซะดื้อ ๆ น้ำตาคลอและไหลรินออกมา ในใจภาวนา "ขอให้พี่ชายรอผมด้วย อย่าเพิ่งเป็นอะไรไป ขอเอาผมไปแทนได้ไหม" ในรถได้ยินเสียงของแม่ร่ำไห้ว่า ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมต้องเป็นลูกอ๊อดด้วย แล้วแม่จะอยู่ยังไง ไม่นานก็มาถึงสถานที่ ทันใดนั้นหัวหน้างานก็วิ่งโผมากอดแม่ผมไว้ "แม่ครับ ทำใจดี ๆ นะครับ อ๊อดไปสบายแล้วครับ" แม่ร้องกรี๊ดเหมือนคนเสียสติ พ่อรีบวิ่งไปที่รถมูลนิธิ ผมวิ่งตามพ่อไป สิ่งที่เห็นคือร่างกายของชายคนหนึ่งที่ถูกผ้าสีขาวหลุมมีดไว้ ผมร้องไม่เป็นภาษาคนแล้ว ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ พี่อย่าเป็นอะไร ฟื้นขึ้นมาสิ มาเอาผมไปแทน แล้วเราสามคนพ่อแม่ลูกก็กอดกัน ร้องไห้อย่างไม่อายใครใด ๆ ทั้งสิ้น จนเจ้าหน้าที่รถกู้ภัยหันหน้าไปทางอื่นหมด หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที ผมก็ประคองแม่ไปขึ้นรถ เราไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผมได้ยินแต่เสียงร้องให้ของหญิงคนหนึ่งซึ่งเหมือนถูกกระจากดวงใจออกไป ผมจึงพูดไปว่า พี่ชายไปดีแล้ว ไม่ทรมานหรอก แม่ต้องเข้มแข็งนะ ผมเห็นแม่ร้องไห้แล้วผม..... ผมปล่อยโฮออกมา แม่จึงเข้ามากอด แล้วพูดว่า แม่ไม่เป็นไร ต่อไปนี้ลูกเป็นลูกคนเดียวของแม่แล้ว ลูกต้องเข้มแข็ง ดูแลพ่อกับแม่ยามแก่เฒ่านะ ลุกรักของแม่ ....
โดย: พรหม IP: 203.150.132.242 วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:3:21:07 น.
หลายๆครั้งในชีวิตเลย ที่คิด และภาวนาตลอดเวลา ว่าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นคนที่เรารัก .. มันหนัก .. ชั้นคิดไม่ออกว่าตัวเองจะรับมันยังไง
อ่านแล้ว .. รู้สึกหนัก เข้าใจ และอยากให้กำลังใจเป็นที่สุด โดย: หอย IP: 202.149.114.164 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:15:57:17 น.
|
ย่าของผมปีที่แล้ว กำลังออกกำลังกายอยู่ดีๆ เส้นเลือดในสมองแตกซะงัน คิดว่าเกิดตอน 17:30 แต่มาเจอตอน 19:00 และ รีบเรียกรถพยาบาลมาทันที
ตอนนี้ย่าของผมกลับมาบ้านแล้วครับ เพียงแต่ว่าไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ซีกขวาไม่สามารถทำงานได้ และ ไม่สามารถพูดได้ แต่ความจำทุกอย่างดีหมด เห็นลูกหลานทีไร ยิ้มแฉ่งทู๊กที
ขอให้เพื่อนคุณกลัมาเป็นปรกติครับ
ปล. ชื่อเพื่อนคุณเหมือนชื่อผมเลยแหะ ตอนแรกเข้ามา เฮ้ย รู้จักผมได้ยังไง แหะๆๆๆๆ รู้สึกตกใจเล็กน้อย