++เรื่องจริงผ่านจอประสบการณ์ระทึกขวัญบนเครื่องบิน+++
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ย้อนความไปตั้งแต่ตอนที่ผมขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมินะครับ

ผมนั่งเครื่องของ British Airway เที่ยวบินที่ BA10 ซึ่งจะออกจากกรุงเทพในเวลา 00.30

แต่เครื่องเกิด Delay ไป 1 ชม ผมจึงถามพนักงานฝ่าย Ground ว่าผมจะต่อเครื่องทันหรือไม่

เพราะผมมีเวลาเปลี่ยนเครื่องเพียง 2 ชม เท่านั้น

ทางพนักงานบอกว่า "ทันแน่นอน เพราะว่ากระเป๋าผมขึ้นList ของที่ต้อง Load ใต้ท้องเครื่องไปเที่ยวบินถัดไปแล้ว ยังไงเครื่องก็ต้องรอ"

ผมก็แอบใจระทึกนิดๆ ว่าจะทันจริงเหรอ แต่เมื่อทางนั้นยืนยันผมก็ไม่มีทางเลือก



เที่ยวบินที่ผมไปเป็นเครื่องลำค่อนข้างใหญ่ มีทีวีส่วนตัวให้ทุกที่นั่ง

พนักงานบนเครื่องบริการบนได้ดีมาก (รัก BA ขึ้นจมเลย อิอิ)

แต่ผมก็ยังอดระทึกขวัญไม่ได้ว่าจะไปต่อเครื่องทันรึเปล่า

ด้วยความไม่สบายใจผมเลยถามพนักงานบริการบนเครื่องว่าเครื่อง Delay ไป 1 ชม ผมจะต่อเครื่องทันรึเปล่า

พนักงานก็ยินยันครับว่า "ทันแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่มีปัญหา"




พอผมลงเครื่องผมก็รีบวิ่งเลยครับเพื่อที่จะไปอีก terminal นึงให้ทันในเวลาที่กำหนด

ซึ่งผมก็แอบถามพนักงานฝ่าย Ground ที่ลอนดอนอีกรอบว่า ผมจะไปทันรึเปล่าเพราะเหลือเวลาไม่ถึง 1 ชม

แถมยังต้องต่อรถอีกประมาณ 15 นาที

ซึ่งทางพนักงานก็ยังคงยืนยันว่า "ทันแน่นอน"




เมื่อผมไปถึง terminal 1 ผมเห็นคิวตรวจกระเป๋าที่ยาวมากๆ ซึ่งผมเหลือเวลาไม่ถึง 15 นาทีก่อนเวลาที่เครื่องจะออกแล้ว

ผมจึงถามพนักงานที่ Terminal 1 ว่า ผมขอเข้าไปตรวจในช่องของ First Class ที่ไม่มีคนแทนได้มั๊ย เพราะว่าเครื่องผมจะออกในอีก 15 นาทีแล้ว

ทางพนักงานก็บอกว่าไม่ได้ เพราะบัตรผมไม่ใช่ First Class ผมต้องต่อแถวตามปรกติ แต่เมื่อตรวจเสร็จแล้ว ให้ไปแจ้งกับหน่วยรักษความปลอดภัย ที่อยู่ปลายทางออกก่อนเข้าเกทด้วย




กระบวนการตรวจของที่นี่จะมีความแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ




คุณจะต้องเอาของทุกอย่างใส่เข้าไปในกระเป๋า 1 ใบให้ได้ ก่อนเข้าเครื่องตรวจ



ซึ่งรวมถึงหนังสืออ่านเล่น กล้องถ่ายรูป กระเป๋าถือผู้หญิง และ คอมพิวเตอร์ Notebook




เท่าที่ผมคุยกับผู้โดยสารท่านอื่น สนามบินต้นทางของหลายๆ ประเทศที่พวกเค้าเดินทางมา

จะไม่นับรวมของเหล่านี้เป็น Carry On

โดยเฉพาะNotebook จะนับแยกให้อีก 1ใบ

เพราะทางสายการบินจะไม่รับผิดชอบความเสียถ้าคุณเอา Notebook ใส่ไว้ใต้ท้องเครื่อง

นอกจากนี้ทุกคนถอดรองเท้าเพื่อนำเข้าเครื่อง x-ray ด้วย เพื่อความปลอดภัย

กระบวนการตรวจกระเป๋าจึงเป็นไปด้วยความล่าช้าเพราะผู้โดยสารหลายๆ ท่านต้อง pack กระเป๋าใหม่ในบริเวณนั้น แถมยังต้องเสียเวลาถอดรองเท้าอีกพอสมควร

โดยส่วนตัวผมไม่มีปัญหาเรื่องเหล่านี้เท่าไร เพราะว่าผมเคยมีประสบการณ์ต้องทิ้งหนังสือ 1 เล่ม เพราะใส่กระเป๋าไม่ลงมาแล้ว ก็เลยรอดตัว (ควรดีใจมั๊ยเนี่ย)

หลังจากผ่านกระบวนการตรวจที่แสนยาวนานผมก็เดินไปหาพนักงานรักษาความปลอดภัยตามที่ได้รับแจ้งไว้ เพื่อได้รูความจริงว่าเครื่องผมออกไปนานแล้ว




ใช่ครับ ผมตกเครื่องที่ลอนดอนโดยสาเหตุคือ



กระบวนการตรวจสัมภาระในลอนดอนใช้เวลานานกว่า 2 ชมครึ่ง

ส่งผลให้มีคนร่วมตกเครื่องบินกับผมมากกว่า 300 คน


หลังจากที่ผมรู้ว่าผมตกเครื่องผมก็ปฏิบัติตามกระบวนที่กำหนดไว้คือ ไปติดต่อหน่วยงานรับจองตั๋วใหคนตกเครื่อง

ซึ่งจากการสอบถามทำให้ผมรู้ว่ามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแทบทุกวัน และจะมากเป็นพิเศษในวันที่เครื่อง Delay

คิดง่ายๆ เลยนะครับ เครื่องผม delay ไป 1 ชม + เวลาเก็บกระเป๋าออกจากเครื่องและต่อรถไป Terminal 1 อีก 45 นาที ตรวจกระเป๋าอีก 2 ชมครึ่ง รวมแล้วเป็น 3 ชม 45 นาที

ถ้าคุณบินมาพร้อมผม และใช้เวลารอเปลี่ยนเครื่องน้อยกว่า 4 ชม รับรองคุณตกเครื่องแน่นอน

แต่ถ้าคุณไม่ได้บินเที่ยวเดียวกับผม คนต้องใช้เวลาเปลี่ยนเครื่องขั้นต่ำ 3 ชม ถึงจะขึ้นเครื่องถัดไปทัน

(นี่ขนาดผมบินมาถึงลอนดอนตอน 7 โมงเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่คนค่อนข้างน้อยแล้วนะ)



แล้วถ้าคุณเป็นนักเรียนที่เตรียมตัวจะไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วต้องต่อเครื่องที่ลอนดอนล่ะ คุณจะทำยังไงกับ notebook ของคุณ?



พนักงานฝ่าย Ground บอกผมว่าเที่ยวบินที่ผมจะนั่งต่อไป Edinburgh เต็มเกือบหมด เค้าจึง Stand by ให้ผมไปก่อน ซึ่งกว่าตั๋วเครื่องเที่ยวถัดไปจะว่างก็อีก 6 ชมขั้นต่ำ ซึ่งเค้า book ให้แล้ว (พนักงานคนนี้แสนดีมากๆ ขอชื่นชมจากใจจริง)

พร้อมกันนี้ทางพนักงาฝ่าย Ground ก็ได้ให้คูปองค่าอาหารและเครื่องดื่มมูลค่า 5 ปอนด์ เพื่อชดเชยค่าเสียเวลา

เมื่อทำใจรับสภาพได้ผมก็ไปนั่งหม่ำแซนด์วิชราคา 3.5 ปอนด์ กับกาแฟแก้วละ 1.75 ปอนด์ แก้เครียด (อ้าวจ่ายเกินมา 0.25 ใครรับผิดชอบเนี่ย อิอิ)

ถ้าคุณเดาก็ถูกครับ เครื่องที่ผมรอ Stand by เต็มหมด ทำให้ผมต้องนั่งรอประมาณ 6 ชม เพื่อที่จะได้เครื่องที่ book ไว้

ซึ่งก่อนขึ้นผมก็ไม่ลืมที่จะถามพนักงานออกตั๋วว่า "แล้วกระเป๋าตรูล่ะ ตอนนี้อยู่ไหน จะมาด้วยกันรึเปล่า หรือล่วงหน้าไปก่อนแล้ว"

พนักงานออกตั๋วก็ยืนยันเสียงแข็ง(อีกแล้ว)ว่า "กระเป๋าจะไปพร้อมคุณแน่นอน"

เพราะกระเป๋าของสายการบินนี้จะใช้ระบบ barcode ในการ Track กระเป๋า

ซึ่งตอนนี้แจ้งสถานะว่าอยู่ที่ ฮีทโทรว์ ลอนดอน

และเค้าก็ได้ key ข้อมูลในระบบให้กระเป๋าเดินทางไปพร้อมผมเรียบร้อยแล้ว

ด้วยความระแวงผมก็ไม่ลืมที่จะเช็คกับพนักงานตรวจตั๋วก่อนเข้า Gate อีกครั้งว่า "กระเป๋าผมล่ะ"

ทางพนักงานหน้า Gate ก็เอา barcode อันเดิมไป Scan แล้วบอกว่า สถานะของกระเป๋าตอนนี้จะไปพร้อมคุณแน่นอน

เริ่มสบายใจขึ้นแล้วสิ


พอขึ้นเครื่องก็ได้เรื่องอีกแล้วครับ

เพราะเหมือนเครื่องลำนี้จะมีปัญหาเร่งความเร็วไม่ขึ้น

ทำให้กว่าจะใช้เวลาออกตัวได้ก็เกินครึ่ง ชม (ระทึกอีกแล้วตรู)



พอเครื่องออกได้กัปตันก็เริ่มไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ จนถึงระดับที่ค่อนข้างคงที่บรรดาพนักงานสาวสวยก็เริ่มเข้ามาแจกอาหารและเครื่องดื่ม

แต่เรื่องมันยังไม่จบแค่นั่น เพราะพอพนักงานแจกอาหารไปได้ 2 แถว ก็มีผู้ชายคนนึงเกิดอาการป่วยอย่างรุนแรง จนคนนั่งข้างๆ ต้องตะโดนเรียก แอร์!!! (สาบานได้ว่าเรื่องจริงไม่ใช่โคนัน)

แอร์ก็รีบวิ่งไปเอาถึง O2 มาครอบหน้าและให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนคนป่วยอาการเริ่มดีขึ้น

แต่แล้วก็มีเสียงประกาศจากกัปตันบอกว่า เนื่องจากเครื่องมีคนป่วยเราจึงขออนุญาตบินกลับสนามบิน ฮีทโทรว์ ที่ลอนดอน!!!


แล้ววันนี้ตรูจะได้ไป Edinburgh มั๊ยเนี่ย


คนเคยอ่านเรื่องตลกเกี่ยวกับคนพยายามว่ายน้ำข้ามเจ้าพระยามั๊ยครับ

เรื่องมีอยู่ว่าชายคนนึงพยายามว่ายข้ามเจ้าพระยาให้ได้

แต่พอว่ายมาได้ครึ่งทางก็หมดแรง

ก็เลยพยายามว่ายกลับจนถึงฝั่งได้สำเร็จ



ตอนนั้นผมคิดถึงเรื่องตลกเรื่องนี้มาก


พอกัปตันประกาศว่าจะเอาเครื่องกลับ แอร์คนนึงก็พูดขึ้นมาเบาๆ ว่า "นี่มันบ้าเกินไปแล้วนะ"

เธอจึงเดินไปที่ห้องกัปตัน ทั้งๆ ที่สัญญาณไฟใฟ้คาดเข็มขัดนิรภัย แดงขึ้นทั้งเครื่อง เพราะเครื่องบินกำลังพยายามบินเปลี่ยนทิศกลับไปทางเดิม

หลังจากเธอเปิดประตูเข้าไปในห้องนักบินได้ไม่ถึงนาที ก็มีเสียงประกาศดังขึ้นว่า

เรายกเลิกแฟนการลงกลับแล้ว และกำลังจะเตียมตัวลงจอด ที่สนามบิน Edinburgh!!!



แวบแรกผมคิดว่า เฮ๊ย ตรูฟังผิดรึเปล่าวะ

จึงถามฝรั่งคนที่นั่งข้างๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ใช่อย่างที่ผมคิดหรือเปล่า

เค้าก็ตอบว่าคุณเข้าใจถูกแล้ว นี่มันเป็นเรื่องบ้าชัดๆ

ตั้งแต่ที่กัปตันประกาศว่าจะลงจอด สัญญาณรัดเข็มขัดไม่เคยดับ และเคยบินไม่เคยหยุดสั่นอีกเลย

ผู้โดยสารส่วนใหญ่รวมทั่งผมต่างนั่งเงียบ ผู้โดยสารส่วนที่เหลือ ลืมเล่าเรื่องโจ๊กเกี่ยวกับเครื่องบินตก (กรรมแล้วมั๊ยนั้น -__-")



สุดท้ายเครื่องก็ลงจอดที่สนามบิน Edinburgh โดยสวัสดิภาพ

โดยที่ผมใช้เวลาบินจาก London มา Edinburgh ด้วยเวลาเพียงครึ่งเดียวของที่ต้องใช้จริง!!!


มาถึงตอนนี้ทุกคนที่อ่านคงจะเดาได้แล้วใช่มั๊ยครับ ว่าเรื่องไม่จบแค่นี้

ใช่ครับกระเป๋าผมหายและเกือบทุกคนที่บินมาในเที่ยวบินนี้ก็กระเป๋าหายเหมือนกันหมด!!!



หลังจากผมรู้ว่ากระเป๋าผมหาย ผมก็ไปติดตามเรื่องตามกระบวนการที่ได้รับแจ้งไว้ โดยหลังจากรอ 1 วันครึ่ง ผมก็ได้รับกระเป๋าคืนโดยไม่มีอะไรสูญหาย แต่มีของเสียหายบ้างเล็กน้อย (ซึ่งแค่นี้ผมก็ดีใจแล้วล่ะ)

ซึ่งจากการคุยกับเพื่อนๆ ของแฟนที่มาเรียนที่นี่ทำให้ได้รู้ว่ามีหลายๆ คน ที่มาต่อเครื่องที่ลอนดอนเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว

บางคนต้องทิ้งสัมภาระบางอย่างไว้ที่สนามบิน เพราะจำนวนกระเป๋าเกิน

บางคนกระเป๋าหายไปนานกว่า 1 เดือนครึ่ง

บางคนกระเป๋าโดนงัด และมีของหาย

บางคนของที่เอามาด้วยเสียหายร้ายแรง (หม้อหุงข้าวบุบจนไม่สามารถใช้งานได้)


ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ ถ้าคุณคิดจะมาเรียนต่อต่างประเทศ พยายามอย่านั่งสายการบินที่ต้องมาต่อเครื่องที่อังกฤษ

แต่ถ้าคุณจะมาเรียนที่อังกฤษ คุณก็ควรจะจัดกระเป๋ามาให้เรียบร้อย อย่าให้น้ำหนักเกินที่ทางสายการบินกำหนด และไม่ควรเอานำสัมภาระรวมทุกอย่างขึ้นเครื่องมากกว่า 1 ชิ้น


แต่ถ้าถามว่าเหตุการณ์ที่ผมตกเครื่องนี้ใครเป็นคนผิด

1. Ground ที่สุวรรณภูมิไม่ผิด เพราะโดยทฤษฎีควรจะเป็นแบบนั้น

2. Air ของสายการบิน BA ก็ไม่ผิด เพราะบริการดีมาก (ฮา) และตอบคำถามตามความเข้าใจของตน

3. Ground ของสนามบินฮิทโทร์ว ก็ไม่ผิดเพราะทุกอย่างควรจะปฏิบัติตามขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของคนหมู่มาก

ดังนั้นสรุปแล้วคนที่ผิดมีอยู่ 2 คน

1. ผมเอง ที่เอาตัวซวยมาด้วยทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนไปด้วยตลอดทาง (ฮา)

2. ผู้ก่อการร้าย ที่ทำให้ระเบียบของสนามบินต้องเข็มงวดมากขึ้น ส่งผลให้คนที่ไม่รู้เรื่อง ต้องพลอยมาชีวิตยากขึ้นตามไปด้วย

ทั้งผู้โดยสารที่ทำให้การเดินทางลำบากขึ้น

พนักงานตรวจกระเป๋าที่ต้องทำงานหนักขึ้น

พนักงานฝ่าย Ground ที่ต้องวุ่นกับการจัดเที่ยวบินใหม่ และต้องทนรับเสียงด่าทุกวัน

ยิ่งประเทศอังกฤษที่เป็นประเทศที่ค่อนข้างเน้นเรื่องความปลอดภัย ขนาดที่ยอมลงทุนปิดสถานีรถไฟ เพื่อตรวจสอบกระเป๋าที่คนลืมไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุไม่คาดฝัน ยิ่งต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นไปอีก


สุดท้ายนี้ ผมขอภาวนาให้ผู้ก่อการร้าย หมดไปจากโลกนี้โดยเร็วด้วยเทอญ


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามารับฟังผมบ่นนะครับ



Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2551 18:20:26 น.
Counter : 1014 Pageviews.

1 comments
15/04/67 สมาชิกหมายเลข 4675166
(15 เม.ย. 2567 09:46:52 น.)
เรื่องเล่าที่ไม่เกี่ยวกับวันสงกรานต์ tanjira
(13 เม.ย. 2567 16:10:32 น.)
ep 4 ขับรถบนถนนเริ่มจะประมาท โอพีย์
(10 เม.ย. 2567 05:03:14 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ กม.ที่ 349 "วันใดที่เธอ...." จันทราน็อคเทิร์น
(8 เม.ย. 2567 14:18:13 น.)
  
เป็นเรื่องที่ระทึกใจมากค่ะ กัวจะเจอแบบนี้จัง
โดย: ป้ามาเองจ๊ะ วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:16:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Namkangyamshao.BlogGang.com

น้ำค้างในยามเช้า
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]