📌15 เคล็ดลับในการจัดสรรเวลาเพื่อให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนึ่งในท
ักษะที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้คุณประสบความสำเร
็จอย่างรวดเร็วนั่นก็คือ ทักษะในการจัดสรรเวลาอย่างม
ีประสิทธิภาพ เพราะหากขาดการจัดสรรเวลาที
่ดีไปแล้ว แม้ว่าคุณจะมีความสามารถที่
เก่งกาจแค่ไหน ก็จะทำให้คุณต้องพบกับความว
ุ่นวายและลำบากไม่รู้จบ ไปดู 15 เคล็ดลับที่จะทำให้คุณสามาร
ถบริหารเวลาได้อย่างคนที่ประสบความสำเร็จ
1. ตั้งเป้าหมายให้เป็นใช้หลักการ SMART ในการตั้งเป้าหมาย ซึ่ง SMART ในที่นี้ ประกอบด้วย 5 วิธี ดังนี้
S = Specific คือ เฉพาะเจาะจง
M = Meaningful คือต้องมีความหมาย
A = Achievable คือสำเร็จได้
R = Relevant คือมีความเกี่ยวข้อง
T= Time-Based คือ มีกำหนดเวลา
2. จัดลำดับความสำคัญให้ได้- งานสำคัญและเร่งด่วน
- งานสำคัญแต่ไม่เร่งด่วน
- งานไม่สำคัญแต่เร่งด่วน
- งานไม่สำคัญและไม่เร่งด่วน
3. วัดผลเป็นรายสัปดาห์คุณควรทำการประเมินตนเองในท
ุก ๆ สัปดาห์ ว่าคุณกำลังทำอะไรและใช้เวล
าไปเท่าไหร่แล้ว บันทึกลงในสมุดบันทึกหรือใน
โทรศัพท์ของคุณ และเมื่อครบ 7 วันคุณก็นำสิ่งเหล่านี้มาปร
ะเมินตัวเองว่า ได้ทำในสิ่งที่สำคัญเร่งด่ว
นหรือสิ่งอื่น ๆ ไปมากน้อยแค่ไหน และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอะไ
ร
4. ใช้เวลาช่วงเช้าไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุดMark Twain เคยกล่าวว่า “ถ้าคุณจะต้องกินกบคุณก็ควร
กินมันตั้งแต่ตอนเช้าและถ้า
คุณต้องกินกบถึง 2 ตัวคุณก็ต้องกินกบตัวที่ใหญ
่ที่สุดก่อน” หมายความว่า คุณควรจัดการงานที่สำคัญที่
สุด มาอยู่ในลิสต์เป็นอันดับแรก
ในทุก ๆ เช้า แน่นอนมันอาจจะเป็นงานที่ยา
ก และเกือบจะกินเวลาไปทั้งวัน
แต่เมื่อคุณฝึกฝนอย่างสม่ำเ
สมอจนเป็นนิสัยแล้ว คุณจะเลิกผัดวันประกันพรุ่ง
และจะพร้อมวิ่งเข้าชนกับปัญ
หาหรืองานยากๆก่อนเป็นอันดั
บแรก
5. ใช้กฎ 80/20กฎ 80/
20 หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กฎของ Pareto (พาเรโต) ซึ่งเราจะใช้เวลา 80% ไปกับเรื่องไร้สาระ ในขณะที่ใช้เวลา 20% ไปกับงานที่สำคัญ ดังนั้นหากเราต้องการบริหารจัดก
ารเวลาให้ได้ เราควรแยกให้ออกว่า เราจะใช้เวลา 80% ไปทำในสิ่งที่จะสร้างรายได้
หรือสร้างภาระ และเวลา 80% ที่ใช้ไปนั้น สร้างผลงานที่มีคุณค่าได้ถึ
ง 20% ของการบรรลุเป้าหมายในแต่ละ
วันหรือไม่
6. ปลูกฝังนิสัยหลักในชีวิตของคุณคุณควรจะเริ่มต้นปลูกฝังนิส
ัยดี ๆ หรืออย่างน้อยคือปรับเปลี่ย
นพฤติกรรมทีละน้อย เช่น
- ตื่นเช้า เพื่อมาออกกำลังกาย คุณจะได้ทั้งการตื่นเช้าและ
มีเวลาออกกำลังกาย
- เริ่มทานอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเริ่มตั้งแต่มื้อเช้า เป็นอาหารแบบคลีนฟู๊ด คุณจะได้ฝึกการทานอาหารเช้า
(ซึ่งสำคัญ) พร้อมกับการควบคุมอาหารและค
วบคุมน้ำหนักไปในตัว
- ฝึกเดินขึ้นบันไดในออฟฟิศแท
นการใช้ลิฟท์
- ฝึกทำบัญชีรับจ่าย และเขียนรางวัลให้กับตัวเอง
ในแต่ละเดือน เช่นถ้าเดือนนี้สามารถทำได้
ตามเป้าหมายฉันจะซื้อกระเป๋
าเป็นของขวัญให้ตัวเอง แต่ถ้ายังทำไม่ได้ก็จะไม่ซื
้ออะไรที่ฟุ่มเฟือยเลย
7. กำหนดเวลาในการตอบสนองอีเมลการเช็คอีเมลเป็นงานที่เสีย
เวลาที่สุด หลายครั้งเราจะเจออีเมลที่ไ
ม่ได้สำคัญอะไร ดังนั้นคุณควรจัดเวลาในการเ
ช็คอีเมล อาจจะเป็นช่วงเช้าก่อนเข้าง
าน หรือไม่ก็ช่วงเย็นก่อนเลิกง
าน หรือระหว่างวันตามเวลาที่คุ
ณกำหนดไว้
8. ขจัดนิสัยที่ไม่ดีเล่นโทรศัพท์บนที่นอน, ล่องลอยบนอินเทอร์เน็ตเข้าเ
ว็บนู้นออกเว็บนี้, เช็คโทรศัพท์ขณะกำลังคุยกับ
คนอื่น, รับปากส่งเดชทั้งๆที่ควรพูด
ว่าไม่, คิดถึงแต่สิ่งที่เป็นกังวล หรือคนที่ทะเลาะด้วย, ทำงานหลายอย่างระหว่างประชุ
ม สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย
่างนิสัยที่ไม่ดี ที่คุณควรรีบกำจัดทิ้งอย่าง
เร่งด่วน หากต้องการบริหารเวลาเพื่อป
ระสบความสำเร็จ
9. หยุดพักบ่อย ๆ ในเวลาทำงานอาจจะดูขัดกับความคิดที่อยา
กประสบความสำเร็จอย่างรวดเร
็ว /
ทำไมไม่วิ่งทีเดียวให้จบ? การหยุดพักจะไม่เสียเวลาจริง ๆหรือ? ในความเป็นจริงการที่จะมีจุ
ดพักเบรกบ้างเป็นเรื่องที่ด
ี มีงานวิจัยค้นพบว่า การที่ให้สมองได้พักบ้าง จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภ
าพที่ดีกว่าการทำงานโดยไม่พ
ักเลย แต่ก่อนที่คุณจะพักด้วยการห
ยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น Facebook ขอให้อ่านตรงนี้ให้จบก่อน หัวใจของเคล็ดลับข้อนี้คือ คุณต้องแบ่งงานที่คุณต้องทำ
ออกเป็นงานย่อยๆ และงานย่อยเหล่านั้นต้องสาม
ารถทำเสร็จได้ ภายในเวลา 25 นาที และใช้เวลาพักเบรก 5 นาที หรืองานนั้นสามารถทำเสร็จได
้ใน 50 นาที และคุณใช้เวลาพัก 10 นาที ทำแบบนี้วนรอบไปจนครบ 8 ชั่วโมง(รอบการทำงานใน 1 วัน) และระหว่างการพัก คือต้องพักจริง ๆ ไม่ใช่พักแล้วเล่นโทรศัพท์ พักแล้วอ่านพันทิป แต่คือพักสายตา พักสมอง ปล่อยจิตใจให้โล่ง และสังเกตดูว่าประสิทธิภาพก
ารทำงานของคุณจะเพิ่มขึ้นหร
ือไม่
10. นั่งสมาธิหรือออกกำลังกายทุกเช้าอย่างที่บอกไป การฝึกนิสัยที่ดี อย่างหนึ่งคือการตื่นเช้า ซึ่งหากคุณตื่นเช้าได้ คุณจะมีเวลาเพิ่มมากขึ้น เวลาที่ได้เพิ่มมาคุณควรทำส
ิ่งที่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน อย่างการฝึกสมาธิหรือออกกำล
ังกาย ซึ่งหากคุณสามารถทำได้อย่าง
สม่ำเสมอแล้ว ประสิทธิภาพในการทำงานของคุ
ณ จะดีขึ้นในทุก ๆ วัน
11. ทำ To do list ในตอนเย็น เพื่องานสำหรับพรุ่งนี้หากคุณได้ฝึกฝนทุกอย่างในเค
ล็ดลับก่อนหน้านี้มาแล้ว To do list อันใหม่ของคุณนี้จะไม่เหมือ
นเดิมอีกต่อไป เพราะก่อนที่จะเขียนลงไปนั้
น คุณจะสามารถแบ่งงานที่สำคัญ
เร่งด่วนและสำคัญไม่เร่งด่ว
นไว้ได้แล้ว และด้วยการแบ่งช่องเวลาโดยม
ีจุดพักเบรกเป็นตัวขั้น คุณจะสามารถบริหารเวลาของคุ
ณได้ดียิ่งขึ้น เคล็ดลับอีกอย่างคือ การวัดผลของ To do list ในแต่ละวัน ว่าสามารถทำไปได้กี่ข้อ หากมีข้อที่ทำไม่ได้ ต้องรู้ด้วยว่าเพราะอะไร และพยายามปรับแผนงานให้ดีขึ
้น
12. หาแรงบันดาลใจเมื่อคุณรู้สึกเบื่อจัดเวลาว่าง(ที่ว่างจริง ๆ) เพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ ในวันที่ไฟของคุณมอดดับ ไม่ว่าจะใน YouTube หรือ TED Talks เพราะเป็นธรรมดาที่เมื่อเดิ
นทางไปไกล ๆ ก็จะต้องมีเหนื่อย มีเบื่อ มีท้อกันบ้าง ลองค้นหาเรื่องเล่าหรือแรงบ
ันดาลใจอื่น ๆ จากคนที่ประสบความสำเร็จแล้
วมาช่วยให้คุณมีไฟลุกโชนอีก
ครั้ง
13. หาพี่เลี้ยง หรือ Mentor มาเป็นที่ปรึกษาให้คุณค้นหาคนที่ประสบความสำเร็จแ
ล้วและเป็นมิตรกับคุณ เพื่อขอให้เค้าเป็นพี่เลี้ย
งหรือโค้ชให้กับคุณ ซึ่งโค้ชนี้จะช่วยให้คุณสาม
ารถบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้
น เนื่องจากประสบการณ์ของเขาท
ี่เคยผ่านสิ่งที่หนักหน่วงก
ว่าคุณมาแล้ว Mentor เหล่านี้จะช่วยชี้แนะแนวทาง
ที่ถูกต้องให้กับคุณได้
14. ปิดการแจ้งเตือนแอปโซเชียลมีเดียการแจ้งเตือนจากโซเชียล ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดใน
ชีวิตคุณ ไม่จำเป็นจะต้องรับการแจ้งเ
ตือนตลอดเวลา หรือรับรู้ทุกอย่างที่เกี่ย
วกับเพื่อนของคุณ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคุณต้
องไปถึงเป้าหมายให้ได้
15. จัดระเบียบและทำความสะอาดการที่โต๊ะทำงานรก ไม่เป็นระเบียบ มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำง
านอย่างมาก มันจะทำให้เราสูญเสียโฟกัส และทำให้เราเสียเวลาในที่สุ
ด ซึ่งคุณหลีกเลี่ยงได้ ด้วยการจัดระเบียบของทุกอย่
างบนโต๊ะ และเริ่มต้นจากงานเล็ก ๆ ก่อน อย่าทำทุกอย่างพร้อม ๆ กัน ด้วยโมเมนตัมที่คุณสร้างขึ้
น จะส่งผลให้คุณสามารถบรรลุเป
้าหมายตามที่วางแผนไว้
Cr. CEO Blog