เเม่ของฉัน ถูกหลานรักไล่ออกจากบ้าน ![]() ![]() เราอัพบล้อกนี้ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีนัก เมื่อนึกถึงอดีตเก่าๆ กับความสัมพันธ์ของเรากับเเม่ เราออกจากบ้านเมื่ออายุ 18 ปี หลังเรียนจบ ม. 6 เเม่ไม่มีเงินส่งเราเรียนต่อมหาวิทยาลัย ในเมื่อเราอยากเรียน อยากมีความก้าวหน้าในอนาคต เราต้องหาเงินส่งตัวเองเรียนจนจบปริญญาตรี จากนั้นออกหางานทำ เเละชีวิตก็เดินหน้าเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เเต่งงานครั้งที่ 2กับชาวอเมริกันซิติเซ่น เเละอพยบไปอยู่สหรัฐอเมริกาเกือบ 20 ปี ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ต่างประเทศจนถึงทุกวันนี้ เเม่ไม่เคยโทรศัพย์ไปคุยถามสารทุกข์สุกดิบกับเราเลยเเม้เเต่ครั้งเดียว เเต่กับลูกๆคนอื่น เเม่โทรหาทุกวันได้ เเม่ไม่มีบ้านอยู่เป็นของตัวเอง เเม่ไปอาศัยลูกๆคนอื่นอยู่ เเละช่วยเลี้ยงหลานให้ในขณะที่พี่สาวออกไปทำงาน ปัจจุบันเเม่อาศัยอยู่กับพี่สาวคนที่ 3 ซึ่งเป็นลูกที่เเม่รักที่สุด ไปเลี้ยงหลานให้ 2 คนตั้งเเต่คลอดออกมาเเบเบาะ จนกระทั่งปัจจุบันเรียนจบปริญญาตรีเเล้ว ตอนเราท้องลูกคนที่ 2 เราบินมาไทย กลับมาอยู่บ้านของตัวเองที่ซื้อเอาใว้ตั้งเเต่ตอนทำงานที่เมืองไทย ส่วนสามีทำงานอยู่อเมริกา ช่วงท้องเเก่ใกล้คลอด เราขอให้เเม่มาอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะคลอด เเม่ไม่มา บอกว่าห่วงหลานทางโน้น จนกระทั่งวันที่เจ็บท้องมาก โทรไปหาเเม่ตอนตี 2 บอกเเม่ว่าไม่ไหวเเล้ว เเม่ตอบกลับมาว่า มันดึกมาก จะมาหาตอนเช้า เราต้องคลานเอามือกุมท้อง เอาปลายไม้กวาดไปเคาะรั้วคนข้างบ้าน เขารีบลงมาดูเเละรีบพาเราส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าปากมดลูกเรายังเป็นส้มจุก คือมันยังไม่เปิด เเต่กล้ามเนื้อมดลูกมันบีบตัวเเรงถี่ๆพร้อมคลอดเเล้ว บอกบอกว่าถ้ารอให้ปากมดลูกเปิดเองเกรงว่ามดลูกจะเเตกเสียก่อน อีกทั้งน้ำเดินมาหลายชั่วโมงเเล้ว กลัวจะส่งผลเสียต่อเด็กในครรภ์ด้วย หมอเลยตัดสินใจผ่าคลอดให้ ![]() หลังคลอด เราเจ็บเเผลมาก เนื่องจากเราเลือกการผ่าตัดโดยการดมยาสลบ ซึ่งหมอบอกว่าถ้าฟื้นจากยาสลบเเล้วมันจะเจ็บเเผลมากกว่าวิธีบล็อกหลัง ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่หมอบอก เราต้องรับมอร์ฟินตลอด มันปวดทนไม่ไหวจริงๆ เเม่เเละพี่ๆไม่เคยมาเยี่ยม นอนอยู่โรงพยาบาล 3 วัน จนกระทั่งหมออนุญาติให้กลับบ้านได้ วันออกจากโรงพยาบาล เพื่อนเรามารับกลับบ้าน เมื่อมาถึงบ้านเเล้ว เราต้องนอนอยู่บนเตียงกับลูกอย่างเดียวเนื่องจากเจ็บเเผลมาก เราโทรหาเเม่ ขอให้เเม่มาอยู่ช่วยดูลูกซักระยะจนกว่าเราจะเเข็งเเรงดี เเล้วเเม่ค่อยกลับไปอยู่บ้านพี่สาวเหมือนเดิม เเม่เราก็มานะคะ มาดูเราเเละลูกไม่ถึงชั่วโมงเเล้วขอตัวกลับ บอกห่วงหลานทางโน้น เมื่อเเม่เดินลงบันไดไป ถ้าเเม่หันกลับมามอง เเม่จะเห็นเรานอนน้ำตาไหลอาบเเก้ม ถึงเเม้จะเจ็บเเผลผ่าตัด เราต้องยันกายลุกขึ้นมาดูลูก น้ำตาไหลเป็นทาง ขอบคุณเเม่ ที่ทำให้เรามีความเเข้มเเข็งในวันนี้ ![]() เราโทรศัพท์ไปเล่าให้สามีฟัง เขารีบบินมาจากอเมริกา มาช่วยเลี้ยงลูกอยู่ 1เดือน จากนั้นจึงบินกลับสหรัฐอเมริกา เเต่เรากับลูกไม่ได้บินกลับไปด้วย เนื่องจากติดปัญหาเรื่องเอกสาร ต่อมาไม่นาน สามีบินกลับมาอีกรอบ มารับเราเเละลูกไปอยู่ดัวยกันที่สหรัฐอเมริกา เราพาลูกอีกคนที่เกิดกับสามีเก่าไปอยู่ด้วย เเต่ให้หลังเพียง 2ปี มีเหตุให้ต้องเลิกเเละหย่ากัน ลูก 2คนที่เอามาอยู่อเมริกาด้วยก็ยังเล็ก เราโทรทางไกลขอให้เเม่มาช่วยดูลูกซักระยะ รอให้เราเเข้มเเข็งทำใจได้กว่านี้ ตั้งใจว่าถ้าหางานทำซักพักเเล้วเเม่ค่อยกลับ เเม่ตอบกลับมาว่า "ไม่มา" เเม่ไม่อยากมาอยู่อเมริกา เป็นห่วงหลานทางนี้ เป็นครั้งที่ 2 ที่น้ำตามันไหลออกมาเองเต็มสองเเก้ม เราวางหูโทรศัพท์ ความหวังที่จะให้เเม่มาช่วยดูลูกดับสนิท คนที่สมควรจะช่วยลูกที่สุดในยามนี้เเทนที่จะเป็นเเม่ เเต่กลับเป็นฝรั่งคนข้างบ้านที่อยู่ติดกัน ขณะที่เราอาศัยอยู่สหรัฐอเมริกา เเม่เอาบ้านเราไปให้คนเช่าโดยไม่บอก จนเมื่อเรามาไทยครั้งล่าสุด คนข้างบ้านมาเล่าให้ฟังว่ามีคนเช่าเข้าๆออกๆตลอด ก่อนหน้าโควิด 19 ระบาด เราให้เงินเเม่สองเเสนห้าหมื่นบาท เเต่ไม่นานเงินก็หมด ภายหลังมารู้ว่าเเม่เอาเงินไปดาวน์รถให้หลาน เเละหลานคนนี้เองที่ไล่เเม่ออกจากบ้าน ![]() เราอพยบไปอยู่สหรัฐอเมริกานานถึงเกือบ 20 ปี มีโอกาศเดินทางกลับไทยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 เหตุเพราะมีความจำเป็นต้องกลับมาทำธุระสำคัญทางราชการ เดินทางกลับไทยช่วงเดือนมีนาคม 2022 พักอยู่ในไทยเป็นระยะเวลา 17 วัน มาไทยคราวนี้เป็นเเบบ "One man show" คือไปไหนมาไหนเเบบ "ข้ามาคนเดียว" ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ กลับมาไทยได้ 5วัน เราจึงส่งข่าวบอกเเม่ว่าเราอยู่ไทยแล้วนะ เเละมีโอกาศรับเเม่ไปทานข้าว เเม่จึงเล่าให้เราฟังว่า เเม่ถูกหลานที่เเม่เลี้ยงมากับมือตั้งเเต่คลอด โตจนเรียบจบปริญญาตรี มีงานทำ ไล่ออกจากบ้าน ขนของเเม่ออกไปกองหน้าบ้าน ตลอดชีวิตของเเม่ เเม่ไม่เคยทำงาน พอเเม่โตเป็นสาว มีลูก 4 คน เเม่ก็เป็นเเม่บ้านดูเเลลูก ส่วนพ่อก็ติดเหล้า เวลามีเงินก็เอาไปปรนเปรอเมียน้อย ชีวิตดั่งละครน้ำเน่า ตัวเราเป็นลูกคนสุดท้อง ตลอดระยะเวลาตั้งเเต่เราออกจากบ้าน จนกระทั่งปัจจุบันอายุ 57 ปี เราส่งเงินมาให้เเม่ใช้ตลอด เเถมพี่สาวคนไหนมีเรื่องเดือดร้อนเงิน เราก็ช่วยตลอด ![]() เมื่อครั้งเราพาลูก 2คนกลับไทย พาลูกมาหาเเม่ เเม่ไม่เคยพูดกับลูกเราเลย อ้างว่าพูดฝรั่งไม่ได้ (ลูกเรา 2 คนพูดภาษาไทยไม่ได้ เเละไม่รู้ภาษาไทย) เเม่ไม่เคยกอดลูกเรา เเม้วันจะกลับสหรัฐอเมริกา ไม่มีของฝากติดมือมาให้หลานเลย เเม่เเละพี่ๆไม่เคยให้ของขวัญลูกเราเลย อ้างเว่าไม่มีเงินซื้อ เเเต่ในขณะที่เรามาไทย เราซื้อของจากอเมริกามาฝากให้เเม่เเละพี่ๆทุกคน ![]() เราอยู่อเมริกา เป็นซิงเกิ้ลมัมลูก 2 คน ทุกวันนี้ทำงานหนักมาก เเม้ได้ค่าเเรงเยอะก็จริง เเต่ค่าครองชีพที่สหรัฐอเมริกาก็สูงเป็นเงาตามตัว จะคิดว่าเราทำงานที่อเมริกาเเล้วรวย ตัวเราเองก็มีค่าใช้จ่ายจิปาถะไม่เเพ้คนทางเมืองไทยเช่นกัน ![]() เมื่อรู้ว่าเเม่ถูกหลานไล่ เราจึงตัดสินใจเดินทางมาดูบ้านที่เข้าใจว่าปิดทิ้งใว้ 20 กว่าปี (เเต่ที่เเท้เเม่ปล่อยให้คนเช่า เเล้วไม่บอกเรา) เผื่อว่าจะให้เเม่มาอยู่ที่นี่ ![]() ![]() บ้านเราเป็นทาวเฮาส์ สร้างเมื่อ 30 ปีที่เเล้ว ตั้งอยู่ถนนพหลโยธิน 54 ตรงกันข้ามตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ ดอนเมือง ใกล้กับโรงพยาบาลภูมิพล ปัจจุบันมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน ![]() ![]() สภาพบ้านเก่าเเละทรุดโทรมมาก ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เข้ามาดูภายในบ้าน เหลือเพียงอดีตทิ้งใว้ในความทรงจำ ว่าครั้งหนึ่ง มีสามีภรรยาเเละลูก เคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ อยู่ด้วยกันด้วยความรักเเละอบอุ่น เเต่ ณ. วันนี้ มันกลายเป็นอดีตที่เเสนจะเจ็บปวด มันผ่านไปเเล้ว... ![]() ![]() ![]() งานซ่อมบ้านคงต้องมา ประเมินค่าซ่อมไม่น่าต่ำกว่าห้าเเสนบาท ช่างบอกว่าปีนี้ราคาของเเพงพุ่งพรวดกว่าปีก่อนอย่างมาก ดีใจที่ได้เกิดเป็นลูกเเม่ คลอดออกมาจากท้องเเม่ด้วยอาการครบ 32 มีมันสมองเเละ 2 เเขนที่เเข็งเเรง ขอบคุณเเม่ที่เลี้ยงหนูมาจนเติบใหญ่ เรื่องสุขภาพกายเเม่ให้หนูมาเต็มร้อย ส่วนเรื่องสุขภาพจิต หนูสามารถหาสิ่งอื่นมาเติมเต็มได้ โลกนี้ยังมีสิ่งน่าพิศมัยเเละน่าอยู่อีกโข... รอก่อนนะคะเเม่ บ้านซ่อมเสร็จเมื่อไร เเม่จะได้เข้ามาอยู่เป็นคนเเรก หนูจะไม่ไล่เเม่ออกจากบ้านเเน่นอนค่ะ ![]() |
บทความทั้งหมด
|
คุณแม่โชคดี ที่มีพี่เป็นลูกนะคะ