กรุงเทพเมืองแห่งแฟชั่นของประเทศชิน และผ้าซิ่นของประเทศลาว ![]() ด้วยความที่ดิฉันอยากเป็นผู้หญิงสวยใสทันเหตุการณ์ข่าวสารบ้านเมืองอยู่ในทีเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง จึงคว้าหนังสือมติชนของพ่อมานั่งอ่าน มาสะดุดข่าวอยู่บทความหนึ่งที่น่าสนใจ ว่าด้วยเรื่องห้างสรรพสินค้าที่เปิดตัว ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกันจนจำโฉมหน้าเดิมไม่ได้ ทั้งสยามพารากอน ที่เปิดตัวขึ้นมาสะกดสายตาทุกมุมเมือง (สะกดจริง ๆ รถนิ่งแม่งไม่ขยับเลย ) สยามเซ็นเตอร์ เซนทรัลเวิรลด์ ลามไปถึงเซนทรัลชิดลม ที่ทุ่มเงินหลายร้อยล้าน ปรับโฉมเพื่อการแข่งขัน นัยว่าถ้าเดิน skywalk ตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้าชิดลมไปถึงสถานีสยาม จะพบกับแหล่งช๊อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ต่างฝ่ายต่างโพรโมทห้างตัวเองว่าจะนำแต่ของแบรนด์เนม นู้น นี้ จากเมืองนอกมาเปิดกัน ...ก็ว่ากันไป ประเทศไหนไม่มี ประเทศชั้นเนี่ยแหล่ะมีทุกอย่าง เสื้อผ้า กระเป๋ามีให้เลือกสรรทุกคอลเลคชั่น ทุกยี่ห้อ " ตอบสนองนโยบายท่านทักษิณาวัตรที่ต้องการให้กรุงเทพมหานคร เป็นศูนย์กลางแฟชั่นแห่งเอเชียอย่างแท้จริง " พออ่านมาถึงประโยคนี้ชั้นต้องอุทานออกมาดัง ๆ ด้วยความแปลกใจ ชั้นคิดมาตลอดว่าความหมายของเมืองแห่งแฟชั่น คือ การผลักดันดีไซเนอร์ไทยให้ก้าวไกล การโพรโมทแบรนด์เสื้อผ้าไทยให้ไฮโซ เทียบเท่าแบรนด์ดัง ๆ อย่างกุ๊ชชี่ พราด้าอะไรทำนองนี้ ความหมายของของศูนย์กลางแฟชั่นคือ ที่รวมร้านขายของจากแบรนด์ดัง ๆจากทั่วโลกเองเรอะ มันจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อคนไทยนักท่องเที่ยวมาซื้อของจากที่นี่ เม็ดเงินก็ไหลไปเข้ากระเป๋า พวกห้องเสื้อฝรั่งอยู่ดี ฉันอาจจะโง่ไม่เข้าใจวิสัยทัศน์ของท่านผู้นำยิ่งใหญ่เกรียงไกรท่านนั้นก็ได้ ช่วยชี้ทางให้ฉันเข้าใจถูกหน่อยเถอะ ฉันนึกไปถึงปีก่อนที่ฉันได้ไปเที่ยวประเทศลาว ฟังไกด์ที่นั่นพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจว่า ประเทศเค้าถึงจะจน แต่เค้าไม่เคยกู้เงินจากต่างประเทศ ประชากรของเลยเค้าไม่มีหนี้ต่อหัว ที่นี่รัฐบาลยังส่งเสริมให้ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่น ( หรือผ้าถุงอะไรซักอย่างเนี่ยแหล่ะ )เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรม หะแรกฉันนึกว่าทำไมช่างกีดกันสิทธิมนุษยชนอะไรอย่างนี้ บังคับให้คนนุ่งผ้าถุง ไร้ซึ่งอิสระเสรี ผู้หญิงลาวคงอดเปิดคลีโอ อดตามแฟชั่นช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร แต่พอฉันได้เดินเล่นในตลาดของลาว เห็นทั้งเด็กผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิง นุ่งผ้าที่ทอแฮนด์เมดอย่างละเอียดปราณีตสวยงาม โดยเฉพาะบรรดานักเรียนนี่ถูกใจมาก เพราะจะหน้าใส้ ใส ใส่เสื้อสีขาวแต่นุ่งผ้าซิ่นสีน้ำเงิน สะพายกระติก ใส่รองเท้าผ้าใบไปรร. ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนมานะมานีสมัยเด็ก ความคิดฉันก็เริ่มเปลี่ยนไป ฉันมาคิดได้ว่าไม่ใช่กีดกันแต่เรียกว่ามองการณ์ไกลมากกว่า ผู้หญิงทอผ้ากันเอง ใส่กันเอง นอกจากจะสวยและอนุรักษ์ลายผ้าลาวแล้ว เงินมันก็หมุนอยู่ในประเทศเค้า (ประชากรจน ๆ) ไม่ไหลออกข้างนอก (นายทุนต่างชาติรวย ๆ) ส่งเสริมกันเองลาวทำ ลาวใช้ ลาวเจริญ คนทอผ้าก็ถือเป็นธุรกิจส่วนตัว ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร แถมยังดูเป็นตัวของตัวเอง มีเทรนด์ของตัวเองดี ไม่ต้องขึ้นอยู่กับตะวันตกหรือญี่ปุ่น จะบอกว่าฤดูไหนต้องแต่งหน้า แต่งตัวแบบนี้ จะว่าไปมันก็คือกลไกลการตลาดให้เราเป็นทาสทางความคิดแบบหนึ่งนั่นแหล่ะ ฉันแน่ใจว่าฉันรู้ แบบไหนเป็นแบบที่อินเทรนด์ เหมาะกับคนรสนิยมเก๋ไก๋วิไล แต่ฉันชักไม่แน่ใจซะแล้ว ว่าแบบไหนเป็นวิธีที่ทำให้ประเทศเจริญ และพัฒนาแบบยั่งยืนมากกว่ากัน ps ผ้าเค้าสวยจริง ๆนะ ซื้อมาผืนหนึ่งกะว่าทำเป็นผ้าซิ่น แต่จนป่านนี้ยังไม่กล้าใส่ขึ้นบีทีเอสเลย ![]() เรื่องเยียมครับ!!!
![]() โดย: มังกรร่อนฟ้า
![]() โห เขียนอกมาดีๆมากๆเลยครับ นับถือๆ
โครงการแฟชั่นกล้วยฉาบ(ฉวย)นะดิ ยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรมเท่าไหร่เลย โดย: นายเบียร์
![]() เวลาเพื่อนๆ นัดกันไปกรึ๊บครั้งหน้าก็ใส่มาให้ดูด้วยนะ
ใส่ผ้าซิ่น + ปิ่นปักผมนั่งยองๆ กรึ๊บอยู่ข้าวสาร ครบสูตร ;) ขอบคุณสำหรับคำอวยพรวันเกิดนะ อีกไม่กี่ปีก็ 30 แล้วนะแนน 55555555555555555555555555555555 โดย: BAYROCKU
![]() ดีจ้า...
นิยมของไทย ผ้าบ้านเราสวยจาตาย ทอด้วยมือ คิดแบบ คิดลายเอง มะเหมือนใครด้วย เราก้อมีนะเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด จาซื้อเก็บไว้อะ ![]() โดย: mangpor_ปีกบาง IP: 61.91.118.81 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:13:00:31 น.
แวะเข้ามาอ่านมุมมอง คอมเมนท์ของคุณอันปังแนนนะครับ น่าสนใจดีครับ ขอบคุณนะครับที่แวะไปฟังเพลงกันนะครับ ชอบเพลงเอเชียๆอยู่แล้วล่ะครับ
![]() โดย: Tempting Heart
![]() ก้อยังคงแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมกันนะ เขียนได้น่าสนใจดี อิอิ ตามมาตั้งก่ะยังอยู่ spaces
![]() โดย: MoJiKung IP: 58.10.48.205 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:21:39:19 น.
สวัสดีครับคุณอันปังแนน พึ่งเข้ามาอ่านเป็นครั้งแรก
ชอบใจจังเลยเรื่องเมืองแฟชั่นเนี่ย ผมเองก็มัวแต่สนุกสนานกับมัน ลืมนึกในแง่มุมนี้เลย เห็นด้วยจริงๆ ![]() โดย: ป้อจาย
![]() สวัสดีตอนสายๆ จะชวนไปวัดซะหน่อย ทำไมไม่รับสาย ฮึ!
![]() โดย: BAYROCKU
![]() ตามที่ผมเข้าใจนั้น กรุงเทพเมืองแฟชั่น
คือการนำแบรนด์ดังๆ จากทั่วโลกมาขายในไทย และรวมทั้งพยายามผลักดันแบรนด์ไทยให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ผลประโยชน์จากการมีสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำมาลงในประเทศไทย คือ เป็นการเพิ่มจุดขายของการท่องเที่ยวอีกอย่างหนึ่ง ประมาณว่าเมื่อมากรุงเทพ นอกจากคุณจะได้เที่ยวชมวัฒนธรรม คุณยังสามารถซื้อหาสินค้าอินเตอร์กลับไปบ้านได้ คล้ายๆ กับ จะซื้อน้ำหอมต้องไปฝรั่งเศสอะไรประมาณนั้น จริงอยู่ที่เมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้น เม็ดเงินก็ต้องวิ่งไปยังผู้ผลิต แต่รัฐบาลไทยจะได้ในส่วนต่างภาษีครับ สำหรับสินค้าประเภทฟุ่มเฟือย รัฐจัดเก็บภาษีไว้แพงมาก 100-200 % เชียวนะครับ คงเคยได้ยินบ่อยๆ ว่าไฮโซจะบินไปซื้อสินค้าเมืองนอก หรือ จะมีการฝากซื้อสินค้าหนีภาษีกันมากมาย ทั้งนี้ก็เพราะว่ามันถูกกว่ามาก ซึ่งตรงนี้ผมมองว่าเป็นผลดี ถ้าไฮโซชาวไทย หรือ ชาวต่างชาติที่เข้ามาไทย ช่วยกันซื้อของในประเทศไทย เพราะอย่างน้อยประเทศชาติก็ได้เงินครับ ดีกว่าที่จะปล่อยให้ไฮโซบินไปช้อปเมืองนอกแน่ๆ แต่สำหรับกรณีผลักดันแบรนด์ไทยให้ได้มาตรฐานอินเตอร์นั้น ผมมองว่าเป็นไปได้ยากครับ ![]() โดย: พลทหารไรอัน
![]() แหมๆๆๆๆมาทำแซว เค้าเลย puppy loveไปแล้วย่ะ (ความหมายก็คือแก่แล้วไง) ฮือๆๆๆๆ
อยากกลับเป็นวัยรุ่นเฟ้ยยยย ![]() be happy ครับผม โดย: mouse4006
![]() เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงเลยนู๋แนน เฟนะเข้ามาเหยียบๆได้สองทีก็รีบกระโจนเผ่นออกไป เหมือนกลัวว่าจะทำให้ diary ของหนูแนนมัวหมอง เอิ๊กๆๆ มาวันนี้ทำใจกล้าเปิดเข้ามาดูใหม่ อ่านะ มีที่คอมเม้นท์ด้วย เยี่ยม
![]() ![]() เฟเฟ โดย: fayfay IP: 61.91.142.182 วันที่: 31 มกราคม 2549 เวลา:13:04:40 น.
นึกว่าคิดไปคนเดียวนะเนี่ย เรื่องเงินทองไหลมาเทไป
จริง ๆ แล้วอาจจะหวังเงินที่จะได้จากการท่องเที่ยวและการจ้างงาน (?) เพราะอย่างไร ส่วนเกิน (ม๊ากมาก) ก็ต้องกลับไปเมืองนอกอยู่ดี TT กลัวใจคนไทยค่ะ บอกว่าประเทศเพื่อนบ้านยากจน ด้อยพัฒนา ดูถูกเค้า แต่ก็ไม่ได้มองว่าเพื่อนบ้านเหล่านั้นก็มองไทยเป็นต้นแบบ ที่จะ "ไม่" เดินตามโดยเด็ดขาด พี่ไทยจะดีใจไหมเนี่ยยย โดย: หมาเลี้ยงแกะ
![]() โดย: เอามาฝาก IP: 203.144.130.176 วันที่: 23 สิงหาคม 2550 เวลา:10:53:12 น.
|
บทความทั้งหมด
|