ครั้งเเรกในชีวิต กับการขึ้นรถไฟฟ้า BTS เราอพยบไปอยู่ต่างประเทศตั้งเเต่ได้ข่าวว่า ทางรัฐฯมีโครงการจะสร้างสนามบินใหม่ (คือสนามบินสุวรรณภูมิปัจจุบันนี้) รถไฟฟ้า รถใต้ดินก็ยังไม่มี เเละเมื่อเดินทางไปอยู่ต่างประเทศเเล้ว เราก็ไม่ได้ติดตามข่าวจากเมืองไทยอีกเลย เพราะสมัยนั้นการติดต่อสื่อสารไม่รวดเร็วเหมือนสมัยนี้ คอมพิวเตอร์เเละอินเตอร์เนตยังไม่เป็นที่เเพร่หลาย มือถือยังไม่มี การติดต่อสมัยนั้นมีเเต่จดหมาย เเละโทรศัพท์บ้านที่เป็นเครื่องใหญ่ๆ ผ่านไป 14ปี เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เรามีโอกาศเดินทางกลับมาเยี่ยมเมืองไทยเป็นครั้งเเรก บ้านเราเปลี่ยนเเปลงเเละเจริญขึ้นจนผิดหูผิดตา เครื่องบินมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ เห็นเเล้วตื่นเต้นมากๆ เราอยู่ชิคาโก สหรัฐอเมริกา เวลาเข้าดาวน์ทาวน์ จะขึ้นรถไฟฟ้าไป ที่นั่นมีทั้งรถไฟฟ้าลอยฟ้า เเละรถไฟใต้ดิน เราจึงค่อนข้างมั่นใจว่า เมื่อไรที่มาขึ้นรถไฟฟ้าที่เมืองไทย ไม่งกๆเงิ่นๆเเน่ๆ เนื่องจากเราโดยสารรถไฟฟ้าที่ชิคาโกเป็นประจำ โอ้มายก๊อด! เเต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด ขึ้นรถไฟฟ้าเมืองไทยมันยากนะ ครั้งเเรกงงเป็นไก่ตาเเตก! ท่านใดที่กล้าๆกลัวๆในการขึ้นรถไฟฟ้าครั้งเเรก ไม่ต้องกังวลค่ะ ในอินเตอร์เนตเเละยูทูป มีรีวิวการขึ้นรถไฟฟ้าให้เลือกอ่านเพียบ หรือจะไปถามเอาข้างหน้ากับเจ้าหน้าที่ประจำเเต่ละสถานีก็ได้เช่นกัน ครั้งเเรกที่เราขึ้นรถไฟฟ้า กำตังค์ไปเเต่ทำอะไรไม่ถูก หมดกัน! ประสบการณ์อันสุดเปิ่นของเรา 555 ต้องเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสถานี พี่เขาอธิบายเเละตอบคำถามดีมากเลย ฝากคำชม เเละคำขอบคุณมา ณ.ที่นี้ด้วยนะคะ ขึ้นรถไฟฟ้า BTS ครั้งเเรก คลิกดูวิธืซื้อตั๋วที่นี่ค่ะ https://www.bts.co.th/tickets/ticket-machine.html รถไฟฟ้าคนเยอะมาก มันช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางได้อย่างยอดเยี่ยม เเละที่น่าชื่นชมคือ การยืนรอที่เป็นระเบียบของผู้โดยสารที่รอจะขึ้นรถ ไม่ออกัน ต่างชาติเยอะมาก ทั้งเเขก จีน พม่า เขมร สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเเปลงเลยคือรถติด ภาพนี้คือบริเวณอนุเสาวรีย์ชัยฯ ค่ะ เราลางาน 3อาทิตย์ เมื่อเดือนธันวาคม 2562 บินมาเมืองไทย เพื่อมาทำธุระเอกสารทางราชการที่กรุงเทพ เวลา 3อาทิตย์ที่มี ใช้เวลาในการเดินทางไปเเละกลับหมดไปแล้ว 4 วัน พอมาเมืองไทย เป็นเจ็ตเเล็กอีก (เจ็ตแล็ก เป็นอาการป่วยชนิดหนึ่ง ที่เกี่ยวกับความผิดปกติทางการนอน ซึ่งเกิดขึ้นชั่วคราวจากการเดินทางบินข้ามเขตเวลาโลกแล้วร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเขตเวลาใหม่ได้ ทำให้มีอาการ เช่น นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป อ่อนเพลียในตอนกลางวัน ขาดสมาธิ และสมรรถภาพในการทำงาน มีปัญหาในระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น แม้ว่าอาการ Jet Lag จะเกิดแล้วดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 1-2 วัน จะเริ่มฟื้นตัวและปรับตัวได้ แต่สำหรับบางคนอาจต้องใช้เวลานานกว่านั้น Jet Lag จึงอาจกระทบต่อการท่องเที่ยว พักผ่อน การติดต่อธุรกิจการงาน และการใช้ชีวิตหลังการเดินทาง) เราออกจากบ้านทุกวันเพื่อมาติดต่อธุระทางราชการ ออกจากบ้านเเต่เช้า เมื่อมาถึงสำนักงานยังไม่เปิด เราก็หาอาหารเช้าทาน เพื่อรอเวลา เราเบื่อหน่ายในการติดต่อเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเอกสารทางราชการจังเลย เรื่องมาก ยุ่งยากที่สุด เราเตรียมเอกสารสำคัญมาอย่างครบถ้วน เเต่ก็ไม่วายที่จะทำเรื่องไม่เรียบร้อย เนื่องจากติดขัดเอกสารบางตัว วันนี้เราบินกลับไปอเมริกาเเล้ว เเละต้องหาโอกาศกลับมาอีกครั้ง เพื่อมาทำเรื่องให้เสร็จ เเล้วพบกันอีกนะคะเมืองไทย.. ขอบคุณทุกท่านที่เเวะมาเยื่ยมบล็อกนะคะ
|
บทความทั้งหมด
|
แหม ก็ประเทศเรายังไม่ใช่ประเทศพัฒนาแล้วนี่คะ ต้องทนๆ เอา