วันวารฯ - บทที 4 ลลิตาเริ่มการทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ที่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์พรีมา ที่ถนนสีลมด้วยความกระตือรือร้น ธีระหัวหน้างานโดยตรงของเธอให้ความช่วยเหลือแนะนำอย่างดี อาศัยที่หญิงสาวเป็นคนหัวไวและมีประสพการณ์ในงานด้านนี้มาหลายปี ทำให้การทำงานของเธอเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ธีระนำตัวเข้ามาใกล้ชิดเธอได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่น่าเกลียดหรือเป็นที่เพ่งเล็งของใคร โดยเฉพาะพนักงานในแผนกเดียวกันซึ่งมีอยู่หลายคน หลังจากร่วมงานกันได้ประมาณหกเดือนและออกไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันบ่อยครั้ง ลลิตาก็รู้เรื่องเกี่ยวกับพื้นฐานภูมิหลังของชายหนุ่มผู้นั้นโดยละเอียด ธีระเรียนจบปริญญาตรีทางด้านบริหารการลงทุนและปริญญาโทบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ครอบครัวของเขาซึ่งมีเชื้อสายจีนและมีฐานะดีมีหุ้นอยู่ในบริษัทพรีมานี้ไม่น้อย เขาเป็นลูกชายคนโต มีน้องชายและน้องสาวอีกอย่างละคน ซึ่งกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกา ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าอุปโภคบริโภค ความจริงครอบครัวของธีระต้องการให้เขาเข้าไปช่วยกิจการดังกล่าว แต่ชายหนุ่มขอเวลาทำงานด้านที่เขาเรียนมาโดยตรงสักพักหนึ่งก่อน ธีระเป็นคนสุภาพและใจเย็น ถึงจะไม่จัดว่าเป็นผู้ชายรูปหล่อ แต่รูปร่างหน้าตาของเขาก็อยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะไม่ได้สนใจเขานักเพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอชอบ แต่ลลิตาซึ่งยังมีบาดแผลร้าวลึกในหัวใจและรู้ว่าเขาสนใจเธอก็ไม่ได้สลัดตัดรอนเขา เธอกำลังว้าเหว่ต้องการใครสักคนที่จะคอยเอาใจและเห็นความสำคัญของเธอ ตอนนี้เธอตั้งใจที่จะลืมคริสให้ได้ เวลาที่ผ่านไปทำให้เธอเริ่มรู้ว่า การจะได้เขากลับมาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคริสนั้นเป็นคนมั่นคงยากที่ใครจะทำให้เขาโอนเอนได้ ถึงจะยังแอบหวังอยู่เงียบๆว่าเขาคงยังรักเธออยู่และคงยังลืมเธอไม่ได้ แต่ความคิดที่จะแก้แค้นผู้หญิงคนนั้นและคุณธัญญาก็เริ่มจางลงไปบ้างแล้ว เมื่อตระหนักว่าโลกนี้ยังมีผู้ชายดีดีเช่นธีระอีกมากมาย ไม่ได้มีแต่คริสเพียงผู้เดียว แต่ลลิตาก็ยังทำใจให้ยอมรับหนุ่มใหญ่ผู้นี้มาแทนที่คริสไม่ได้อยู่ดี ความจริงลลิตาเองก็มองเห็นคุณสมบัติดีดีในตัวธีระหลายอย่าง แต่ก็มีบางอย่างที่หญิงสาวไม่แน่ใจว่าจะยอมรับได้ นั่นคือเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวของเขา ครั้งหนึ่งเขาเคยชวนเธอไปงานทำบุญบ้านของเขา พร้อมด้วยลูกน้องในที่ทำงานอีกหลายคน ลลิตายอมไปกับเขาเพราะเห็นว่าไม่ได้ไปกันเพียงแค่สองคน เธอเกรงว่าถ้าไปกับเขาตามลำพัง ทางบ้านเขาอาจจะเข้าใจผิด คิดว่าธีระพาเธอไปเพื่อแนะนำตัวในฐานะคู่หมายของเขา ซึ่งคนอย่างลลิตาจะไม่ยอมให้ใครมาทำกับเธอแบบนั้นอย่างเด็ดขาด ถ้ายังไม่แน่ใจตัวเองว่าคิดอย่างไรกับเขา บ้านของธีระซึ่งอยู่แถวถนนบางนาใหญ่โตโอ่โถงและตกแต่งหรูหราแบบจีน มีคนพักอาศัยซึ่งคงจะเป็นบริวารอยู่มากมายในเรือนแถวหลังยาว ตรงมุมหนึ่งทางด้านหลังของตึกใหญ่ วันนั้นมีญาติพี่น้องและแขกเหรื่อหลายสิบคนมาร่วมงาน ธีระควรจะช่วยทำหน้าที่เจ้าภาพแทนบิดามารดาซึ่งตอนนี้ปลีกตัวขึ้นตึกไปแล้ว แต่เมื่อมีโอกาสที่จะแนะนำผู้หญิงที่เขาสนใจให้บิดามารดาได้รับรู้ไว้ชั้นหนึ่งก่อน ธีระก็ไม่รีรอที่จะพาลลิตาขึ้นไปบนตึกเข้าไปในห้องนั่งเล่นกว้างใหญ่ ที่บิดามารดาของเขานั่งดูรายการทางโทรทัศน์อยู่ตามลำพังเพียงสองคน หลังจากพิธีกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับการทำบุญบ้านจบลงแล้ว เหลือแต่การรับประทานอาหารร่วมกันเท่านั้น ซึ่งประมุขของบ้านทั้งคู่จะรับประทานกันตามลำพังบนตึก บิดาของธีระเป็นชายวัยกลางคนอายุใกล้เคียงกับคุณปราโมช รูปร่างของเขาสูงใหญ่ลงพุงเล็กน้อย หน้าตาท่าทางใจดี ส่วนมารดาเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าตาธรรมดาแต่สีหน้าดุและมีอำนาจ คนทั้งสองมองลลิตาอย่างแปลกใจเมื่อเห็นธีระพาเธอเข้ามาในห้อง “คุณพ่อคุณแม่ผมครับคุณลิตา ป๊าครับมาม้าครับ คุณลลิตาทำงานอยู่ที่เดียวกับผม” เขาแนะนำสั้นๆง่ายๆ ลลิตาทำความเคารพคนทั้งสองที่ยังทำหน้างงๆอยู่ บิดาของเขารับไหว้เธอ ในขณะที่มารดาของธีระจ้องมองเธอเขม็งตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะพยักหน้าแทนการยกมือขึ้นรับไหว้ ซึ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกแปลกๆ นายทรงพลหรือชื่อจีนว่าเล้งพูดกับลลิตาว่า “อ้อ...นั่งก่อนสิหนู” แล้วเขาก็ขยับตัวไปมาเหมือนทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้นวมใหญ่ตัวหนึ่ง ธีระลงนั่งบนเก้าอี้ตัวถัดไป นายทรงพลกระแอมกระไอออกมาเบาๆพลางเหลียวมองภรรยา ซึ่งยังคงจ้องมองหญิงสาวผู้นั้นไม่วางตา เขาอึกอักเหมือนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ แต่แล้วก็หันไปมองบุตรชาย “อ้าว พั้ง ทำไมไม่หาน้ำหาท่ามาให้หนูนี่ล่ะ” ลลิตาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าธีระมีชื่อจีนว่าพั้ง “ไม่ต้องหรอกค่ะ ดิฉันเพิ่งทานมาจากข้างล่างนี่เอง” หญิงสาวตอบอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มอึดอัดกับความเงียบเฉยและสายตาที่ยังมองสำรวจเธออยู่ของมารดาเขา “หนูทำงานกับพั้งหรือ ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยนี่” บิดาของธีระพยายามชวนเธอพูดคุย “คุณลิตาเพิ่งมาทำงานที่บริษัทไม่กี่เดือน เธอเป็นผู้ช่วยผมครับ” และเมื่อเห็นสายตาของมารดาที่เขาเข้าใจดี ชายหนุ่มก็รีบอธิบายต่อไปทั้งๆที่ตอนแรกคิดว่าไม่จำเป็น “คุณลิตาเรียนจบจากอเมริกา เธอเคยทำงานอยู่ที่นั่นหลายปี เพิ่งกลับมาอยู่บ้านไม่นาน” แต่ข้อมูลเหล่านั้นก็คงยังไม่ประทับใจมารดาของเขาอยู่ดี เพราะเธอเบนสายตาไปจากลลิตาแล้วก็จริง แต่ก็ยังไม่พูดอะไร หันไปมองภาพในจอโทรทัศน์เฉยอยู่ เมื่อเห็นสีหน้าของลลิตาที่เริ่มขรึม ธีระก็ขยับตัวอย่างอึดอัด นั่งเงียบๆดูโทรทัศน์กันอยู่อีกพักหนึ่ง เขาก็ลุกขึ้นยืนบอกคนทั้งสอง “ผมกับคุณลิตาขอตัวก่อนนะครับ ป๊า..มาม้า ลูกน้องที่ทำงานผมอีกหลายคนรออยู่ข้างล่าง” แล้วเขาก็พาเธอออกจากห้องนั้น ระหว่างทางชายหนุ่มบอกเธออย่างร้อนใจ “ขอโทษด้วยนะครับคุณลิตา แม่ผมเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจากับใครหรอก” หญิงสาวยิ้มหวาน ตอบเขาเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลิตาเข้าใจ คุณแม่คุณคงจะเหนื่อย เห็นว่ามีพิธีอะไรกันเยอะแยะตั้งแต่เช้า ลิตาเองก็ไม่ควรจะขึ้นไปรบกวน” ธีระไม่รู้หรอกว่าลลิตาคิดอะไรอยู่ในใจอีกยืดยาว แม้ในสายตาของเธอธีระจะมีจุดด้อยที่เกี่ยวกับมารดาของเขาอยู่บ้าง แต่เมื่อคำนึงถึงองค์ประกอบและคุณสมบัติส่วนตัวหลายอย่างของเขาแล้ว หญิงสาวก็บอกกับตัวเองว่าวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อหัวใจของเธอไม่มีคริสอยู่อีกแล้ว ธีระอาจจะเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอจะรับไว้พิจารณา ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเขายังสนใจเธออยู่เหมือนตอนนี้ ส่วนเรื่องมารดาของเขานั้นหญิงสาวคิดว่า คงไม่เกินความสามารถที่จะรับมือได้ นอกจากธีระแล้วก็ยังมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่สนใจลลิตา เขากับเธอรู้จักกันเพราะเรื่องงาน ที่บริษัทส่วนตัวเล็กๆของเขาเป็นลูกค้าของบริษัทที่เธอทำงานอยู่ เพียงพบกันครั้งแรกเขาก้แสดงความสนใจเธออย่างออกหน้าออกตาและไม่รีรอที่จะขอเดทกับเธอในไม่กี่วันต่อมา ลลิตาซึ่งกำลังพยายามลืมคริสก็ยอมออกเดทกับเขาเป็นครั้งคราว ถึงจะชอบรูปร่างหน้าตาและอัธยาศัยของชายหนุ่มผู้นี้แต่เขาก็ยังไม่ใช่สเป็คของเธออยู่ดี แต่หญิงสาวก็ยังไม่คิดที่จะตัดสัมพันธ์กับเขา ถึงอย่างไรเธอก็จะเก็บเขาเอาไว้เป็นตัวเลือกอีกคนหนึ่งนอกเหนือไปจากธีระ ตอนนี้ลลิตาได้เปลี่ยนมุมมองในเรื่องการเลือกคู่ของเธอไปแล้ว ไม่มีอีกแล้วที่เธอจะปักใจอยู่กับใครแต่เพียงคนเดียว โดยไม่มองหาโอกาสและคนที่ดีกว่า เธอจะไม่ผูกมัดหัวใจตัวเองเอาไว้กับผู้ชายแต่เพียงคนเดียว เหมือนสมัยก่อนอีกต่อไป คนที่ให้บทเรียนและมุมมองนี้แก่เธอจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่คริส เลย์ตัน รักแรกที่มิอาจลืมของเธอ เมื่อได้ทำงานหญิงสาวก็เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น เธอสนุกกับความท้าทายของงานที่ต้องติดต่อสัมพันธ์กับลูกค้าของบริษัท บางครั้งก็ต้องออกไปติดต่อลูกค้าข้างนอกตามลำพัง แต่ก็มีหลายครั้งที่ต้องติดตามธีระไปพบลูกค้าระดับพิเศษบางคน แล้วก็หลายครั้งอีกเหมือนกันที่ชายหนุ่มผู้นั้น จะถือโอกาสหลังการเจรจาเรื่องงานกับลูกค้าจบลง พาเธอไปรับประทานอาหารกลางวันหรืออาหารเย็นแล้วแต่สถานการณ์ ที่ร้านอาหารหรูตามโรงแรมชั้นนำ แล้ววันหนึ่งลลิตาก็ได้รู้เห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้ตกใจเพราะคาดไม่ถึง วันนั้นหลังเสร็จการประชุมกับลูกค้ารายใหญ่แถวสุขุมวิท ซึ่งยืดเยื้อยาวนานไปจนถึงสิบแปดนาฬิกา ธีระพาลลิตาไปนั่งดื่มไวน์ที่ห้องค็อกเทลเลาจ์ในโรงแรมห้าดาวที่อยู่แถวนั้น รอเวลาที่จะเข้าไปรับประทานอาหารเย็นในห้องอาหารที่อยู่ด้านใน คนทั้งสองนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กๆมุมห้อง คุยกันไปดื่มกันไปจนใกล้เวลายี่สิบนาฬิกา ก็เคลื่อนย้ายเข้าไปในห้องอาหารใหญ่ด้านใน หลังจากที่พนักงานห้องอาหารนำไปนั่งตรงโต๊ะอาหารด้านในสุดตามความต้องการของธีระ และต่างฝ่ายต่างสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่นั่งรอธีระลลิตาก็มองไปเรื่อยๆ แล้วก็เห็นชนะชัยพี่ชายของเธอเดินตามพนักงานเข้ามาในห้องอาหารแห่งนั้น ตรงไปที่โต๊ะที่อยู่ห่างโต๊ะของเธอออกไปอีกทางด้านหนึ่ง หญิงสาวขยับจะโบกมือเพื่อเรียกชนะชัยให้หันมา แต่แล้วมือที่กำลังจะยกขึ้นก็มีอันชะงักค้าง พี่ชายของเธอไม่ได้มาคนเดียวอย่างที่เห็นในแวบแรก เพราะมือข้างหนึ่งของเขาจับจูงอยู่กับมือของเด็กผู้ชายตัวเล็กๆอายุประมาณสามขวบ ที่เดินตามเขามาติดๆและกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง คือผู้หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปลายๆหน้าตาสะสวยในชุดคลุมท้อง ลลิตาจ้องมองคนทั้งสามอย่างประหลาดใจแกมงุนงง ชนะชัยมากับใคร? ตอนแรกเธอยังไม่เข้าใจภาพที่เห็น แต่แล้วความเข้าใจก็ค่อยๆเกิดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่พี่ชายของเธอปฏิบัติต่อเด็กชายตัวเล็กๆ ที่เขาอุ้มให้นั่งลงบนเก้าอี้สำหรับเด็กที่พนักงานนำมาให้ หน้าตาของชายหนุ่มผู้นั้นแจ่มใสมีความสุข ลลิตาจ้องเขม็งเมื่อเห็นชนะชัยยิ้มให้หญิงสาวคนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา ก่อนจะยกมือขึ้นปัดอะไรบางอย่าง ที่คงจะติดอยู่ที่แก้มของเจ้าหล่อนให้หลุดออกไป เห็นเพียงแค่นั้นหญิงสาวก็ไม่ต้องเสียเวลาคาดเดาอีกต่อไป ไม่ต้องมีใครบอกเธอก็สันนิษฐานได้ไม่ยากเย็น ว่าคนทั้งสามเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันอย่างไร หลังจากนั้นลลิตาก็แทบไม่เป็นอันพูดคุยกับธีระเพราะมัวแต่เฝ้ามองคนทั้งสาม ทำให้ธีระซึ่งมองตามสายตาของเธอไปหลายครั้งแล้ว ต้องถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่าครับ คุณลิตา” “อ๋อ..ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ พ่อแม่ลูกที่โต๊ะตัวนั้นท่าทางจะเป็นครอบครัวที่มีความสุข เห็นแล้วก็อดมองไม่ได้” ลลิตารีบแก้ตัวพร้อมกับถอนสายตาจากภาพที่พี่ชายของเธอ กำลังตักอาหารในจานป้อนใส่ปากเด็กผู้ชายคนนั้น กลับมามองธีระ “สงสัยคุณลิตาจะชอบเด็ก” แล้วเขาก็เป็นฝ่ายหันไปมองคนที่โต๊ะตัวนั้นบ้าง “เด็กผู้ชายนั่นน่าจะประมาณสามขวบ คุณแม่กำลังจะมีน้องให้อีกคนแล้ว ครอบครัวสมัยนี้มักมีลูกกันไม่เกินสองคน” เมื่อเห็นหญิงสาวก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารโดยไม่ตอบโต้ว่าอะไร ธีระก็เปลี่ยนเรื่องพูดและเลิกสนใจครอบครัวเล็กๆนั้นแต่เพียงเท่านั้น ในขณะเดียวกันลลิตาก็กำลังคิดประมวลเรื่องราวจากภาพที่เห็นอย่างรวดเร็ว นี่เองคือคำตอบที่ว่าทำไมพี่ชายของเธอจึงกลับบ้านดึกแทบทุกคืน และหายตัวไปจากบ้านทุกวันหยุด นี่ก็แปลว่าพี่ชายที่ยอมทำตามความต้องการของมารดาทุกอย่างๆที่เธอเองก็รู้ ว่าเขาเป็นลูกที่อยู่ในโอวาทที่มารดาของเธอคุยนักคุยหนา กลายเป็นอีกคนหนึ่งเมื่ออยู่นอกบ้าน ลลิตาคิดว่าถ้าเด็กผู้ชายคนนั้นและอีกคนที่อยู่ในท้องของผู้หญิงที่มากับเขา เป็นลูกของชนะชัยจริง ก็แสดงว่าเขากับผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์กันมาหลายปีแล้ว โดยที่คนทางบ้านไม่รู้เลย ถ้ามารดาของเธอรู้เรื่องนี้เข้าเหตุการณ์ จะเป็นอย่างไรต่อไป คุณลักษณาคงโกรธและตกใจจนแทบเป็นลมกระมัง หญิงสาวรู้ว่ามารดาคาดหวังว่าชนะชัยจะแต่งงานกับผู้หญิงในระดับไฮโซสักคนหนึ่ง เพราะเขาเป็นถึงลูกชายท่านรัฐมนตรีที่มีอนาคตไกล อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาลลิตาก็เห็นชนะชัยเช็คบิลพร้อมที่จะออกไปแล้ว เธอเห็นเขาลุกขึ้นยืน อุ้มเด็กผู้ชายคนนั้นเอาไว้ในวงแขนพาเดินออกไปจากห้องอาหาร โดยผู้หญิงสาวที่คงตั้งครรภ์ได้ประมาณสี่ห้าเดือนเดินเคียงข้างไปกับเขา หลังอาหารเมื่อธีระชวนไปฟังเพลงต่อ ลลิตาซึ่งกำลังใช้ความคิดอย่างหนักปฎิเสธ โดยอ้างว่ามีธุระกระทันหันกับมารดา ซึ่งชายหนุ่มผู้นั้นก็มีมารยาทพอที่จะไม่คยั้นคะยอหรือต่อว่าต่อขาน ที่อยู่ๆเธอก็อ้างเรื่องมารดามายกเลิกคำชวนเมื่อตอนเย็นของเขา ที่จะพาเธอไปฟังเพลงและเธอตอบตกลงไปแล้ว ถึงจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ไม่พูดอะไร คงทำหน้าที่สุภาพบุรุษขับรถพาลลิตากลับไปที่สำนักงาน เพื่อไปเอารถของเธอที่จอดทิ้งไว้ในลานจอดรถ อุ๊ยๆ สงสารเฮียพั้ง กลัวจะอกหักจังเลย
เพราะ แก๊สกระป๋อง เอ๊ย ถ่านไฟเก่า รอวันรื้อฟื้น ไม่ดับง่ายๆหรอกนะเนี่ย 555 แล้วบ้านนี้ก็ยังไง พี่ชายก้แอบไปมีแควนลูก2 อีก น้องสาวก็ยังไม่จบเรื่องง่ายๆอีกคน คุณแม๊ คุณแม่ คงจะต้องปวดหมองมากเลยเชียวนะครับ 555 ![]() ![]() ![]() โดย: multiple
![]() ![]() ปอมแวะมาทักทายคุณตุ้ย ในวันที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนจ้า
![]() โดย: กาปอมซ่า
![]() ตามมาอ่านค่ะ กำลังสนุก ขอบคุณที่เข้าไปชมบล็อคค่า
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว
![]() ![]() |
บทความทั้งหมด
|
มาแล้วจ้ะ มาอ่านต่อ บล็อกนี้ เป็นเรื่องราวของ ลลิตา เต็ม ๆ ดีใจ
ด้วยที่เธอเริ่มไม่คิดแค้นคริส และไม่คิดแก้แค้นแล้ว และชีวิตเธอ เริ่ม
หาคนรักใหม่ เปลี่ยนมุมมอง ไม่คบผู้ชายเพียงคนเดียว ไม่ปฏิเสธคนที่เข้ามาในชีวิต พิจารณากันไป ไม่ตัดสายสัมพันธ์แบบฉับพลัน ครูก็
หวังว่า เธอจะเจอผู้ชายที่ดี และลืมคริสได้ในไม่ช้าจ้ะ ครูเห็นใจลลิตา
นะ การจะลืมรักแรกนี่ มันยากจริง ๆ เนาะ อิอิ
โหวดหมวด งานเขียนฯ