ทนายอ้วนชวนเที่ยว - พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ พระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม
สถานที่ท่องเที่ยว : พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ พระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม, นครปฐม Thailand
พิกัด GPS : 13° 49' 5.53" N 100° 2' 45.95" E







ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนเลยตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม  อยู่บ้านตลอดครับ  ออกไปหน้ารั้วบ้านยังไม่ค่อยออกไปเพราะก่อนเข้าประตูบ้านจะต้องพ่นแอลกอฮอร์ทั้งตัว  ถูเจลทีมือถึงข้อศอก  แล้วก็รีบเข้าไปล้างมือด้วยสบู่พร้อมกับร้องเพลง  “ช้าง  ช้าง  ช้าง”  2 รอบ  อิอิอิ
 


 
ช่วงนี้เลยเป็นการเคลียร์คลังรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่เคยไปมา  (นาน)  แล้ว  แต่ยังไม่ได้เอามาโพสครับ
 
 


วันนี้ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่เจ้าของบล็อกได้ไปเที่ยวมาก่อนที่น้องวิทจะมาเยี่ยมเมืองไทยครับ
 
 





 

พระตำหนักมารีราชรัตบังลังก์  พระราชวังสนามจันทร์
 



 
 

**** ช่วงที่เจ้าของบล็อกไปเที่ยวพระราชวังสนามจันทร์บางพระตำหนักปิดซ่อม  พระตำหนักส่วนใหญ่ห้ามถ่ายรูปภายในนะครับ ****
 
 



 

พระตำหนักมารีราชรัตบังลังก์   ตั้งอยู่ตรงกับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์  มีคูน้ำกั้นกลาง  มีฉนวนทอดข้ามระหว่าง  2  พระตำหนักนี้  เห็นโดดเด่นแต่ไกล  และเป็นภาพจำของพระราชวังสนามจันทร์ของใครหลายๆคน











 
 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 6  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  ให้สร้างขึ้นในปี  พ.ศ  2459   โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์  กฤดากร  เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ   (หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์  กฤดากร  เป็นนักเรียนไทยหนึ่งในสองคนแรกที่เดินทางไปเรียนวิชาสถาปัยกรรมที่  เอกอลเดโบซาร์  ประเทศฝรั่งเศส)
 


 
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้าง 
พระตำหนักมารีราชรัตบังลังก์  ขึ้นจากแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากบทละครเรื่อง  "My Friend Jarlet"  ของ  Arnold golsworthy  และ  E.B. Norman  ซึ่งทรงแปลเป็นภาษาไทยในชื่อ  "มิตรแท้"  เป็นเรื่องเกี่ยวกับ  เอมิล  ยาร์เลต์  (Emile Jarlet)  ผู้สละชีวิตให้ทหารฝ่ายตรงข้ามนำไปประหารแทนปอล  (Paul)  ผู้เป็นเพื่อนและเป็นคนรักของลูกสาว  มารี  เลอรูซ์  (Marie Leroux)  เเสดงให้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อน  และความรักที่พ่อมีต่อลูกสาว
 
 


โดยชื่อพระตำหนักนั้น มาจากชื่อของนางเอก ได้แก่
"มารี เลอร์รูซ์" (Marie Leroux)  รวมกับ "รัต" หรือ "รต" ซึ่งแปลว่า สีแดง  ดังนั้น พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์จึงมีความหมายว่า "ราชบัลลังก์สีแดงแห่งมารี"
 


 
(ตอนแรกเจ้าของบล็อกเข้าใจว่าคำว่าสีแดงในภาษาฝรั่งเศสคือคำว่า  “roux”  แต่เปิด  dictionary  แล้วคำว่าสีแดงในภาษาฝรั่งเศษสะกด  “rouge”  ครับ  เจ้าของบล็อกเลยยังงงๆอยู่เรื่องสีแดงครับ  หรือว่าสีแดงอาจจะไม่เกี่ยวอะไรเลย  เพียงแต่ท่านต้องประราชประสงค์ให้ทาสีพระตำหนักเป็นสีแดงเข้มๆเท่านั้น  เลยตั้งชื่อว่าเป็น  "ราชบัลลังก์สีแดงแห่งมารี"  ท่านใดเก่งภาษาฝรั่งเศษหรือการแปลช่วยทีนะครับ)

 
 




พระตำหนักมารีราชรัตบังลังก์   เป็นพระตำหนัก  2  ชั้น  สร้างด้วยไม้สักทอง ทาสีแดงเข้ม  มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก  แต่ได้มีการปรับองค์ประกอบบางส่วนให้เหมาะกับภูมิอากาศแบบเมืองร้อน เช่น  การทำระเบียงโล่ง  หน้าต่างบานเกร็ด  ช่องลูกไม้เหนือประตู  เพื่อช่วยระบายอากาศ
 


 
รูปแบบสถาปัตยกรรมของ  พระตำหนักมารีราชรัตบังลังก์  คล้ายกระท่อมไม้ในชนบทในยุโรป  หลังคาทรงปั้นหยายกจั่วสูง  มุงกระเบื้องว่าวสีแดง  ผังอาคารเป็นรูปไม้กางเขนแต่แขนยาวไม่เท่ากัน  แกนด้านยาวประมาณ  18  เมตร  แกนด้านสั้นประมาณ  14  เมตร  มีเสาไม้กลมทำเป็นเสาทรงโรมันมีเครื่องประดับตกแต่งหัวเสาและฐานเสา
 


 
ภายในแบ่งออกเป็น  2  ชั้น  พื้นชั้นล่างเป็นพื้นคอนกรีตปูกระเบื้องซีเมนต์ลายเรขาคณิต  พื้นชั้นบนเป็นไม้สัก  ชั้นล่างด้านตะวันออกเป็นโถงใหญ่โล่งถึงชั้นบน  ส่วนแกนเหนือใต้เป็นห้องโถงทางเข้าด้านหนึ่งและห้องนอนมหาดเล็ก  ชั้นบนมี  4  ห้อง  ได้แก่  ห้องบรรทมอยู่ทางทิศใต้มีประตูออกสู่ระเบียงและห้องสรงอยู่ด้านตะวันตกของห้องพระบรรทม  ห้องทรงพระอักษรอยู่ทางทิศเหนือและมีห้องโถงมีประตูเปิดสู่ฉนวนน้ำที่เชื่อมกับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์
 
























 
พระตำหนักองค์นี้สร้างขึ้นคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ โดยมีฉนวนทางเดินทำเป็นสะพานจากชั้นบนด้านหลังของพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ข้ามคูน้ำเชื่อมกับชั้นบนด้านหน้าของพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ สะพานดังกล่าวหลังคามุงกระเบื้องและติดหน้าต่างกระจกทั้งสองด้าน ตลอดความยาวของสะพานที่เชื่อมติดต่อถึงกัน 





เห็นฉนวนระหว่างพระตำหนักทั้ง  2  องค์นี้แล้วคิดถึงตอนที่ไปเที่ยวเมือง  Florence  ประเทศอิตาลีครับ  จากปราสาทกลางเมืองหรือ  Palazzo  Vecchio  จะมีทางเดินลับให้ผู้ครองนครกับครอบครัวสามารถเดินไปถึง  Palazzo  Pitti  ซึ่งเป็นปราสาทหลังใหญ่มากๆ  อยู่ข้ามแม่น้ำ  Arno  ออกไปนอกเขตตัวเมือง  Florence  ได้ครับ  นัยว่าเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกจะได้ไม่ต้องลงมาปะปนกันผู้คน  แถมเวลามีข้าศึกมารุกรานจะได้ไปหลบภัยที่  Safe  House  ได้ด้วย  ทางเดินลับนี้จะซ่อนตัวทอดไปตามตึกรามบ้านช่อง  ข้ามแม่น้ำ Arno  โดยสร้างทางเดินไว้บนสะพานที่มีชื่อเสียงของ  Florence  ชื่อ  Ponte'  Vecchio  จนไปถึง  Palazzo  Pitti  คงมีลักษณะคล้ายๆกัน  แต่ปัจจุบันทางเดินนี้ปิดตายแล้วนะครับ  อ่านมาจากหนังสือท่องเที่ยวตอนไปเที่ยวอิตาลีครับ











 
 




 
เมื่อคราวที่แล้วที่พาเที่ยวพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์  ได้มีคอมเม้นท์จาก 
“คุณฟ้าใสวันใหม่”  เรื่องที่ว่า  “ชื่อพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ไม่มีชื่อตามตัวละครในบทละครที่อ้างถึง”  ตอนแรกก็กลับไป  (ค้น)  คว้า  ข้อมูลแบบรวดเร็ว  ตอบไปว่า  “น่าจะสร้างพระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ก่อน  แล้วพอสร้างพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์แล้วถึงเอามาเชื่อมกัน  โดยให้พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นผู้ชายโดยสร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน” 
 
 



แต่ ....  เป็นความเข้าใจที่ผิดไปมากครับ  เลยขอแก้ความเข้าใจ  ณ  ตรงนี้  และขออภัย
คุณฟ้าใสวันใหม่ด้วยนะครับ
 



 
พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์  สร้างก่อน  พระตำหนักมารีราชรัตบังลังก์ประมาณ  8-9 ปี  (พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์สร้างปี  พ.ศ.  2451  พระตำหนักมารีราชรัตบังลังก์สร้างปี  พ.ศ.  2459)  แต่ตอนสร้างพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์เสร็จใหม่ๆยังเรียกชื่อพระตำหนักว่า  “พระตำหนักเหล”  ซึ่งเป็นชื่อแบบย่อๆของ  เอมิล  ยาร์เลต์  (Emile Jarlet)  ผู้เป็นพ่อของ  มารี  เลอรูซ์  (Marie Leroux)
 
 

ในปี  พ.ศ.  2458 ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา  เรื่องการพระราชทานนามพระตำหนักที่พระราชวังสนามจันทร์ เมืองนครปฐม  ว่าด้วยพระราชตำหนักองค์หนึ่ง  ที่พระราชวังสนามจันทร์  เมืองนครปฐม  ตามที่โปรดเกล้าฯ  ให้เรียกว่า  "พระตำหนักเหล"  นั้น  ได้โปรดเกล้าฯ  ให้สถาปนาขึ้นใหม่  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  พระราชทานนามว่า  "พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์" 
 
 



อันนี้เป็นความคิดของเจ้าของบล็อกเอกงนะครับ  ถูกผิดอย่างไรขอให้ผู้รู้จริงช่วยชี้แนะด้วย
 


 

ตอนที่เปลี่ยนชื่อ  "พระตำหนักเหล"  น่าจะทรงมีโครงการอยู่ในพระทัยแล้วว่าจะสร้างพระตำหนักอีกหลัง  และพระราชทานชื่อให้สอดคล้องกับตัวเอกฝ่ายหญิงในบทละครเรื่อง  "My Friend Jarlet"   มีการเปลี่ยนชื่อเป็น  พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์  และมีการสร้างฉนวนยาวทอดข้ามระหว่างพระตำหนัก  2  หลังนี้ 
 
 



ส่วน
  “Paul”  ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญอีกคนหนึ่งไม่ได้หายไปไหนนะครับ  แอบไปค้นคว้ามาได้ว่า  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า  เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ  ทรงรับเลี้ยงสุนัขแม่ลูกอ่อนที่มีลูก  2  ตัว  จากพระตำหนักนันทอุทยาน  จังหวัดนครปฐม  ในขณะนั้นกำลังทรงเริ่มๆพระราชนิพนธ์แปลบทละครเรื่อง  "My Friend Jarlet"  จึงพระราชทานนามแก่ลูกสุนัขตัวหนึ่งว่า  Jarlet  หรือ  ย่าเหล  ส่วนอีกตัวหนึ่งชื่อว่า  Paul  ครับ  และด้วยเหตุอันไม่ทราบได้  Paul  ก็ไม่ได้ถูกกล่าวถึงอีกเลยครับ





เอาเพลงที่มีที่มาจากบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า  รัชกาลที่  6  มาฝากอีกครับ  



เพลง 
สานส์รัก



จากวรรณคดีเรื่องท้าวแสนปม พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ตอนที่นางอุษาเขียนสารตอบเป็นความนัยกลับไปให้ท้าวแสนปม  ซึ่งเป็นพระชินเสนปลอมตัวมา  และได้ทรงจารึกข้อความฝากรักนางลงบนมะเขือผลใหญ่

















 
140139138



Create Date : 28 มิถุนายน 2564
Last Update : 28 มิถุนายน 2564 13:27:16 น.
Counter : 1570 Pageviews.

26 comments
บางปู : นกกาบบัว ผู้ชายในสายลมหนาว
(19 เม.ย. 2567 10:34:34 น.)
The Proud Exclusive Hotel นครปฐม ที่พักทันสมัยใจกลางเมือง แมวเซาผู้น่าสงสาร
(17 เม.ย. 2567 09:22:45 น.)
春和歌山市 : My First Hanami @ Wakayama Castle mariabamboo
(16 เม.ย. 2567 12:49:02 น.)
春和歌山市 : ทำไมต้องวากะยามะ mariabamboo
(15 เม.ย. 2567 11:06:33 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณเริงฤดีนะ, คุณหอมกร, คุณกะว่าก๋า, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณnonnoiGiwGiw, คุณkatoy, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณThe Kop Civil, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณตะลีกีปัส, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสาวหน้าใส, คุณhaiku, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณJohnV, คุณKavanich96, คุณkae+aoe, คุณอุ้มสี, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณmariabamboo, คุณโอน่าจอมซ่าส์

  
ภาพและเรื่องราวดีงามน่าสนใจมากค่ะ คุณทนาย
ขอบคุณที่แวะไปเจิมโหวตให้บล็อกพี่นะคะ


โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:13:51:06 น.
  
แวะมาตามไปเที่ยวกับคุณบอลจ้า

โดย: หอมกร วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:14:05:06 น.
  
เป็นอาคารที่สวยงามมากเลยครับคุณบอล
สวยทั้งสถาปัตยกรรม
และสวยทั้งบรรยากาศ
น่าไปเดินถ่ายรูปมากๆ


เชียงใหม่ร้อนมากแต่ฟ้าครึ้ม
เมฆดำเลยล่ะครับ
ผมว่าฝนน่จะตกลงมาแน่ๆครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:14:23:23 น.
  
แวะมาอ่านประวัติพระตำหนักมารีราชรัตบังลังก์ครับ ชื่อยาวเชียว จริงๆ คือเพิ่งทราบชื่อเต็ม ๆละครับ
ช่วงนี้ร้อน เที่ยวจริงไม่ไหว เที่ยวทิทย์ไปก่อนนะครับ
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:14:44:18 น.
  
ส่งการบ้านเมนูหน้าฝนค้าาา มาช้าแต่มานะ อิอิ
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:14:56:40 น.
  
โห สวยมากเลยค่ะ ตามมาเที่ยวด้วยค่า ^^
โดย: a whispering star วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:15:29:17 น.
  
งดงามมากครับ เพิ่งทราบประวัติเหมือนกันครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:16:17:59 น.
  
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่พยายามค้นมานะคะ
คิดว่า อย่าพยายามหาเหตุผลอะไรดีกว่ามั้ง ยิ่งค้นยิ่งงง 555
เอาที่สบายใจแล้วกัน อิอิ

แต่ชอบนะคะ ไอเดียที่ทำฉนวนทางเดินเชื่อมถึงกันระหว่างสองตำหนัก
บางทียังอยากทำบ้าง เล็ง ๆ บ้านตรงข้ามตอนเจ้าของบ้านบอกขาย 555

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:16:18:46 น.
  
สวัสดีมีสุขค่ะ

สวยมากนะคะ ตำหนักสีแดงโบราณ
กับสะพานสวยๆ
เพลงก็เพราะค่ะ

ขอบคุณกำลังใจที่น้ำชุบหยำ กับต้นหน่อไม้กระดูกหมูด้วยค่ะ
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:16:37:28 น.
  
ส่งการบ้าน จานที่ 3

โดย: katoy วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:17:03:56 น.
  
เดี๋ยวนี้ดูในช่าวตลาดน้ำอัมพวา และที่ท่องเที่ยวแถวนี้เงียบเหงาเลยค่ะ
โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:19:04:20 น.
  
เชียงใหม่มีฝนตกลงมาแล้วหนึ่งรอบ
มาแบบเบาๆครับ
ยังไม่พอให้หายร้อนเลย

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:19:31:37 น.
  
เท่าที่ผมคุยกับเจ้าหน้าที่ หลายๆส่วนจะมีวันเปิดของเขา ต้องเข้าไปดูตามเว็บไซด์ ช่วงที่ผมไปเที่ยวจะติดเข้าไปชมไม่ได้เพราะแบบนั้นมากกว่า

โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:21:38:38 น.
  
มาทัศนศึกษาต่อครับ
ช่วงนี้ คงต้องนำภาพที่ดองไว้มาทำบล็อกทั้งปีเหมือนกันครับ

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 28 มิถุนายน 2564 เวลา:23:27:48 น.
  
พระตำหนักฯและบรรยากาศร่มรื่น งดงามน่าเที่ยวมากค่ะคุณบอล
โดย: Sweet_pills วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:0:08:10 น.
  
สวยงาม ดีงามมากๆครับ ดูร่มรื่นดีด้วยครับ
โดย: JohnV วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:0:26:56 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:5:49:56 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:8:04:42 น.
  
จากบล๊อก
ใช่ครับ ผมก็ไปเดินเล่นหาของกินที่ตรงพระปฐมเจดีย์เหมือนกันครับ ของกินเยอะดี
นึกว่า กทม ใกล้ๆ พอขับกลางคืนนี่....ขับจนเบื่อเหมือนกันครับพี่
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:9:46:37 น.
  
เมื่อวานผมก็ล้างตะหลิว
ล้างแรงไปหน่อย
ตะหลิวหักเลยครับ 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:13:23:32 น.
  
จากบล๊อก
อ้าวหรอครับ เดี๋ยวต้องบอกพี่สาว เพราะหลานชอบไปจับไปกำใบบ่อยๆ
เดี๋ยวจะคันมือเอา
ผมคงไม่เอาลงดินอ่ะครับ กัวจะใหญ่เหมือนกัน ให้เล็ก พอหอมปากหอมคอพอแล้วครับพี่บอล
โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:16:37:47 น.
  
ด้วยความยินดีครับคุณบอล

นั่นน่ะสิครับ
ผมนี่มือหนัก
ทำอะไรพังบ่อยมากครับ 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:17:54:21 น.
  
ส่งการบ้าน จานที่ 4

โดย: katoy วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:18:05:00 น.
  
พี่เคยมานั่งเป็นชั่วโมงๆๆๆ
นั่งชมความงามทั้งวันจ๊ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 29 มิถุนายน 2564 เวลา:20:13:55 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับคุณบอล

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มิถุนายน 2564 เวลา:6:06:50 น.
  
ดอกว่านมักมีกลิ่นหอมค่ะ มากบ้างน้อยบ้าง
คุณทนายเป็นผู้ชายที่สนใจกลิ่นดอกไม้นะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 30 มิถุนายน 2564 เวลา:11:28:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chubbylawyer.BlogGang.com

ทนายอ้วน
Location :
นนทบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]

บทความทั้งหมด