Review : EXXE Phytocell Anti-Aging And Whitening Facial Serum สเต็มเซลล์จากต้นอ่อนอาร์แกนคืออะไร? ![]() ...เมื่อเราอายุมากขึ้นผิวไม่ได้แค่ขาดความชุ่มชื่นจนเป็นริ้วรอยได้ง่าย แต่การผลิตเม็ดสีเมลานินก็จะเกิดมากขึ้นเมื่อมีปัจจัยกระตุ้น ทำให้ผิวดูหมองคล้ำได้ง่าย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวเราดูแก่กว่าวัยนั่นเอง ดังนั้นสกินแคร์กลุ่มริ้วรอยในปัจจุบัน จึงมักพ่วงคุณสมบัติการเป็นไวท์เทนนิ่งมาด้วย ซึ่งในบล็อคนี้ก็มีอีกหนึ่งแบรนด์ที่จะมารีวิวให้ชมกัน โดยจุดขายของเค้าคือส่วนผสมสเต็มเซลล์ที่ได้จากต้นอ่อนอาร์แกน จะน่าสนใจอย่างไรไปชมรายละเอียดกันเลยจ้า ![]() EXXE PHYTOCELL ANTI-AGING AND WHITENING FACIAL SERUM ---------------------------------------------------------------------- ซีรั่มบำรุงผิวหน้าเพื่อผิวสวยเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอย และกระจ่างใส ***ชื่อแบรนด์อ่านว่า "เอ็กซ์เซ่" จ้า ขนาดและราคา ขนาด 30 กรัม ราคา 990 บาท หาซื้อได้ที่ Watsons และ ร้านขายยาชั้นนำทั่วไป ![]() จุดขายของส่วนผสมที่เค้าดึงมาเป็นตัวชูโรง คือ สเต็มเซลล์จากต้นอ่อนอาร์แกน ในชื่อของ PhytoCellTecTM Argan ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของผู้ผลิตจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีทางชีวภาพชนิดใหม่ ที่ชื่อว่า PhytoCellTecTM ซึ่งคือการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ของพืช เพื่อสร้างเซลล์เนื้อเยื่อที่ใช้เพื่อการซ่อมแซมบาดแผล ![]() มาเกริ่นกันง่ายๆก่อนว่า "สเต็มเซลล์" คืออะไร? สเต็มเซลล์...ก็คือเซลล์ต้นกำเนิด ที่เป็นเซลล์ชนิดพิเศษ พบได้ทุกช่วงเวลาของการเจริญเติบโตในสิ่งมีชีวิต ทำหน้าที่สำคัญในการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ เพื่อทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกาย ซึ่งเทคโนโลยีสเต็มเซลล์ที่เราได้ยินแรกๆจะใช้เพื่อการแพทย์ ในการรักษาโรคต่างๆ เช่น โลหิตจาง ธาลัสซีเมีย มะเร็ง ที่เราได้ยินกันว่ารักษาโดยปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากไขสันหลัง ---------------------------------------------------------------------------------- สเต็มเซลล์กับความสวยความงามเห็นผลจริงหรือ? ส่วนในสายของความสวยความงามก็มีการนำสเต็มเซลล์มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเข้าร่างกายโดยตรง หรือนำมาสกัดใส่ในสกินแคร์ ซึ่งหลักการที่นำสเต็มเซลล์มาใช้มักมีความคาดหวัง ว่าสเต็มเซลล์ที่เติมเข้าไปในร่างกายจะช่วยให้ เซลล์ร่างกายของเราซ่อมแซมตัวเองได้ทำให้เราดูอ่อนเยาว์ โดยถ้าเป็นการฉีดเข้าร่างกายต้องใช้เป็นสเต็มเซลล์ที่มีชีวิตที่มักจะสกัดจากสัตว์ ซึ่งจะสลายตัวและสูญเสียสภาพได้โดยง่าย และไม่สามารถอยู่ในอุณหภูมิห้องปกติได้ ดังนั้นสเต็มเซลล์ที่นำมาใช้กับสกินแคร์ก็จะต้องเป็น สารสกัดสเต็มเซลล์จากพืชซึ่งเป็นเซลล์ที่ไม่มีชีวิต ในช่วงที่ผ่านมาจึงมีการถกเถียงกันเยอะว่าแล้วมันจะช่วยอะไรกับผิวเราได้? ![]() สเต็มเซลล์จากพืชในสกินแคร์มีผลต่อผิวอย่างไร? เทียบง่ายๆสเต็มเซลล์จากพืชก็เหมือนเป็นการสกัดสารออกมาจากพืชปกตินั่นแล แค่ใช้เทคโนโลยีที่มีความล้ำมากขึ้นในการสกัดจากตัวเซลล์ต้นกำเนิดของพืช โดยนำเซลล์พืชไปทำให้เกิดแผลเพื่อให้พืชสร้าง เซลล์แคลลัส (callus cell) ขึ้นมา ซึ่งเซลล์แคลลัสนี้คือเซลล์เนื้อเยื่อเพื่อการซ่อมแซมบาดแผล มันก็คือสเต็มเซลล์นั่นเอง แล้วก็นำไปเพาะเลี้ยงต่อในอาหารเหลวเพื่อเพิ่มจำนวน แล้วก็นำสเต็มเซลล์ที่ได้มาสกัดสารสำคัญเพื่อใช้ในสกินแคร์นั่นเอง ซึ่งสารที่ได้จากการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์พืชของแต่ละชนิด ก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปตามคุณสมบัติของพืชนั้นๆ ความหมายคือสเต็มเซลล์จากพืชไม่สามารถ เข้าไปทดแทนสเต็มเซลล์ในร่างกายมนุษย์ได้ เพราะเป็นคนละชนิดกัน แต่สารสำคัญที่ได้จากสเต็มเซลล์พืชมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว ด้วยการเข้าไปช่วยเสริม กระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติของเรา ให้ทำงานได้เต็มที่ยิ่งขึ้น ให้อยู่ในภาวะที่เหมาะสมในการซ่อมแซมตัวเอง และช่วยบำรุงผิวในหลายๆด้านจากองค์ประกอบของสารต่างๆที่สกัดได้นั่นเอง ซึ่งความแตกต่างของการสกัดสารจากพืชแบบทั่วไป กับการสกัดจากสเต็มเซลล์ของปริมาณชิ้นส่วนของพืชที่ต้องใช้ การสกัดทั่วไปต้องใช้ชิ้นส่วนมาสกัดในปริมาณมากเพื่อให้ได้สารสกัดเล็กน้อย แต่การสกัดจากสเต็มเซลล์ใช้ต้นทุนชิ้นส่วนของพืชเพียงเล็กน้อย แต่นำมาเพาะเลี้ยงต่อเพื่อเพิ่มปริมาณสาร เทคโนโลยีการสกัดสเต็มเซลล์นี้จึงมีประโยชน์มาก ในการใช้กับพืชที่มีปริมาณน้อยและเพาะปลูกให้เติบโตได้ยาก ![]() สเต็มเซลล์จากต้นอ่อนอาร์แกน PhytoCellTecTM Argan มีดีอย่างไร ต้นอาร์แกนซึ่งเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดในประเทศโมร็อกโก จุดเด่นคือเป็นต้นไม้ที่มีความสามารถในการปรับตัว เข้ากับความแห้งแล้งรุนแรงและอุณหภูมิสูงได้ แต่ปัจจุบันต้นอาร์แกนลดจำนวนลงมาก เพราะเรื่องการขยายพื้นที่ในการเพาะปลูกทำเกษตรกรรม ปัจจุบันต้นอาร์แกนที่เหลืออยู่จึงอยู่ภายใต้การคุ้มครองขององค์การยูเนสโก (UNESCO) ก็ถือว่าเทคโนโลยีการเพาะสเต็มเซลล์จะไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนของต้นอาร์แกนที่เหลืออยู่ ![]() จากการวิจัยพบว่า PhytoCellTec™ Argan สารออกฤทธิ์ที่ได้มาจากสเต็มเซลล์ของต้นอาร์แกนมีผลต่อผิว ในการช่วยส่งเสริมให้สเต็มเซลล์ในผิวชั้นเดอร์มิสหรือชั้นหนังแท้ที่เริ่มเสื่อมสภาพ ให้กลับทำงานได้มากขึ้น จึงส่งผลให้ผิวของเราสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น เกิดการสร้างคอลลาเจนอีลาสตินในชั้นหนังแท้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้น เพราะสารสกัดที่ได้จากสเต็มเซลล์ต้นอ่อนมีสารจำเพาะ ที่ใช้ควบคุมการทำงานของสเต็มเซลล์ (Epigenetic factors) เช่นเดียวกับในผิวมนุษย์ ผลที่ได้จึงช่วยให้ผิวยืดหยุ่นดีขึ้น ริ้วรอยจึงค่อยๆลดเลือนลง ผิวเรียบเนียนขึ้น และตัวมันเองยังมีคุณสมบัติในการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย ![]() เคลียร์กันไปเรียบร้อยกับเรื่องสารสกัดสเต็มเซลล์จากพืชว่ามีผลต่อผิวอย่างไร ทีนี้มาว่าด้วยส่วนผสมใน EXXE PHYTOCELL ANTI-AGING AND WHITENING FACIAL SERUM กันบ้าง ส่วนผสมนางเอก สารสกัดสเต็มเซลล์จากต้นอ่อนอาร์แกน ที่เกริ่นไว้ ในส่วนผสมคือ Argania Spinosa Sprout Cell Extract ใส่มาลำดับค่อนข้างท้ายๆเลย น่าจะด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงอ่าเนอะ การคาดหวังผลจึงน่าจะดูจากสารออกฤทธิ์ที่ใส่มาในลำดับต้นๆมากกว่า ตัวแรกที่ใส่มาเยอะสุดเลยก็คือ Niacinamide หรือ Vitamin B3 เป็นวิตามินสารพัดประโยชน์ที่มีความสเถียรสูงช่วยบำรุงผิวหลายได้ ราคาไม่สูงจึงสามารถพบได้มากในส่วนผสมของสกินแคร์ต่างๆ เพราะช่วยทั้งให้ความชุ่มชื่นผิว ซึ่งส่งผลต่อเรื่องของริ้วรอย และการใส่มาในความเข้มข้นที่สูงพอยังออกฤทธิ์ในเชิงของไวท์เทนนิ่ง ในการช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานินอีกด้วย ตัวต่อมาคือ Methylsilanol Mannuronate หรือ Algisium© อันนี้น่าสนใจนะเป็น สารสกัดจากสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล ชนิดหนึ่งที่อยู่ในทะเลน้ำลึก ซึ่งเป็นสารซิลิคอนประเภทหนึ่งที่พบได้ในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในชั้นหนังแท้ ที่ทำหน้าที่รักษาโครงสร้างและความแข็งแรงของชั้นผิวทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นดี รวมถึงมีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื่น ต้านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบอีกด้วย แต่คือในแง่ของการตลาดถ้าดึงมาเป็นตัวชูโรงของผลิตภัณฑ์ มันไม่ทำให้รู้สึกว้าวอ่าเนอะก็แค่สารสกัดจากสาหร่าย เพราะสารสกัดสเต็มเซลล์มันว้าวกว่าน้องสาหร่ายเลยต้องหลบทางให้ แต่เค้าว่าจัดเป็นสารออกฤทธิ์ตัวที่น่าคาดหวังผลเรื่องริ้วรอยเลยนะด้วยลำดับที่ใส่มา ต่อด้วยตัวแม่ของสารในกลุ่มไวท์เทนนิ่งก็คือ Alpha Arbutin อนุพันธ์ของกลูโคสกับไฮโดรควิโนน (Hydroquinone-beta-D-glucoside) ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสารไวท์เทนนิ่งที่ให้ผลดีและปลอดภัย ซึ่งออกฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ใช้ในการผลิตเม็ดสีเมลานิน จึงช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นและลดเลือนจุดด่างดำ นอกนั้นก็เป็นสารในกลุ่มให้ความชุ่มชื่น และพ่วงท้ายมาอีกอย่างละนิดกับสารสกัดที่ได้จากพืช คือ สารสกัดจากว่านหางจระเข้ Aloe Barbadensis (Aloe Vera) Leaf Powder ที่ช่วยในการสมานแผล กระตุ้นการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ ให้ความชุ่มชื่น ลดอาการอักเสบของผิว สารสกัดจากทับทิม Punica Granatum Fruit Extract ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ***ไม่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ และพาราเบน แต่มีส่วนผสมของน้ำหอม และมิเนอรัลออยล์ แต่เค้าก็เคลมมาว่าผ่านการทดสอบการระคายเคือง จากสถาบัน Dermscan (ประเทศฝรั่งเศส) เอาว่าถ้าผิวระคายเคืองง่ายมากๆก็ลองเทสต์จุดอื่นก่อน ค่อยทาหน้าก็ได้ฮะเพื่อความสบายใจ ![]() แพคเกจจิ้งมาในรูปแบบกระปุกทึบแสงมีฝาสองชั้น ![]() วันผลิตและวันหมดอายุชัดเชนทั้งที่กล่องและที่กระปุก ถ้ายังไม่เปิดใช้สามารถเก็บไว้ได้ 3 ปี แต่ถ้าเปิดใช้แล้วด้วยความที่เป็นกระปุกซึ่งมีสิ่งเข้าไปเจือปนได้ง่าย ก็ควรใช้ให้หมดภายในไม่เกิน 6 เดือนอ่านะ ![]() ลักษณะเนื้อและกลิ่น เท็กซ์เจอร์มีความเป็นครีมมากกว่าเซรั่ม เนื้อสีขาวมีความข้นปานกลาง แต่เกลี่ยแล้วกระจายตัวไม่ยาก ส่วนกลิ่นถ้าดมจากเนื้อครีมโดยตรงไม่ได้กลิ่นอะไรเลย จะได้กลิ่นแค่ตอนที่ทา แต่เอาจริงๆถ้าไม่บอกนี่ก็ไม่คิดว่าใส่น้ำหอมนะ เค้าว่าเป็นกลิ่นเฉพาะที่เกิดจากส่วนผสมแต่มีการใส่น้ำหอมเพื่อลดกลิ่นนั้นมากกว่า เป็นกลิ่นที่มีความอมเปรี้ยวนิดๆ ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมฉุนๆ พอซึมผิวหมดทิ้งไว้แป๊บเดียวกลิ่นก็หายไปละไม่ติดผิว ![]() ความรู้สึกเมื่อทดลองใช้ จากการดูเนื้อตอนแรกเหมือนจะเป็นครีมข้น แต่พอทาลงบนผิวถือว่าให้สัมผัสที่บางเบาใช้ได้เลยนะ เนื้อครีมมีความเย็นนิดๆตอนที่เกลี่ยลงบนผิว เนื้อมีความหนืดแต่เกลี่ยไปบนผิวไม่ยากและซึมผิวไวกว่าที่คาด สิ่งที่อเมซิ่งคือสัมผัสหลังทาที่สบายผิวมาก มันซึมหายลงผิวได้หมด ไม่ขึ้นเป็นคราบขาว ให้ความรู้สึกชุ่มชื่นดีโดยไม่เหลือความมันไม่ทำให้ผิวดูเยิ้มด้วย หลังซึมผิวหมดให้สัมผัสเป็นฟิลม์บางๆเคลือบผิวไว้ โดยเมื่อลูบไปบนผิวจะรู้สึกว่าผิวเรียบแล้วก็ลื่นขึ้นทันที ไม่เหนอะหนะ เหลือความหนึบผิวน้อยมาก ด้วยส่วนผสมและเท็กเจอร์เค้าว่าใช้เป็นขั้นตอนของมอยส์เจอร์นะ คือใครไม่ชอบหลายขั้นตอนจะทาเดี่ยวๆเช้าเย็นไปเลยก็ได้ ชุ่มชื่นดีเลย แต่ถ้าจะใช้ร่วมกับสกินแคร์อื่นที่มีก็สามารถใช้ได้ โดยทาตัวนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายจ้า สุดท้ายถามว่าสกินแคร์ชิ้นนี้เหมาะกับใคร จากเนื้อสัมผัสที่ชุ่มชื่นแต่ไม่มันไม่เหนอะหนะ เค้าว่าก็รอดทุกสภาพผิวนะแค่ปรับปริมาณที่ใช้เอา เรื่องวัยก็ได้หมดนะ คือหลักๆก็เน้นความชุ่มชื่นและกระจ่างใส เหมาะกับคนที่เริ่มกังวลกับริ้วรอยแรกเริ่ม และอยากแก้ปัญหาเรื่องความหมองคล้ำจุดด่างดำไปพร้อมๆกัน แต่เรื่องกระจ่างใสก็ควรใช้คู่กันแดดและเลี่ยงแดดด้วยเน่อ หวังว่าข้อมูลในบล็อคนี้จะเป็นประโยชน์กัน ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าค่า ![]() ----------------------------------------------------------------------------- Disclaimer : Sponsored Content by EXXE ***All opinions are my own Information : https://www.facebook.com/exxethailand/ พี่ทรายคะ ชัดเจนเขียนผิดเป็นชัดเชนค่ะ แหะๆ อ่านแล้วเจอเลยมาบอกค่ะ ^^
โดย: Bummii IP: 184.22.253.244 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:0:13:47 น.
![]() โดย: สมาชิกหมายเลข 4468429
![]() |
บทความทั้งหมด
|