วิถีชีวิต "คนชนบท"
ชนบท หมายถึง ถิ่นที่อยู่อาศัยของประชาคม หรือชุมชน ที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมือง ต่างจาก คำว่า "เมือง" ก็ตรงที่มีความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุน้อยกว่า

หลายครั้งหลายคราที่ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสกับวิถึชีวิตของคนชนบท ตัว จขบ.เองก็ถือได้ว่าเป็นคนชนบทคนหนึ่งเหมือนกัน เพราะเกิดมาในครอบครัวชาวนาจนๆคนหนึ่ง ในอ.ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย บ้านเป็นกระต๊อบที่หลังคามุงด้วยจาก ตัวบ้านตีกั้นด้วยไม้ไผ่ พอคุ้มแดด คุ้มฝน ตั้งอยู่หน้าเชิงเขา ชีวิตเติบโตมาด้วยบรรยากาศของการทำนา ทำสวนผัก เลี้ยงปลา วิ่งเล่นขึ้นๆลงๆ อยู่เชิงเข้ากับพวกพี่ชายและน้องชาย แต่โชคชะตาดีกว่าพี่ๆและน้อง ก็ตรงที่ว่ามีคนรับอุปถัมภ์ส่งเสียเลี้ยงดูจนจบป.ตรี เข้ามาอยู่ใน กทม.ตั้งแต่ 8 ขวบ สัมผัสและคลุกคลีอยู่กับสังคมเมือง มลภาวะ แสงสี และชีวิตของผู้คนที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ต่างคนต่างอยู่ ต่างดำเนินชีวิตไป ไม่ข้องเกี่ยวกัน ผิดกับสังคมชนบทที่มีวิถึชีวิตแบบพี่น้อง ถ้อยทีถ้อยอาศัย เกื้อกูลซึ่งกันและกัน และสิ่งสำคัญที่หาได้ยากและนับวันจะหมดไป นั่นคือ "รอยยิ้ม"

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพาลูกชายไปเยี่ยมปู่กับย่า ที่อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งไม่ได้มา 5-6 ปีแล้ว ช่วงที่พักอยู่ก็ได้สัมผัสบรรยากาศที่ไม่ได้พบซักเท่าไหร่ใน กทม.

วิถึชีวิตที่อยู่อย่างพอเพียง ไม่โลภ ไม่หลง ช่วงนี้ชาวนาไม่ได้ทำนา เพราะเก็บเกี่ยวข้าวไปหมดแล้ว เมื่อมองไปยังทุ่งนา จึงเหลือแต่กองฟางแห้ง วัวควายอยู่กลางทุ่งนา ดูแห้งแล้ง อากาศตอนกลางวันก็ร้อนจัด ส่วนกลางคืนก็หนาวจัด (เหมือนทะเลทรายเลย) แต่กลางทุ่งนา ได้มีการขุดบ่อปลาเอาไว้ 2-3 บ่อ ปู่ก็พาหลานๆไปวิดน้ำ ลงบ่อจับปลา ญาติๆที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงก็ไปช่วยกันอย่างสนุกสนาน จับปลามาได้ก็เผากินกันริมบ่อ ได้ปลามาเท่าไหร่ก็แบ่งกันไปคนละนิด คนละหน่อย เมื่อมาถึงบ้าน จขบ.ก็เป็นแม่ครัวลงมือทำอาหารให้กินกัน ผักและเครื่องปรุงต่างๆ ก็หาเอาจากรอบๆบ้านที่ปู่กับย่าปลูกเอาไว้ เช่น ข่า ตะไคร้ มะกรูด พริก ฯลฯ ไม่ต้องเสียเงินซื้อเลย ทำต้มยำปลาช่อนได้หม้อเบ้อเร่อ แบ่งกันไปได้ 3-4 บ้านแน่ะ

สิ่งที่ชอบที่สุด ก็คือ รอยยิ้มและมิตรไมตรีของชาวบ้าน ที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียน มาต้อนรับ เป็นกันเอง คนเฒ่าคนแก่แวะมานั่งพูดคุยไป กินหมากไป เด็กๆก็วิ่งเล่นกันจนฝุ่นตลบไปหมด


วันมาฆบูชา ไปทำบุญใส่บาตรที่วัด ชาวบ้านก็ทำง่ายๆ ไม่พิธีรีตรองเหมือนในเมือง ชาวบ้านจะนำกับข้าว ข้าว ของหวาน ใส่ตะกร้า ใส่ถาด พอไปถึงวัด จะมีพระนั่งอยู่ 1 องค์ ก็ถวายพระก่อน พอสวดจบ ก็ยกไปใส่ถาดตรงจุดที่วางไว้ให้ แล้วก็กลับ (พอดีจะพาย่าไปหาหมอที่อนามัย)

สังเกตดูบ้านเรือนที่นั่งรถผ่านไป ก็เปลี่ยนไปมาก แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งวิถีชนบท บ้านจะมีการก่อปูนแล้ว บางบ้านก็เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น แต่ทุกหลังคาเรือนจะมียุ้งฉาง คอกวัว คอกควายทุกบ้านเหมือนๆกัน ถนนบางช่วงก็เป็นลูกลัง บางช่วงก็เทปูน บางช่วงก็โรยหิน บางช่วงก็ราดยางมะตอย

แต่ที่อดแปลกใจไม่ได้ คือ ถนนทำเป็นช่วงๆ ช่วงสั้นๆ ไม่ได้มีการรทำยาวไปจนสุด ถนนที่ราดยางมะตอย ก็เริ่มเป็นหลุมเป็นบ่อ เพราะหน้าถนนทำบางมาก แล้วช่วงที่โรยหิน ก็เกิดสงสัยอีกว่าทำไมไม่เทปูน หรือราดยางไปเลย สอบถามได้ความว่า หินที่นำมาลงนั้น เป็นของนักการเมืองคนหนึ่ง ก็เลยถึงบ้างอ้อทันที...

มิน่าล่ะ....งบประมาณถึงไม่ถึงประชาชนซักกะที.... ทำพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่ได้มาตรฐานเท่าที่มันควรจะเป็น ทำได้แค่เป็นช่วงๆๆ เพราะงบประมาณบางส่วนต้องแบ่งใส่มือให้เท่าๆกัน หากลงไปพัฒนาชนบทหมด ก็อาจจะไม่เพียงพอ




Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2552 10:42:41 น.
Counter : 3755 Pageviews.

3 comments
ถนนสายนี้มีตะพาบ ประจำหลักกิโลเมตรที่ 349 : วันใดที่เธอรู้สึกเหมือนไม่มีใคร โปรดมองมาทางนี้ ฯ The Kop Civil
(10 เม.ย. 2567 16:44:58 น.)
ความรักของพ่อ (ความประทับใจของลูก) chobkid
(5 เม.ย. 2567 09:42:49 น.)
:) peaceplay
(4 เม.ย. 2567 00:24:23 น.)
นุ่งซิ่นชมสวน๑/๖๗ ตะลีกีปัส
(3 เม.ย. 2567 10:35:45 น.)
  
อ่านแล้วก็นึกภาพออกเลยนะคะ คงจะเป็นชีวิตที่เรียบง่าย ผู้คนจริงใจต่อกันนะคะ
โดย: คุณนายทหารเรือ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:01:13 น.
  
เราก็อยู่ชนบทเหมือนกัน
โดย: pet.sp วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:11:36 น.
  
หวัดดีค่ะ..มาทักทายค่ะ

ครอบครัวเรา อยู่ชนบทเหมือนกันค่ะ ย้ายจากเมืองมา 4 ปีแล้ว..ชนบท..สงบ ไม่วุ่นวาย สบายใจดีค่ะ

ว่างๆแวะไปเที่ยวบ้างนะคะ
โดย: ข้าวกับดิน วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:13:16:26 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Batzgirl345.BlogGang.com

batzgirl
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]