Cabaret: นางโชว์ไร้อัตลักษณ์


กลับมาครั้งนี้ครับหลังจากห่างเหินมานานจากวงการเขียนบล็อกเนื่องจากมีภารกิจที่ต้องไปเรียนต่อซะหลายปีวันนี้ขอเสนอเพลง Cabaret ที่เป็นเพลงประกอบจากภาพยนตร์ชื่อเดียวกันเมื่อปี 1972 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลตุ๊กตาทองเป็นจำนวนถึงแปดตัว(แซงหน้าหนังกระแสอย่าง Godfather ไปอย่างขาดลอย)ในความคิดส่วนตัวของผมคิดว่าการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลมากเป็นประวัติการณ์นั้นมีหลายปัจจัยหลายๆ อย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการกำกับหนังของ Bob Fosse ซึ่งเคยเป็นนักออกแบบท่าเต้นมาก่อนทำให้คนในวงการฮอลลีวูดนั้นฮือฮาอยากรู้ว่าจะทำได้ซักกี่น้ำประกอบกับนักแสดงประกอบชายอย่าง Joel Grey ซึ่งเป็นนักแสดงยอดฝีมือในระดับละครเวทีก็ได้มารับเป็นตัวละครตัวเดียวกันที่เคยได้เล่นไว้ในหนังเรื่องนี้รวมถึงตัวนางเอก Liza Minnelli ซึ่งเคยถูกปฏิเสธบทนี้ในละครเวที(ทั้ง ๆ ที่คนเขียนดนตรีและเนื้อเพลงได้สร้างสรรค์บทเพลงในเรื่องโดยอิงจากบุคลิกภาพและเสียงของLiza แท้ ๆ!!!)แต่กลับสามารถเอาชนะอุปสรรคกลับมาเล่นในภาพยนตร์ได้อีกครั้งหนึ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถขายได้ด้วยตัวของมันเองในระดับหนึ่งโดยไม่ต้องพึ่งสื่ออะไรมากมายSmiley

ในเรื่องนี้มีเพลงมากมายที่ไพเราะ(ไว้โอกาสหน้าถ้ามีเวลาจะมาเขียนขยายความต่อ) แต่วันนี้ขอเสนอเพลง Cabaret ที่เป็นเพลงที่ร้องยาก(ชิบ) ในแง่ของทั้งการตีความเนื้อเพลงและตัวของเมโลดี้เองที่ไม่ธรรมดาเลยคนร้องคือ Liza ผู้ที่สวมบทเป็น Sally Bowles ในเรื่อง (อาชีพ: นางโชว์ผนวกนางบำเรอในบางสถานการณ์)

ประโยคแรกที่ขึ้นมานั้นคือ"What good is sittingalone in your room, come hear the music play. Life is a cabaret, oldchum...come to the cabaret"


แค่เพียงประโยคเดียวนั้นก็สามารถบอกได้ถึง main topic ที่ดีเด่นและเริศในทางปรัชญาและวิถีชีวิตว่าคนเราไม่จำเป็นต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอะไรมากมายหรอกเมื่อเรารู้สึกเหงาหรือเศร้าเราสามารถหา "สิ่งบันเทิง"ภายนอกมาช่วยจรรโลงใจได้ (จริง ๆ ผมอาจจะสะเออะแปลซะดูดีแต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นว่าให้มาหาคู่นอนนอกบ้านก็เป็นได้ อุ๊ปส์!)Smiley


ไม่ว่าจะเป็นปรัชญาหรือไม่ก็ตามเมโลดี้ของเพลงเชื้อเชิญให้ผู้ฟังนั้นรู้สึกสนุกสนานและครื้นเครงกับทำนองที่ช่าง Uptempoหรือฉิ่งฉับได้เป็นอย่างเดียว (สังเกตได้จาก Sally Bowles ที่สั่นนมได้อย่างมีสไตล์ในเพลง)

พอถึงกลางเพลงตัวนางเอกได้เปลี่ยนอารมณ์ตนเองเพื่อให้ผู้ชมลิ้มรสถึงซอกหลืบของชีวิตที่ซ่อนไว้ภายในอกโดยได้พูดถึงนัง Elsie ที่ตายเพราะพิษสุราและยาดองเอ๊ย ยาเสพติดว่า "lay down like a queen....happiest corpse I'veever seen!!!" ซึ่งเป็น metaphor ที่แปลกประหลาดทำให้สามารถเข้าถึงระดับปริชานของนางเอกได้ว่าเธอมองว่าการตายแบบนี้เป็นการตายที่สง่าแบบสาสมเพียงแค่นี้ผู้ฟังก็น่าจะเข้าใจได้เลยว่า Sally นั้นมองชีวิตและการใช้ชีวิตที่แตกต่างไปจากคนปกติ"When I go, I'm going like Elsie"

ในส่วนท้ายของเพลง Sally กลับมาร่าเริงอีกครั้ง คล้ายๆ กับทำใจได้กับบางสิ่งบางอย่างว่า เมื่อมันไม่ได้ตามใจหวังหรือที่ฝันไว้นั้นให้คิดไว้ว่าชีวิตของเรานั้นไม่ได้ผิดหวังหรือต้องหม่นหมองเสมอไป ชีวิตยังมีความสนุกความระเริง และชีวิตก็คือ Cabaret ประดิษฐ์แบบหนึ่งนั่นเอง

ทำไมถึงสำคัญ?


ถ้าได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบถึงจะเข้าใจในระดับลึกซึ้งว่าทำไม Sally ถึงสมมติว่า ถ้าตายจะตายแบบ Elsie (คือตายแหกคาเตียงด้วยเหล้าและยา!)


Sally นั้นอยากเป็นดาราฮอลลีวู้ดมาตั้งนานนมและเธอฝันว่าจะต้องเป็นนักแสดงที่เล่นหนังได้เก่งที่สุดเธอเคยบอกพระเอกของเรื่องว่าเธอรู้ตัวว่าเธอร้องเพลงดีอีกด้วยแต่สิ่งที่เธออยากเป็นมากที่สุดก็คือ"การเป็นนักแสดง" คำนี้กระมังที่เหมือนกับการบอกเป็นนัยเชิงเสียดสีว่าชีวิตของเธอนั้นก็คือการแสดงเช่นกัน เธอไร้ตัวตนและเธอไร้จุดยืนแม้กระทั่งการพูดคุยกับคนหน้าใหม่ ๆซึ่งเหมือนกับทุกอย่างเป็นบทภาพยนตร์ที่เธอ "สร้าง" และ"กำกับ" ขึ้นมาเองด้วย บทพูดเดิม และการแสดงท่าทางแบบเดิมจนในท้ายที่สุดพระเอกของเรื่องก็ไม่สามารถเข้าใจตัวตนที่ซับซ้อนของเธอได้(น่าจะเดาได้ว่า ท้ายที่สุด Sally คงไม่มีใครที่จะอยู่ด้วยได้จริงๆ เหมือน Elsie นั่นเอง)


ชีวิตคนเรามันช่างเหมือนเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลดชิบ!Smiley

จะเป็นที่น่าเสียดายมากถ้าLiza ไม่ได้Oscar จากเรื่องนี้ แต่ก็อย่างว่าบทซับซ้อนพิลึกพิลั่นแบบนี้ถ้าไม่ให้ล่ะก็ คงโดนด่ากันไปอีกหลายชาติ!

เรื่องเสียงร้องของ Liza ไม่ต้องพูดอะไรมากเพียงแต่มีคนติอย่างเดียวว่าเป็นการแสดงที่ไม่สมจริง เพราะถ้าเสียงร้องดีขนาดนี้ทำไมยังจมปลักอยู่ในแต่ Kit Kat Cabaret Club กระจอกนี้อยู่ตั้งหลายปีป่านนี้น่าจะได้ไปเป็นนักร้องที่ค่ายแกรมมี่หรืออาร์เอสไปตั้งนานแล้ว! Smiley




Create Date : 15 กันยายน 2556
Last Update : 15 กันยายน 2556 2:22:45 น.
Counter : 1850 Pageviews.

0 comments
เพลงรักพันราตรี เพลงที่เจ็ด บทเพลงแห่งทุ่งคุสึ : จิเอโกะ ฮาระ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(27 มิ.ย. 2568 11:43:11 น.)
How Do You Do? - Mouth & MacNeal ... ความหมาย tuk-tuk@korat
(16 มิ.ย. 2568 08:42:22 น.)
ถนนสายนี้มีตะพาบ 378 "ฝันที่ไม่เคยเป็นจริง" kae+aoe
(16 มิ.ย. 2568 05:34:58 น.)
แมวกับ"ปลา" ย่อมเป็นของคู่กัน --->Katsu midori peaceplay
(14 มิ.ย. 2568 01:38:14 น.)
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Liza.BlogGang.com

Liza Minnelli
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]