ดู-อ่าน-ฟัง...เมษายน 2551 : เด็กท้องพูดมาก-เลสเบี้ยนใต้น้ำ-สถานที่อันตรายสุดในโลก


*●....Love in the Time of Cholera (imdb) ข้อบกพร่องสำคัญของหนังคือการคัดเลือกนักแสดงแบบผิดที่ผิดทางอย่างร้ายกาจ เริ่มจาก คาวี อุอุ.. ฆาเวียร์ บาร์เดม ซึ่งขาดเสน่ห์โดยสิ้นเชิงกับบทพระเอกโดยเฉพาะช่วงวัยหนุ่ม ยิ่งถ้าเปรียบเทียบกับพระเอกตอนวัยละอ่อนที่หน้าใสกิ๊ง(เพราะใช้นักแสดงอีกคนหนึ่ง) ก็ได้แต่คิดว่าเพราะพิษรักขั้นรุนแรงจึงทำให้ใบหน้าของพระเอกยับเยินไปได้ขนาดนั้น

ส่วนนางเอกก็ใช่ย่อย โจวานนา เมซโซจอร์โน ซึ่งผมเคยชอบเธอมากจาก Facing Window (2003) เหมาคนเดียวตั้งแต่ละอ่อนยันแก่ แต่พัฒนาการทางใบหน้ากลับแปรผกผัน ตอนวัยรุ่นเธอหน้าแก่ พอวัย 70 กลับหน้าอ่อนกว่าวัยซะงั้น (แต่ชอบฉากเธอป่วยนะ 555)

เพราะประกบนางเอกตอนวัยรุ่นแล้วทำให้นางเอกดูหน้าแก่ กับเป็นที่เปรียบเทียบให้เห็นว่าพระเอกวัยหนุ่มขาดเสน่ห์โดยสิ้นเชิง ทำให้ อูแนกซ์ อูกาลเด้ ที่เล่นเป็นพระเอกช่วงวัยรุ่น เป็นอีกหนึ่งการคัดเลือกนักแสดงที่ผิดพลาดไปด้วย เพราะผู้รับบทพระเอก-นางเอกต้องเป็นตัวหลักอยู่ก่อนแล้ว

ความผิดพลาดลำดับต่อมาคือการให้ จอห์น เลกีซาโม เป็นพ่อนางเอก พอเข้าใจได้ว่าคาแร็กเตอร์ของพ่อต้องเป็นคนบ้านนอกที่มีฐานะ ดังนั้น ส่วนของความเป็นคนบ้านนอกนั้นได้อยู่แล้ว แต่การเป็นพ่อ...แถมเป็นพ่อของสาวอิตาเลี่ยนอย่างโจวานนานี่สิ ดูยังไงก็ขัดความรู้สึก เอาแค่วัยก็ไม่ได้แล้ว

สุดท้ายคือ เฟอร์นานดา มอนเตเนโกร ในบทแม่พระเอก ไม่ใช่ว่าเธอไม่เหมาะสมหรอกครับ ผมว่าสุดยอดนักแสดงอย่างเธอไม่ควรมาอยู่ในหนังเรื่องนี้เลย

ภาพรวมของหนังไม่ถึงกับย่ำแย่ พอดูได้ไม่น่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้ซาบซึ้งอย่างที่หนังต้องการ เสียดายซีเควนซ์เปิดเรื่องที่ทำได้ดี มีพลัง แต่เรื่องราวต่อมากลับอ่อนแอ ไม่สนับสนุนช่วงเปิดเรื่องที่อุตส่าห์ปูเอาไว้ ขณะที่เหตุการณ์ฉากหลังก็ใส่เข้ามาแบบผิวเผิน

*●....Happiness (imdb) หรือ Hengbok หนังเกาหลีของผู้กำกับฯ เฮอจินโฮ ผมดูแล้วเศร้า ไม่ใช่เพราะหนังทำให้เศร้า แต่เพราะสงสารตัวละครนางเอก คือไม่ว่าใครเจอแบบนี้ อยู่ในหนังเรื่องไหนก็น่าสงสารทั้งนั้น

พูดง่ายๆ คือเศร้า แต่หนังไม่กินใจ ยิ่งถ้าเทียบกับเรื่องก่อนๆ ของเฮอจินโอ (ผมชอบ April Snow มากที่สุด) สาเหตุก็เพราะหนังมีแต่เรื่องราว ไม่มีประเด็นหรือจุดโฟกัส กระทั่งดูจบพร้อมคำถามว่า "แล้วไง?"

●....Shanghai Dreams (imdb) ช่วงหลังๆ ดูแต่หนังจีนสะท้อนปัญหาร่วมสมัย พอได้ดูเรื่องนี้จึงพอใจเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ปัญหาร่วมสมัยที่ได้เห็นในหนังจีนยุคหลังก็มีจุดเริ่มที่สะท้อนผ่าน Shanghai Dreams นี่เอง เพราะหนังใช้ฉากหลังยุคปฏิรูประบบเศรษฐกิจซึ่งเริ่มต้นในปี 1979 เพราะผู้นำพรรคคอมมิวนิตส์รู้แล้วว่าถ้ายังเดินตามประธานเหมาตะพึดตะพือแล้วจีนไปไม่รอดแน่

น่าสนใจตรงที่แม้พล็อตหลักจะเกี่ยวกับเรื่องรักของคนหนุ่มสาว แต่พล็อตรองว่าด้วยความไม่พอใจของพ่อและเพื่อนคนงานต่อทิศทางของ ระดับบน ก็ถูกถ่ายทอดออกมาได้ชัดเจนและตรงมาก

ชอบรอยยิ้มของนางเอกตอนจบ แปลได้หลายอย่าง แต่ที่แน่ๆ คือ เลือดเย็น!

●....Street Kings (imdb) เนื่องจากเห็นว่า คีนู รีฟส์ แสดง เลยไม่ได้หวังว่าหนังจะดีในระดับเดียวกับหนังแนวใกล้เคียงกันอย่าง Training Day (2001)

หนังเข้มข้นใช้ได้ แต่ในเมื่อคนดูเดาออกตั้งแต่แรกว่าหัวหน้าของพระเอกเป็นตัวร้าย (มีใครเดาไม่ออกบ้าง) น่าจะเปลี่ยนบทให้เห็นว่าพระเอกโดนปั่นหัวไปเลยดีกว่า ตอนจบจะได้สะใจมากกว่านี้

●....Iron Man (imdb) หนังสนุกดี แต่ตายตอนจบ แล้วก็สนุกอย่างเดียว ไม่มีอะไรให้ติดใจ เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ผู้สร้างตั้งใจให้ สว่าง ท่ามกลางหนังฮีโร่มืดๆ ในยุคหลัง รัฐบาลกับกองทัพในหนังจึงกลายเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของพระเอก

เห็นหน้า กวินเน็ต พัลโทรว์ แล้วเหนื่อย ส่วน โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ พอไปไหว แต่ถ้าเป็นคนอื่นเล่น หนังคงมีเสน่ห์มากกว่านี้

*●....Assembly (imdb) เห็นในโปรแกรมหนังแว้บๆ ว่าฉายที่พารากอนไม่ถึงสัปดาห์ก่อนจะออกแผ่นในเวลาไล่เลี่ยกัน เป็นหนังจีนแผ่นดินใหญ่เรื่องแรกที่ถ่ายทอดเหตุการณ์สงครามกลางเมืองระหว่างคอมมิวนิสต์กับชาตินิยม ทั้งยังมาแปลกด้วยการยกย่องวีรกรรมของทหารหน่วยหนึ่ง แทนที่จะเชิดชู กองทัพปลดแอกประชาชน ในแง่อุดมการณ์โดยรวม ไม่ใช่แค่นั้น...หนังหันมาตำหนิความผิดพลาดของกองทัพฯด้วยซ้ำ

หนังพูดถึงหน่วยทหารเล็กๆ ที่ถูกส่งไปปกป้องเหมืองเก่า แต่สุดท้ายตายเรียบยกเว้นหัวหน้า แย่ตรงที่ทุกคนถูกตีทะเบียนสูญหาย ไม่มีพยานหรือหลักฐานว่าพวกเขาได้สละชีวิตอย่างกล้าหาญ หัวหน้าจึงต้องหาทางคืนเกียรติยศให้ลูกน้อง

ฉากเปิดเรื่องทำได้สมจริงเทียบเคียง(หรืออาจจะดีกว่า) Saving Private Ryan แต่ดูเหมือนผู้สร้างทุ่มกับฉากเปิดเรื่องไปแล้ว ฉากสงครามอีกครั้งช่วงกลางเรื่องระดับความเข้มข้นจึงไม่เท่ากับฉากแรกทั้งที่สเกลใหญ่กว่าและมีความสำคัญต่อเนื้อหามากกว่า

●....Juno (imdb) ดี แต่ไม่ประทับใจอะไรมากนัก รู้สึกว่า น้องจูโน่ เธอน่ารำคาญ โอเว่อร์ และเสน่ห์ค่อยๆ ลดลงตั้งแต่กลางเรื่อง อันที่จริง จะพรีเซนต์ความเป็นผู้ใหญ่ เป็นตัวของตัวเอง โดยไม่ต้อง นำเสนอ ด้วยการพูดๆๆๆๆ ขนาดนี้ก็ได้มั้ง

หนังเดินสูตรสำเร็จของหนังอินดี้ดังๆ ด้วยบทสนทนาคมๆ คุยกันเรื่องศิลปะ เพลงเพราะๆ มีองค์ประกอบแบบเด็กๆ ซึ่งผมว่าน่าเบื่อแล้วล่ะ

ส่วนประเด็นที่หนังนำเสนอ ถ้าจูโน่เป็นวัยรุ่นไทย ผมจะตื่นเต้นมากกว่านี้

●....3:10 to Yuma (imdb) หนังคาวบอยเท่ๆ ที่ผสมดราม่ากับแอ็คชั่นได้อย่างกลมกล่อม เกี่ยวกับชายขาเป๋ (คริสเตียน เบล) หัวหน้าครอบครัวผู้อาภัพอาสาคุมตัวอาชญากรนักปล้นตัวฉกาจ (รัสเซล โครว์) ไปส่งเรือนจำ เพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ไปใช้หนี้ ฉากไคลแม็กซ์ดูสูตรสำเร็จแบบเลี่ยนๆ ไปหน่อย แต่ปิดท้ายได้ดีเลยพอกล้อมแกล้มไปได้

ชอบที่หนังให้แบ็คกราวนด์ตัวละครที่ คริสเตียน เบล แสดง เลือกอยู่ข้างรัฐเสมอ (ตั้งแต่ฝ่ายเหนือจนถึงสหรัฐ) แต่กลับได้รับผลตอบแทนเลวร้ายทุกครั้ง

*●....Interview (imdb) หนังเล่นกัน 2 คน ใช้ฉากเกือบทั้งเรื่องภายในห้องใหญ่ๆ ห้องเดียว (คล้ายเรื่อง Bug) ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดูละครเวที เรื่องของนักข่าวฮาร์ดนิวส์หนุ่มใหญ่ (สตีฟ บุสเซมี่) รับมอบหมายให้ไปสัมภาษณ์นักแสดงสาวสุดเซ็กซ์ (เซียนนา มิลเลอร์)

บทสนทนาโต้ตอบไร้กรอบจำกัด ตั้งแต่ละครน้ำเน่า โรคมะเร็ง จนถึงสงครามโคโซโว ผลัดกันรุก-รับ กับอารมณ์ที่ขึ้น-ลงตลอดเวลา ก่อนจะปล่อยทีเด็ดตอนจบอีกหนึ่งดอก ....ชอบมาก

ลืมบอกไปว่านี่คือผลงานกำกับฯเรื่องล่าสุดของ สตีฟ บุสเซมี่

●....Margot at the Wedding (imdb) เคยติดใจงานเขียนบทควบกำกับฯของ โนอาห์ บอมบาค จาก The Squid and the Whale (2005) แต่พอมาถึงเรื่องนี้กลับน่าผิดหวัง

บอมบาคยังสำรวจความสัมพันธ์ในครอบครัวเช่นเดิม แต่เพราะชุดปัญหาที่มากขึ้น ตัวละครเยอะขึ้น หนังจึงดูวุ่นวายและขาดความน่าสนใจเป็นระยะ ขณะที่ตัวละครก็ขาดเสน่ห์ทั้งที่มีทั้ง นิโคล คิดแมน และ แจ็ค แบล็ค อีกอย่างคือหนังสะท้อนปัญหาด้วยแง่มุมทางจิตวิทยา (จากเรื่องที่แล้วที่ใช้แง่มุมทางสังคมเป็นหลัก) จนหนังดูจะเข้าถึงยากไปหน่อย

●....La Vie en Rose (imdb) ต้องเรียกหนังเรื่องนี้ว่า มหัศจรรย์ มาริยง โกติลลาด์ เพราะเธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของหนัง ชีวประวัติ อีดิธ เพียฟ นักร้องสาวชาวฝรั่งเศส ซึ่งเล่าสลับช่วงเวลาไปมา บางทีก็งงเหมือนกันว่าอันไหนก่อน-หลัง

บันทึกไว้เลยว่าฉากลองเทคที่อีดิธรู้ว่าใครคนหนึ่งจากไป ติดทำเนียบ ฉากตื่นตะลึงน่าประทับใจแห่งปี แน่นอน

*●....Death at a Funeral (imdb) หนังว่าด้วยความอลหม่านวุ่นวายในงานศพ เป็นหนังเรื่องแรกในรอบกี่ปีไม่รู้ที่ทำให้ผมหัวเราะเต็มที่ได้ทั้งเรื่อง ด้วยมุขตลกที่มีทั้งอุจจาระ อาเจียน ยาอี และศพคนตาย

ถ้าอยู่ในหนังเรื่องอื่นคงเป็นหนังตลกอุบาทว์ แต่เรื่องนี้ยังฮาสะอาดด้วยบรรยากาศแบบอังกฤษ

●....We Own the Night (imdb) เรื่องของลูกไม่รักดีในครอบครัวตำรวจ (ฮวาควิน ฟินิกซ์) พัวพันกับพวกค้ายาซึ่งพ่อ (โรเบิร์ต ดูวัลล์) กับน้องชาย (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) กำลังสืบจับอยู่

หนังเน้นขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ของตัวละคร บทบาทของนักแสดงที่เคยผ่านเวทีออสการ์ทั้ง 3 คน จึงโดดเด่นออกมาชัดเจน ชอบฉากจบที่เรียบง่ายและกินใจ

●....No End in Sight (imdb) หนังสารคดีสุดมันว่าด้วยสงครามอิรัก ไล่เรียงเบื้องหลัง-เบื้องหน้าตั้งแต่ 9/11 ถึงความวุ่นวายในอิรักหลังสงคราม ค่อนข้างครอบคลุมแง่มุมผ่านการสัมภาษณ์และฟุตเตจมากมาย

ไฮไลท์อยู่ที่หนังแฉให้เห็นว่านโยบายเลิกจ้างทหารอิรักของ พอล เบรเมอร์ คือชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดการต่อต้านสหรัฐอย่างรุนแรง และอาวุธในคลังแสงอิรักถูกผ่องถ่ายไปยังกองกำลังต่างๆ หนังตัดสลับการให้สัมภาษณ์ของฝ่ายแฉกับฝ่ายแก้ให้เห็นเลยว่าใครกันแน่ที่โกหก

●....Naissance des pieuvres (imdb) หรือ Water Lilies ที่มีข่าวว่าจะฉายในเทศกาลภาพยนตร์ฝรั่งเศสเร็วๆ นี้ เป็นหนังว่าด้วยวัยรุ่นหญิงโดยมีความสัมพันธ์แบบเลสเบี้ยนเป็นเรื่องราวหลัก

เปิดฉากแรกๆ ก็อึ้งไปพอสมควร เพราะหนังเน้นสรีระของเด็กหญิงและเด็กสาวในชุดว่ายน้ำ แต่ดูไปเรื่อยๆ ก็พอเข้าใจว่าหนังจะสื่ออะไร (บทวิจารณ์ : Water Lilies ปรารถนาใต้น้ำ)

*●....Ghosts of Cite Soleil (imdb) ตั้งใจตั้งแต่รู้จักหนังเรื่องนี้ว่าต้องหาดูให้ได้ แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ หนังสารคดีถ่ายทำในชุมชนแออัด ซิตี้ โซเล่ ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ประเทศเฮติ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น สถานที่อันตรายที่สุดในโลก

ติดตามเรื่องราวของ 2 พี่น้องผู้นำแก๊งติดอาวุธที่หนุนหลังประธานาธิบดีฌอง แบร์ทรองด์ อริสตีด ใครติดใจทะเลสวยๆ หาดทรายขาวของเฮติที่เคยเห็นใน Heading South (2005) ก็ลืมไปได้เลย เพราะเรื่องนี้มีแต่ความป่าเถื่อน เสื่อมทราม มีคนตายได้ตลอดเวลา ผู้สร้างเองก็เสี่ยงตาย ยังดีที่รอดมาได้

ที่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มีคุณค่าในตัวเอง นอกจากจะอยู่ที่ความยากลำบากในการสร้างแล้ว หลังจากถ่ายทำเสร็จสิ้นไม่นาน บุคคลต้นเรื่องคนพี่ถูกยิงตาย ส่วนคนน้องหายสาบสูญ...ซึ่งคาดว่าตายเช่นกัน

แม้จะเป็นหนังสารคดีแต่ก็มีการผูกให้เป็นเรื่องราวเหมือนหนังทั่วไป มีบทเกริ่นนำ จุดหักเห (สองพี่น้องหมางใจกันเพราะสาวฝรั่งเศส กับความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง) และเหตุการณ์อันต่อเนื่องตามมา สลับด้วยภาพข่าว คำบรรยายสถานการณ์ทางการเมืองของเฮติ และการให้สัมภาษณ์ของนักการเมืองฝ่ายค้าน

ยกให้เป็น หนังเด่นประจำเดือน

●....Khuda Ke Liye (imdb) หรือ In the Name of God หนังปากีสถานระดับปรากฏการณ์ เป็นทั้งหนังฮิตสุดสุดและหนังอื้อฉาวเพราะโดนต่อต้านจากชาวมุสลิมเคร่งครัด เนื้อหากว้างและร่วมสมัยสุดสุด ว่าด้วยสองหนุ่มพี่น้องนักดนตรี คนหนึ่งต้องเข้าร่วมกับตาลีบัน อีกคนโดนสหรัฐอเมริกาจับข้อหาเกี่ยวข้องกับบิน ลาเดน

หนังไม่ได้พูดถึงมุสลิมในโลกภายนอกเท่านั้น แต่เชื่อมโยงถึงความขัดแย้งแตกต่างของมุสลิมด้วยกันเอง (บทความและความเห็น : Khuda Ke Liye ปรากฏการณ์ปากีสถาน)

●....The White Silk Dress (imdb) หนังเวียดนามว่าด้วยชะตากรรมยากลำบากของหนุ่มสาวคู่รักตั้งแต่ช่วงกบฏเวียดมินห์ถึงสิ้นสุดสงครามเวียดนาม โดยใช้ชุด เอ๋าหย่าย เป็นสัญลักษณ์สำคัญ (บทวิจารณ์ : The White Silk Dress การเดินทางของชุดสีขาว)

*●....The Year My Parents Went on Vacation (imdb) หนังบราซิลใช้ฉากหลังปี 1970 ยุคเผด็จการทหาร ซึ่งปีนั้นทีมชาติบราซิลได้แชมป์ฟุตบอลโลก เกี่ยวกับเด็ก 12 ขวบ ที่ถูกพ่อแม่ทิ้งให้อยู่กับปู่ เพราะต้องหนีการจับกุมในข้อหาต่อต้านรัฐบาล โชคร้ายที่ปู่เสียชีวิต เขาจึงต้องอยู่คนเดียว รอพ่อกับแม่ที่สัญญาว่าจะกลับมาเชียร์บราซิลเตะฟุตบอลโลกด้วยกัน (บทวิจารณ์ : The Year My Parents Went on Vacation โฮม อะโลน กับเปเล่)

●....Secret Sunshine (Milyang) (imdb) หนังเกาหลีที่ได้เข้าในสายประกวดหลักที่เมืองคานส์เมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่ ชอนโดยอน (Jeon Do-yeon) จะคว้ารางวัลนักแสดงหญิง ซึ่งดูเรื่องนี้แล้วก็เห็นว่าเธอยอดเยี่ยมจริงๆ

ดูหนังที่เธอแสดงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สาม หลังจาก 2 เรื่องแรก Happy End (1999) กับ I Wish I Had a Wife (2001) เธอแสดงเป็นตัวละครที่มีบุคลิกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เรื่องแรกเป็นหญิงชู้ร้อนแรงแบบเปลื้องเปลือยสุดสุด ขณะที่เรื่องหลังดูจืดๆ เรียบร้อย มาถึง Secret Sunshine พูดยากว่าบุคลิกเธอเป็นยังไง เพราะต้องแสดงเป็นตัวละครที่ยากจะคาดเดาอารมณ์ และต้องแบกหนังความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งเธอก็ทำได้อย่างน่าประทับใจ

หนังเกี่ยวกับแม่ลูกหนึ่งที่มาลงหลักปักฐานในบ้านเกิดของสามีที่เสียชีวิต แต่แล้วก็เกิดเหตุร้ายขึ้นกับเธอ เรื่องราวที่เหลือคือการเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมาน

หนังออกจะเครียดและยาวไปบ้าง แต่ด้วยการโชว์เดี่ยวของชอนโดยอน กับเรื่องราวที่เดาไม่ออกว่าจะไปทางไหน ทำให้หนังยังชวนติดตาม

ชอบชื่อ Secret Sunshine ความหมายของชื่อจะเปลี่ยนตำแหน่งตลอด ตั้งแต่ชื่อเมือง พระเจ้า และใครบางคน


●....2 รายการใหม่น่าสนใจของทีวีไทย ทีวีสาธารณะ อันที่จริง เริ่มเดือนพฤษภาคม แต่ขอหยิบมาพูดถึงงวดนี้เลย

*●....Golden Films แกะกล่องหนังไทย 4 ทุ่ม วันเสาร์ ฉายหนังยุค 40-50 ปีก่อน เป็นหนังที่พันธมิตรนำฟิล์มมาบูรณะแล้วพากย์ลงดีวีดี คุณภาพของภาพไม่เต็มร้อย มีช่วงตัดช่วงข้ามไปบ้าง แต่ได้ดูขนาดนี้ก็เยี่ยมแล้ว

ประเดิมเรื่องแรกคือ 7 พระกาฬ หนังปี 2510 กำกับโดย ชาลี อินทรวิจิตร รวมดาราชายดังๆ ในยุคนั้น นำโดย มิตร ชัยบัญชา, อดุลย์ ดุลยรัตน์, รุจน์ รณภพ, ประจวบ ฤกษ์ยามดี ฯลฯ ฉากเปิดเรื่องน่าทึ่งมาก แม้จะรู้ว่าได้แรงบันดาลใจจากหนังฝรั่ง แต่ตั้งแต่ดูหนังไทยมา ไม่เคยเห็นฉากเปิดเรื่องเท่ๆ เจ๋งๆ อย่างนี้เลย

โปรแกรมสัปดาห์ต่อๆ มาคือ จ้าวอินทรี(2506) ปราสาททราย(2512) ชูชก กัณหา ชาลี(2516) และปิดท้ายเดือนพฤษภาคมด้วย นรกตะรุเตา(2519)

●....อีกรายการเป็นรายการเพลงชื่อว่า 108 Music ร้อยแปดดนตรี ของ ปราชญ์ อรุณรังษ์ 4 ทุ่ม วันอาทิตย์ จัดประกวดค้นหานักดนตรีในชื่อ Rock Dream Team เริ่มต้นด้วยมือกีตาร์ มีช่วงเล็กๆ น้อยๆ แทรกเป็นระยะ เช่น แนะนำกีตาร์ นวัตกรรมใหม่

แต่ทีเด็ดที่ชอบมากๆ คือโชว์ของรุ่นใหญ่ (แม้รุ่นใหญ่จะวนเวียนอยู่กับคนคุ้นเคยของ อ.ปราชญ์) โดยเฉพาะที่เป็น jam session เทปแรกมี ชาตรี คงสุวรรณ, ป็อป เดอะซัน และ อ.ปราชญ์

เทปล่าสุดที่ได้ดู(18 พ.ค.) มีโชว์ของ ดิ โอฬาร โปรเจคต์ โดยโชว์ชุดสุดท้าย ชาตรี คงสุวรรณ กับ โป่ง-ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ มาแจมเพลง อย่าหยุดยั้ง




●....กว่าจะรู้ตัวว่ายังไม่ได้อ่านหนังสือก็ล่วงเข้าปลายเดือน จึงเป็นโอกาสดีของหนังสือค้างชั้นเล่มบางๆ ที่จะถูกเลือกมาอ่านก่อน และเนื่องจากความบางจนอ่านแป๊บเดียวจบนี่เอง จึงมีผู้โชคดีถึง 2 เล่ม (หลังจากซื้อมาตั้งแต่ปี 2542 )

บังเอิญ 3 ต่อ เมื่อทั้ง 2 เล่มเป็นหนังสือของสำนักพิมพ์ดวงกมล ยุคที่ สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั่งเป็นบรรณาธิการ (ประมาณ 30 ปีก่อน) เป็นวรรณกรรมรัสเซียเหมือนกัน และชื่อหนังสือคือชื่อตัวละคร หมา ในเรื่องนั้นๆ เหมือนกันอีก

*●....เรื่องแรก มูมู่ ของ อีวาน ตูรเกเนฟ (Ivan Sergeyevich Turgenev 1818-1883) แปลโดย พ.เนตรายน (พิมพ์ครั้งแรก เมษายน 2522) โปรยบนปกว่า "นวนิยายเกี่ยวกับทาสชาวนาในรัสเซียสมัยก่อนปฏิวัติ" ในหมู่นักอ่านคนไทย ตูรเกเนฟอาจจะไม่เป็นที่รู้จักเท่า เชคอฟ, โกโกล, ปาสเตอร์แน็ค หรือบิ๊กเนมอย่างตอลสตอย และดอสโตเยฟสกี้ แต่ตรูเกเนฟถือเป็นนักเขียนรัสเซียนคนสำคัญคนหนึ่งในยุคศตวรรษที่ 19

เรื่องราวเกี่ยวกับทาสติดที่ดินตัวใหญ่ แข็งแรง และเป็นใบ้ ชื่อ เกราซิม ที่ต้องจากชนบทมาเป็นคนงานในบ้านของหญิงหม้ายชราในมอสโคว์ เรื่องราวต่อมาคือความเลวร้ายที่เกิดกับเกราซิม แม้เขาไม่ได้ถูกกระทำโดยตรง แต่เหมือนว่าสมบัติหรือกระทั่งชีวิตของทาสติดที่ดินอย่างเขาไม่อาจเป็นของเขาได้จริงๆ แม้แต่หมาที่เขาเลี้ยงไว้

เศร้า หนักหน่วง แต่จบได้สวยงามอย่างมีความหวัง ตรูเกเนฟไม่ใช่แค่สะท้อนสภาพของทาส (ตัวละครเป็นใบ้หมายถึงไร้ปากเสียง ไร้สิทธิ) และการใช้อำนาจของเจ้านาย แต่เขาได้ชี้ทางที่ควรจะเป็นว่าทาสควรได้รับอิสรภาพ

*●....อีกเล่มชื่อ แคชแทงก้า ของ อันตัน เชคอฟ (Anton Pavlovich Chekhov 1860-1904) แปลโดย สุดใจ เพ็ชรศิริ (พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2521) เป็นเรื่องราวอ่านง่ายแบบวรรณกรรมเยาวชน มีผู้วิจารณ์ว่า แคชแทงก้า คือ หมาแท้จริงตัวแรกในวรรณคดีโลก เนื่องจากเชคอฟไม่ได้บรรยายความคิดความรู้สึกของหมาในแบบเดียวกับมนุษย์ แต่มีลักษณะตามธรรมชาติของหมา เช่น ไม่มีความจำต่อเนื่อง ตัดสินใจจากสัญชาตญาณ

แคชแทงก้าเป็นสัตว์เลี้ยงของช่างไม้ วันหนึ่งมันเกิดพลัดหลงขณะตามเจ้านายไปต่างเมือง โชคดีที่มีชายคนหนึ่งนำมันไปเลี้ยง แคชแทงก้าได้อยู่ดีกินดี ได้รู้จักกับแมว ห่าน หมู และถูกฝึกให้แสดงท่าทางแปลกๆ ตามคำสั่งร่วมกับสัตว์อื่น วันคืนผ่านไปแคชแทงก้าก็ลืมไปแล้วว่ามันเป็นเพียงหมาของช่างไม้

เป็นเรื่องราวอ่านง่ายเกี่ยวกับสัตว์ที่นำมาเปรียบเทียบกับมนุษย์และสังคมรัสเซียในสมัยนั้นได้ เหมือนเชคอฟจะสะท้อนความไร้แก่นสารของชนชั้นบน แล้วให้คุณค่ากับชนชั้นแรงงาน


●....ใครอ่าน มติชน กับ ข่าวสด สังเกตไหมว่าไซซ์หนังสือเปลี่ยนไป ....ตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา มติชน กับ ข่าวสด ลดความกว้างลงประมาณนิ้วครึ่ง เท่ากับเครือผู้จัดการ กับเครือบางกอกโพสต์

●....คราวที่ดูเรื่อง Atonement สนใจนัยยะทางศาสนา แต่ไม่ได้ค้นคิดต่อ พอดีที่ ธนา วงศ์ญาณณาเวช มาช่วยไขให้กระจ่างในบทความ At-One-Ment : Ian McEwan กับ 'จินตนิยาย' ต้านศาสนา ในสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ อ่านแล้วก็..อืม...ถ้าค้นคิดเองคงไม่ลึกแบบอาจารย์แน่

●....way กลับมาแล้วในราคา 70 บาท

●....คอลัมน์ใหม่ของ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล ใน ฅ.ฅน ชื่อ คนค้นธรรม เป็นความเรียงประกอบภาพถ่ายของอาจารย์เอง เริ่มตั้งแต่ฉบับเดือนเมษายน

●....ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด อ่านเรื่องสั้นของผมได้ในนิตยสารเล่มหนึ่งเร็วๆ นี้ (แล้วจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ)




*●....ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้มีโอกาสดูช่องเพลงทางเคเบิลทีวี (หรือถ้าได้เปิดดูก็มักจะเจอแต่เกาหลี-ญี่ปุ่น-ไต้หวัน แถมด้วย กามิกาเซ่ !!!!!!) ประเภทเจอเพลงของศิลปินที่ไม่รู้จักแล้วถูกใจตั้งแต่แรกฟังจึงไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว

กระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้เอง เปิดเจอเพลง Maps ของวง Yeah Yeah Yeahs แล้วชอบมาก ตามประสาคนไม่ได้ตามวงการเพลงอย่างใกล้ชิดจึงไม่เคยรู้จักวงนี้มาก่อน ค้นข้อมูลถึงได้รู้ว่าอยู่ในอัลบั้ม Fever to Tell ออกมาตั้งแต่ปี 2003 แต่ลองหาเพลงอื่นมาฟังแล้วก็ไม่ได้ชอบอะไรมากมาย ถูกใจเพลง Maps เพลงเดียว





*วงฮาร์ดร็อคสัตว์เผือก 2 วง มีสตูดิโออัลบั้มใหม่ออกมาไล่เลี่ยกัน วงแรก White Lion อัลบั้ม Return of the Pride ตั้งชื่ออิงกับอัลบั้ม Pride ปี 1987 เป็นสตูดิโออัลบั้มแรกในรอบ 17 ปี โดยเหลือสมาชิกดั้งเดิมแค่ ไมค์ แทรมป์ นักร้องนำ

เป็นอัลบั้มใหม่ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งสไตล์ดนตรีและการเรียบเรียง ส่วนดีคือฟังแล้วเหมือนเจอเพื่อนเก่า

เอาเพลงเบาๆ มาฝาก ชื่อว่า Take Me Home





*อีกวงคือ Whitesnake ของลุง เดวิด โคฟเวอร์เดล อัลบั้ม Good to Be Bad ซึ่งเว้นช่วงนานเช่นกัน นับจากอัลบั้มสุดท้ายคือ Restless Heart ปี 1997

ชุดนี้ยอดเยี่ยมสมการรอคอย อัดกันหนักในแบบเฮฟวี่ เมทัล แต่ก็ยังมีเพลงซอฟต์ๆ เมโลดี้สวยๆ มาผ่อนอารมณ์เหมือนเดิม คอเฮฟวี่ห้ามพลาด!

นำมาให้ฟัง 3 เพลง Best Years, Summer Rain และ 'Til the End of Time ที่มีกลิ่นอายแบบฮาร์คร็อคยุคเฟื่องฟู







Create Date : 19 พฤษภาคม 2551
Last Update : 19 พฤษภาคม 2551 23:23:55 น.
Counter : 1269 Pageviews.

22 comments
  
วงสัตว์เผือก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ



หนังน่าดูหลายเรื่องเลยค่ะ โดยเฉพาะ Ghosts of Cite Soleil
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:13:21 น.
  
ถ้าจขบ.ชอบหนังฝรั่งเศส
ขอแนะนำ Bienvenue Chez Les Ch'tis
หนังอารมณ์ดี ที่ทำรายได้มากกว่าTitanicในฝรั่งเศส
โดย: Ange de Suisse IP: 85.0.48.53 วันที่: 19 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:34:53 น.
  
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

เพิ่งเข้ามาครั้งแรกค่ะ.. เห็นชื่ออยู่บ่อยๆ.. เลยตัดสินใจคลิ๊กมาดูสักครั้ง..

เสียใจมาก..

ที่ไม่ได้มาเยี่ยมก่อนหน้านี้..

ถ้าคุณพี่ว่างๆ ก็แวะไปเยี่ยมบลอกหนูบ้างเน้อ
โดย: จูริง วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:35:55 น.
  
ทั้งดูทั้งอ่านได้อะไรมากมายขนาดนี้..

ขอบคุณที่มารีวิวให้ฟังครับ...จะได้ไปตามอ่านตามดู...
โดย: หมีบางกอก (Bkkbear ) วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:2:21:41 น.
  
ม่วนชอบ Iron Man แหละ
คือว่า มันไม่คิดมากดี
- - - ดูแบบไม่ต้องคิดให้ปวดหมอง
ชอบๆๆ (ไม่ได้ดูหนังแบบนี้มานานแล้วด้วยแหละ)

แล้วก็ อิคิงามิ สาสน์-สั่ง-ตาย
ที่นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
รีวิวไว้ในมติชนสุดสัปดาห์ฉบับล่าสุด หน้า 76
ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง

โดย: ม่วนก็มาแว้ว IP: 125.24.205.18 วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:31:07 น.
  
ตกลง Atonement มันอ่านแบบนั้นจริงๆ หรืออ.ธเนศแกเล่นมุขครับเนี่ย ฮ่าๆๆ (จะว่าไปก็ยังไม่ได้อ่านเลยแฮะ)

ส่วน Juno ผมว่าหนังไม่ได้พยายามบอกว่าจูโน่ฉลาด แต่บอกว่าเธอ "อวดฉลาด" ตามประสาวัยรุ่นมากกว่า ทำให้ผมไม่มีปัญหากับตรงนั้นมากนัก (และหนังไม่ได้พยายามให้เธอมีเสน่ห์หรือน่าเห็นใจขนาดนั้นด้วย)

La Vie en Rose นี่ได้มาริยงช่วยไว้เยอะมาก มาก มากจริงๆ ไม่งั้นนี่คงเป็นหนังชีวประวัติเนื้อหาดาษๆ ธรรมดา (แม้จะสลับไปมาก็ตาม) โดยเฉพาะฉากลองเทคนั่น ผมยังติดตาจนถึงปัจจุบัน

ส่วน Iron Man นี่ผมชอบน้อยกว่า Speed Racer ซะงั้นอะครับ (ฮ่าๆ)
โดย: nanoguy IP: 125.24.114.215 วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:25:06 น.
  
เดือน เม.ย. ผมได้ดูหนังไปแค่ 4 เรื่องเลยครับ แล้วก็เฉยๆ หมดเลย

สงสัยจะต้องหาอะไรแรงๆ มากระตุ้นแล้ว -_-'
โดย: merveillesxx วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:39:55 น.
  
เรื่อง atonement มันเกี่ยวกับศาสนาด้วยเหรอคะ ทำไมเราดูแล้วไม่รู้สึกหว่า

มีแต่หนังน่าดู หนังสือน่าอ่าน เพลงน่าฟังทั้งนั้นเลยค่ะ

ขอแอดเป็น friend's blog นะคะ^_^
โดย: BoOKend วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:14:11:48 น.
  
Ghosts of Cite Soleil ..แค่เห็นโปสเตอร์ก็น่ากลัวแล้วแฮะ แถมด้วย อ่านแล้วหดหู่จิงๆ แต่ก็อยากดูอะ
โดย: haro_haro วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:21:14 น.
  

ตอบ แพนด้ามหาภัย
Ghosts of Cite Soleil ต้องดูๆ

ตอบ Ange de Suisse
ขอบคุณที่แนะนำครับ ไว้จะลองหามาดู

ตอบ จูริง
แวะไปที่บล็อกแล้วครับ

ตอบ หมีบางกอก
ยินดีครับ

ตอบ ม่วน
ม่วนอ่านการ์ตูนด้วยเหรอ
อ่านพล็อตแล้วน่าอ่านเหมือนกัน เห็นว่าจะมีหนังด้วยนี่

ตอบ nanoguy
เสน่ห์ที่ผมว่าหมายถึงคาแร็กเตอร์ของ "ตัวละครนำ" ที่ใช้ดึงดูดความสนใจผู้ชมน่ะครับ
ซึ่งไม่ว่าตัวละครนำจะ "ดี" หรือ "เลว" ก็จำเป็นต้องมี
ไม่ใช่เสน่ห์ให้ชอบหรือเอาใจช่วย
สำหรับผม คาแร็กเตอร์ของน้องจูโน่ดึงดูดได้ในตอนแรก ก่อนจะหมดความน่าสนใจลงเรื่อยๆ

Speed Racer เห็นหน้าหนังแล้วไม่อยากดู (เลยไม่ได้ดู) แต่เห็นคนชอบกันเยอะ

ตอบ merveillesxx
อะไรแรงๆ สำหรับเมอร์ มักจะไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไป

ตอบ BoOKend
ยินดีครับ

ตอบ haro_haro
เรื่องนี้ดูแล้วระทึกครับ

ลืมบอกไปว่าคนที่ถือปืนในโปสเตอร์น่ะ เขาอยากเป็นแร็พเปอร์
ในหนังเขาร้องเพลงแร็พที่แต่งเองให้เราฟังหลายเพลง
โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:49:27 น.
  
มาเยี่ยมครับ ไม่ได้แวะมาซะนาน
โดย: beerled IP: 203.154.188.177 วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:23:46 น.
  
ตายแระ
หนังหน้าอย่างม่วน
ก็ต้องอ่านการ์ตูนสิ!!!!!


โดย: ม่วนน้อย วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:50:13 น.
  
+ Assembly ซื้อมายังไม่ได้ดูเลยอ่ะ
+ 3:10 to Yuma อยากดู..อยากดู
+ Death at a Funeral น่าดูค่ะ
+ The Year My Parents Went on Vacation อยากดูมาก..เคยเซฟโปสเตอร์นี้ไว้หลายเพลาแล้ว สวยดี..น่าดู
+ White Lion นี่นึกออกแต่เพลง When the Children Cry..ฮิตซ้า
โดย: renton_renton วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:58:07 น.
  
หนังแต่ละเรื่องน่าดูทั้งนั่นเลยนะคับ แฮ่ๆ
ไทยพีบีเอสนี่ไม่ผิดหวังเลยนะคับ รายการใหม่สองรายการนี้น่าดูทีเดียว
ผมชอบดูเส้นทางสายไหม แม้จะเก่าไปหน่อย แต่แค่ฟังเพลงของ kitaro ก็คุ้มแล้วคับ

วงเยเยเย๊เยนี่มีคนเรียกว่าอาร์ตพังค์
เวลาแสดงสดนักร้องสาวนี่สุดเหวี่ยงเลยนะครับ
ติดอับดับวงดนตรีที่แสดงสดดีที่สุดในโลกด้วย
โดย: wayakon IP: 58.9.215.182 วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:30:29 น.
  
เห็นด้วยทุกประเด็นเลยล่ะค่ะ สำหรับจูโน่
เด็กท้องพูดมากจริงๆ
ส่วนคนแปลซับฯ จูโน่ คือ โสภณา เชาว์วิวัฒน์กุล เห็นชื่อแล้วตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะแปลแบบนี้ อาจเป็นไปได้ว่าเป็นความต้องการของค่ายหนังหรือเปล่า

พอมาอ่านรีวิวของ จขบ. แล้วเรื่องที่อยากดูยิ่งทวีความอยากดูขึ้นไปอีก

ส่วนเรื่องชื่อ Atonement เคยได้ยิน อ. ธเนศ บอกว่าจะเขียนเรื่องนี้ในแง่มุมของศาสนาเหมือนกัน ถ้ามีโอกาสจะไปตามอ่านดูค่ะ

ขอบคุณสำหรับการบอกกล่าวรายการดีๆ ของไทยทีพีบีเอสด้วยค่ะ
โดย: grappa IP: 58.9.220.97 วันที่: 21 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:13:43 น.
  
นั่นกำลังถือปืนอยู่รึ
มองเห็นคิดว่าเป็น
ตัวอะไรซักอย่างง่ะ

ที่น่ากลัว
โดย: haro_haro วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:38:17 น.
  
ชอบฟังเพลง
เพราะดี

ที่สำคัญคลิกปุ๊บได้ยินเสียงเพลงปั๊บ
ง่ายดี
โดย: yawaiam IP: 118.172.165.163 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:01:10 น.
  

ตอบ beerled
หวัดดีครับ ผมก็ไม่ได้แวะไปเยี่ยมเลย

ตอบ ม่วน
หนังหน้าเลยรึ

ตอบ renton
When the Children Cry ดังสุด แต่ผมเฉยๆ
ชอบ You're All I Need มากกว่า





ตอบ wayakon
วง 3 คน ติดอันดับแสดงสดดีสุด
แสดงว่าเจ๋งพอตัว

ตอบ grappa
เห็นชื่อคนแปลแล้วผมก็ว่าคงทำตามออเดอร์ค่ายหนังครับ

ตอบ haro_haro
ตัวอะไร

ตอบ yawaiam
ครับ ดีจัง


------------
เกี่ยวกับรายการแกะกล่องหนังไทย
2-3 วันก่อนอ่านคอลัมน์ของ "แจ๋วริมจอ" ในไทยรัฐ
คอลัมนิสต์บันเทิงหลายคนในร่างเดียวที่ตามด่าไทยพีบีเอสมาตลอด (เพราะอะไรคงพอเดากันออก)
ยังไม่วายด่ารายการนี้จนได้
ทำเป็นยกจดหมายคนอ่าน บอกว่าทีวีไทยทำลายคุณค่าของหนังด้วยการนำทีมพากย์หนังจีน ฮ่องกง ไปใส่เสียงพากย์นักแสดงระดับตำนาน
"ย่ำยีหนังไทยในอดีตจนป่นปี้มากกว่าเป็นการอนุรักษ์ให้เยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจหนังไทย..."


เฮ้อ...น่าอนาถใจจริงๆ
โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:58:03 น.
  
^
^
จริงดิ ม่วนไม่เคยรู้มาก่อน
โดย: ม่วน IP: 125.24.196.175 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:59:21 น.
  
You're All I Need อา..ใช่ๆ เคยได้ยิน นึกออกละค่ะ

แต่ When the Children Cry นี่ เสียงโหยหวนของแก..กลายเป็นภาพจำ(เสียงจำ) ไปแว้ววว

โดย: renton_renton วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:18:32 น.
  
สวัสดีครับ
ไม่ได้ดูเลยสักเรื่องที่ยกมา
หมู่นี้วันเวลาแห่งหนังและ เพลง
ลอยวนอยู่บนก้อนเมฆ
มันเหมือนยังไม่มีซอกมุมหนึ่งในโลกสีน้ำเงินใบนี้ ที่จะวางหัวใจไว้ใต้หมอน แนบนอนเสพย์ศิลปะอย่างรื่นรมย์
ขอบคุณที่นำมาย่อยให้ได้รู้สึกไม่ตกโลก
หายโรคเหม็นเบื่อหมาบ้าแถวรัฐสภา
คงได้มีสมาธิ กลับไปนิ่ง ดิ่งลึก ในโลกแห่งสุนทรีย์ สบายดีนะครับ
โดย: ปอน ปอน IP: 58.9.226.115 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:26:48 น.
  
ไม่ได้อ่าน "แจ๋วริมจอ" วันนั้น
แต่มาอ่านในนี้ก็อนาถใจดี - -*
(รู้ๆกันอยู่ว่าคนนี้มีจุดยืนต่อ Thai PBS และกลุ่มเนชั่นอย่างไร เพราะด่าได้ไม่จบสิ้นจริงๆ)

รายการนี้ไม่ได้ดูซักทีครับ - -
เพราะกลับบ้านมาไม่ทัน ฮ่าๆ
โดย: nanoguy IP: 125.24.117.124 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:53:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aloneagain.BlogGang.com

แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]

บทความทั้งหมด