เอเอพี - นักบินรบสหรัฐฯรายหนึ่ง อ้างว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าสกัดกั้นและพยายามสอยยูเอฟโอ บริเวณน่านฟ้าของอังกฤษเมื่อ 50 กว่าปีก่อน
ร้อยโท มิลตัน ตอร์เรส ซึ่งประจำการอยู่ในอังกฤษ ณ เวลานั้น ได้รับคำสั่งเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 1957 ให้ขึ้นบินโดยด่วนพร้อมอาวุธเต็มอัตราศึกและยิงสิ่งที่แลเห็น
เขากระโดดขึ้นเครื่องบินรบ Sabre ทันที และนำมันขึ้นบินจากฐานกองทัพอากาศในเคนท์ และมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออก ทั้งนี้ เรดาร์ของเครื่องบินดังขึ้นมา ซึ่งผู้บังคับบัญชาของเขาพิจารณาว่ามันคือข้าศึกและอาจเป็นโซเวียต
เป้าหมายที่ไม่สามารถชี้ชัดขนาดเท่ากับเครื่องบินทิ้งระเบิดบี 52 อยู่ห่างไปราว 24 กิโลเมตรและ ตอร์เรส อยู่ในวิถียิง จรวดพร้อมที่จะทำลายมัน ทว่า อากาศยานลำดังกล่าวอันตรธานไปและเรดาร์ ที่กะพริบก็ดับลงไปด้วย
ตอร์เรส ณ ปัจจุบันวัย 77 ปี บอกกับ เดอะไทมส์ ว่า หลังจากนั้น มีคนอเมริกันรายหนึ่งซึ่งแสดงบัตรประจำตัวพนักงานหน่วยความมั่นคงแห่งชาติมาขอพบเขา และเตือนว่า หากเขาเปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นบินอีกเลย
เขาเล่าต่อคำเตือนนั้นฝังอยู่ในใจของเขามาตลอด และไม่เคยพูดเรื่องนี้อีกเลยจนกระทั่งปี 1988 เขายอมเปิดเผยเรื่องผ่านทนายความเพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับยูเอฟโอ และส่งรายงานรายละเอียดของเหตุการณ์ไปยังกระทรวงกลาโหม
และเรื่องดังกล่าวตอนนี้ถูกเผยแพร่โดยสถาบันรวบรวมเอกสารสำคัญแห่งชาติ
“ผมไม่เคยลืมมัน และ 50 ปีที่ผ่านมา ผมเฝ้ารอคำอธิบายแต่ไม่เคยได้ยินสักครั้ง” เขาบอกกับเดอะไทมส์ “ในคืนนั้นผมได้รับคำสั่งให้เปิดฉากยิงก่อนนำเครื่องขึ้นด้วยซ้ำ มันคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย”
“ผมพร้อมโจมตีเป้าหมายด้วยจรวด 24 ลูกที่มี ผมขอคำรับรองคำสั่งยิงและผมได้รับคำรับรองแล้ว แต่มันก็หายไปก่อน” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม ดาวิด คลาร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านยูเอฟโอ ให้คำอธิบายเผื่อไว้อีกทางหนึ่ง โดยระบุว่าในช่วงทศวรรษ 1960 ทาง ซีไอเอ มีโครงการลับพัลลาเดียม ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความสับสนให้กับเรดาร์ของเครื่องบิน
คลาร์ก กล่าวต่อว่า เขาคิดว่ามันอาจเชื่อมโยงกับปฏิบัติเครื่องบินสอดแนมลับยู2ของสหรัฐฯเหนือน่านฟ้าสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า “แต่นี่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไม มิลตัน ตอร์เรส ถึงต้องขึ้นบินด่วนและได้รับคำสั่งให้เปิดฉากยิง”
ที่มา 20 ตุลาคม 2551 14:18 น.
//www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000124443
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [