ดู-อ่าน-ฟัง...มกราคม 2551 : American Gangster น่าผิดหวัง....กับหนังอีก 22 เรื่อง

*●....American Gangster....เพราะมี ริดลีย์ สก๊อตต์ เป็นผู้กำกับฯ พร้อมด้วยนักแสดงออสการ์ 2 คน (3 คน...ถ้ารวม คิวบา กูดดิ้ง จูเนียร์) ทำให้หวังว่าจะได้ดูหนังที่มีคุณภาพเหนือกว่านี้

การชู 2 ดาราบิ๊กเนมที่มีศักดิ์ศรีพอกัน หนังจึงออกลูกแทงกั๊กระหว่างหนังตำรวจเล็กๆ โค่นมาเฟียตัวเอ้(พ่วงด้วยตำรวจกังฉิน) กับหนังชีวประวัติมาเฟียผิวดำคนสำคัญในประวัติศาสตร์อเมริกัน ผลคือหนังไม่ไปทางไหนให้สุดสักทาง ความเข้มข้นอยู่ในระดับปานกลาง มิติของตัวละครผิวเผิน ใครอยากเห็นการเฉือนคมชิงไหวชิงพริบเอาล่อเอาเถิดล่ะก็ สงสัยจะผิดหวัง

ยิ่งตอนจบเห็นรอยยิ้มหวานๆ ของ เดนเซล วอชิงตัน ทำเอาเซ็งไปเลย จะให้เป็น ผู้ร้ายผู้แสนดี อย่างนี้ไม่เลี่ยนไปหน่อยหรือ

อีกเรื่องที่ทำเซ็งคือ การเซ็นเซอร์ บังเอิญเป็นกรณีพร้อมกับ Sweeney Todd : The Demon Barber of Fleet Street พอดิบพอดี สงสัยจะกลับมาเฮี้ยนในจอหนังอีกครั้ง

●....Cloverfield....จากจุดประสงค์ของคนสร้างว่าต้องการนำเสนออะไร วิธีไหน ผลลัพธ์ออกมาถือว่าโอเค

การเล่าเรื่องด้วยกล้องของผู้อยู่ในเหตุการณ์อาจจะไม่แปลกเท่าไหร่ แต่การผูกเรื่อง สร้างสถานการณ์ โดยเฉพาะเรื่อง "เทปม้วนเดียวกัน" ในกล้อง คือจุดที่ทำให้หนังจับต้องได้ มีชีวิตขึ้นมา

อ้อ!...อยากจะบอกว่าหนังเรื่องหนึ่งก็คือหนังเรื่องหนึ่ง แค่นั้น...จบ ใครจะตามเก็บส่วนที่อยู่นอกเหนือจากหนังก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่าดูแค่หนังแล้วจะเหมือนดูหนังไม่เต็มเรื่อง ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก

●....Across the Universe....เชื่อว่าต้นทุนเพลงของ The Beatles ของแต่ละคน จะเป็นปัจจัยสำคัญต่อความชอบหนังเรื่องนี้ หมายถึงทำให้คนที่ชอบ The Beatles มาก่อน มีโอกาสชอบหนังเรื่องนี้มากขึ้น แทนที่จะเฉยๆ หรือชอบไม่มากนัก และอาจชอบมากกว่าคนที่ไม่คุ้นเคยกับเพลงของ The Beatles

ความวิเศษของหนังสำหรับคนชอบเพลง The Beatles คือ เพลงที่เคยชอบ ฟังมาไม่รู้กี่รอบ ถูกนำมาประกอบเรื่องราวได้อย่างเหมาะเจาะ เรียกว่าพอเพลงขึ้นก็เรียกรอยยิ้มได้เพราะรู้เนื้อหาของเพลงอยู่แล้วว่าใช่เลยกับฉากนี้ (เช่นฉากเพลง All My Loving)

บางเพลงก็ถูกให้ความหมายใหม่ หรือเพราะที่ผ่านมาเราได้แต่ฟัง ไม่เคยรู้ความหมายที่มา พอถูกนำมาใส่ให้คล้องจองกับเรื่องราว มันเลย "โดน" เช่นฉากเพลง Blackbird ที่ทำเอาน้ำตาซึม (นางเอกนั่งอยู่ริมน้ำกับพี่ หันมองรูปวาดบนผนัง) ส่วนฉากที่ชอบและคิดว่าดีที่สุดคือฉากเพลง Strawberry Fields Forever

หนังมีปัญหาเรื่องการลำดับจัดเรียงความสำคัญของตัวละคร เช่นเปิดหัวเรื่องด้วยโชว์เต็มรูปแบบของ พรูเดนซ์ ทั้งที่เธอเป็นแค่ตัวประกอบของเรื่องราวหลัก

อย่างที่บอก...ถ้าผมไม่ชอบ The Beatles มาก่อน ผมอาจจะเฉยๆ กับหนังก็ได้

*●....Reign Over Me....หนังเกี่ยวกับผลกระทบจากเหตุการณ์ 9/11 ไมค์ บินเดอร์ กำกับฯ-เขียนบท หนังมีสัดส่วนของคอมิดี้ น่ารัก อบอุ่น แทรกอยู่ตลอด ขณะเดียวกันส่วนของดราม่าก็ทำได้ดี น่าเชื่อถือ ไม่ฟูมฟาย ไม่น่าเชื่อว่า ดอน ชีเดิล กับ อดัม แซนด์เลอร์ ซึ่งดูคนละแนว จะเล่นเข้ากันได้ดีขนาดนี้

การแสดงของแซนด์เลอร์ในบทคนป่วยทางจิตใจเพราะสูญเสียครอบครัว ถ้าจะว่าดีก็ดี แต่บางมูฟเมนต์ประกอบกับน้ำเสียงออกไปทางคนผิดปกติอย่างที่เคยเห็นเขาแสดงใน Punch-Drunk Love มากกว่า แต่ให้ตายเหอะ!...แซนด์เลอร์กับผมหยิกกระเซิง ผมดูหนังไปก็คิดแต่ว่าหน้าเหมือน บ๊อบ ดิแลน มากๆ

สำหรับคนชอบเพลงร็อคยุค 70 ถึง 80 น่าจะชอบหนังเรื่องนี้ เพราะเป็นองค์ประกอบสำคัญทั้งเป็นเพลงประกอบและเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว ที่เด่นๆ ก็ The Who อัลบั้ม Quadrophenia โดยชื่อหนังมาจากเพลง Love, Reign o'er Me กับ บรู๊ซ สปริงสทีน อัลบั้ม The River

ชอบฉากที่แซนด์เลอร์หลอกถามจิตแพทย์ที่ปลอมตัวมาว่า "ชอบ Silver Bullets หรือ Seger System" ฝ่ายถูกถามอ้ำอึ้งแล้วตอบว่าชอบทั้ง 2 อัลบั้ม

●....28 Weeks Later กับ 28 Days Later....ดูภาคสองก่อน แม้จะดูแล้วเหนื่อย จังหวะบีบหัวใจมีต่อเนื่อง และจบแบบสิ้นหวัง แต่ผมชอบอารมณ์แบบนี้ มันค้างคาความรู้สึกดี ส่วนภาคแรกไปคนละฟีล ดูแล้วเหงา-เศร้า แม้ตอนจบจะมีความหวังอยู่บ้าง

เพราะภาคแรกสร้างจากนิยายของ อเล็กซ์ การ์แลนด์ ช่วงท้ายจึงเหมือน The Beach ที่เปลี่ยนพวกแบ็คแพ็คเป็นทหาร และเปลี่ยนคนไทยเป็นพวกติดเชื้อ

ที่ชอบมากๆ ทั้ง 2 ภาค คือดนตรีประกอบ เมโลดี้กับดนตรีสวยมาก ถ้าฟังต่างหากคงจินตนาการไปไกล แต่นี่เอามาใส่ในหนังแนวนี้เลยได้อารมณ์ไปอีกแบบ

*●....6 : 30....หนังอินดี้อินโดนีเซีย ผลงานกำกับฯเรื่องแรก นักแสดงโนเนม (พระเอกเป็นคนเขียนบทร่วมกับผู้กำกับฯ) ยกเว้น วิงกี วิรยาวัน ที่พอมีชื่อเสียง (แสดงเป็นลูกชายของครอบครัวแรกในเรื่อง Love for Share) ใช้ฉากซานฟรานซิสโกตลอดทั้งเรื่อง และกำหนดเรื่องราวให้เกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง อ่านบทวิจารณ์ ที่นี่ ครับ

●....Days of Glory (2006)....เรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ส่วนที่เราไม่มีโอกาสได้รับรู้ ไม่น่าเชื่อว่ากระบวนการ "กลืนชาติ" จะทำให้ชาวแอลจีเรียคิดและรู้สึกอย่างจริงจังว่าฝรั่งเศสคือแผ่นดินแม่อย่างที่เห็นในหนัง หนังดีมาก ชื่อหนังเย้ยหยันได้น่าเศร้า หากนำไปเปรียบเทียบแก่นสารกับ Saving Private Ryan จะเห็นความแตกต่างกันสุดขั้ว ทั้งที่เป็นสงครามเดียวกัน

●....Who's Camus Anyway? (2005)....หนังญี่ปุ่นเกี่ยวกับกองถ่ายหนังนักศึกษา อ้างอิงหนัง-ผู้กำกับฯขึ้นหิ้งหลายเรื่องหลายคน และอ้างถึง เมอโซ จากเรื่อง คนนอก ของ อัลแบร์ กามูส์ ชอบบรรยากาศกับโทนของหนัง แต่ยังไม่ค่อยเก็ตว่าผู้สร้างต้องการสื่ออะไร ถ้ามีโอกาสเขียนถึงค่อยมาว่ากันอีกที

●....Day Night Day Night (2006)....ผู้กำกับหญิง จูเลีย ล็อคเตฟ เกี่ยวกับหญิงสาววัย 19 รับหน้าที่ "ระเบิดพลีชีพ" ที่ไทม์สแควร์ นิวยอร์ค หนังไม่ได้พูดเรื่องขบวนการก่อการร้าย แม้หน้าตานางเอกจะดูให้เป็นชาวอาหรับก็ได้ แต่ผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆ กลับไม่ใช่อาหรับ

*ขั้นตอนมากมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าและเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้รู้สึกว่าเธอไม่ใช่ผู้กระทำ แต่เป็นผู้ถูกกระทำโดยมนุษย์หลากเชื้อชาติที่ห้อมล้อมตัวเธอ

●....Something Like Happiness หรือ Stesti....ยกให้เป็นหนังยอดเยี่ยมประจำเดือน หนังปี 2005 จากสาธารณรัฐเช็ก ของ โบห์ดาน สเลมา เรื่องนี้เขียนลงมติชนครับ อ่านได้ ที่นี่

มีเพลงให้ฟังด้วย I'm On The Corner Of Your Mind(I Love You) โดย Leonid Soybelmanโหลดมาจากเว็บไซต์ทางการของหนัง (ดนตรีประกอบตลอดทั้งเรื่องมาจากเพลงนี้เพลงเดียว)




●....Birthday Boy....หนังแอนิเมชั่น 10 นาที จากเกาหลีใต้ กำกับโดย Sejong Park ชิงออสการ์หนังแอนิเมชั่นขนาดสั้นปี 2005 ว่าด้วยเด็กชายตัวน้อยในเมืองชายแดนช่วงสงครามเกาหลี ได้รับกล่องพัสดุบรรจุของใช้ส่วนตัวของพ่อในวันเกิด ใครมีดีวีดีเรื่อง Who's Camus Anyway? อย่าลืมเปิดดูหนังสั้นเรื่องนี้

●....Backset Bingo...หนังสั้นอีกเรื่องที่มากับดีวีดีค่าย Film Movement (ชอบดีวีดีค่ายนี้จัง) เป็นแอนิเมชั่นสารคดีความยาว 6 นาที กำกับโดย ลิซ เบลเซอร์ ให้คนแก่(จริงๆ) 5-6 คน พูดถึงชีวิตรักและเซ็กซ์ แล้วค่อยนำมาเปลี่ยนเป็นแอนิเมชั่น

●....ได้ดูหนัง "จระเข้ยักษ์" 2 เรื่อง เรื่องแรก Lake Placid 2....ภาคสองที่หมายถึงดับเบิ้ลความห่วยของภาคแรก หนังดูแล้วฮามากกว่าตื่นเต้น แต่ก็ทำให้ผมไม่หลับและดูจนจบทั้งที่เริ่มดูตอนง่วงนอน

●....อีกเรื่อง Croc หนังทีวีปี 2007 เกี่ยวกับจระเข้ยักษ์อาละวาดจังหวัดกระบี่บ้านเรา เชอรี่ ผุงประเสริฐ เป็นนางเอก อีกคนที่คุ้นหน้าคือ ตะวัน แซ่ตั้ง เล่นเป็นหนึ่งในสองพี่น้องนักธุรกิจขาใหญ่ กำกับภาพโดย ชูชาติ นันทิธัญญธาดา (Beautiful Boxer, อาจารย์ใหญ่) ดาราที่พอจะมีชื่อมีคนเดียวคือ ไมเคิล แมดเซน

เรื่องนี้ฮาไม่แพ้กัน เช่น จระเข้มาอยู่ในสระว่ายน้ำ(ได้ไงไม่รู้) เจ้าหน้าที่สรรพากรออกทวงภาษีในชุดสูท บัตรประชาชนไทย(รุ่นใหม่) แช่น้ำทะเลแล้วรูปหลุดออกมา ฯลฯ มีฉากพูดถึงการจ่ายเงินให้เข้าไปนั่งในสภาจังหวัดด้วย ถ้าถ่ายทำหลัง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ สงสัยงบทไม่ผ่านเซ็นเซอร์(มั้ง)

●....Bad Jim (1990)....หนังเกี่ยวกับคาวบอย 3 คน ที่อยู่ๆ ก็ผันตัวเป็นโจรปล้นแบงก์ เจมส์ โบรลิน (พ่อของ จอร์ช โบรลิน) นำทีม เห็นคอมเมนต์ในเว็บ IMDB ว่า "Bad Jim" = Bad Film ....

●....American Pie Presents: The Naked Mile (2006)....เอา American Pie ภาคแรกมาดูซ้ำสัก 5 รอบ ยังรู้สึกเพลิดเพลินกว่าดูเรื่องนี้รอบเดียว ฉบับที่ฉายทาง HBO โดนตัดฉากโป๊ฉากยี้จนเหลือแค่ชั่วโมงนิดๆ

*●....Sweeney Todd : The Demon Barber of Fleet Street (1936)....หนังสวีนีย์ ท็อดด์ เวอร์ชั่นแรก เขียนถึงไว้แล้ว อ่านได้ ที่นี่ ครับ

●....The Wall (1962)....หนังสารคดีสั้นโฆษณาชวนเชื่อของสหรัฐอเมริกา ความยาว 9 นาที ให้เห็นถึงความเลวร้ายของคอมมิวนิสต์และกำแพงเบอร์ลิน มีภาพเด็กโดนยิงตายคากำแพง

●....Buffalo Dance (1894).....ฟิล์มรุ่นบุกเบิก 16 วินาที จากค่ายเอดิสัน เป็นภาพอินเดียนแดงเต้นรำ

●....What Happened on Twenty-Third Street, New York City (1901)....โดย เอ็ดวิน เอส. พอร์เตอร์ งานจากค่ายเอดิสันเช่นกัน ตั้งกล้องถ่ายริมถนน มีภาพกระโปรงผู้หญิงเผยิบขึ้นขณะเดินผ่านช่องลมบนพื้นถนนด้วย (มาก่อน มาริลิน มอนโร หลายสิบปี)

●....Princess Nicotine (1909)....ว่ากันว่าเป็นหนังที่ใช้สเปเชี่ยล เอ็ฟเฟคต์ เรื่องแรกๆ ของโลก ฉากผู้หญิงตัวจิ๋วอยู่บนโต๊ะโดยมีผู้ชาย(ขนาดปกติ) อยู่ใกล้ๆ เห็นแล้วก็ทึ่งกับเทคนิค 100 ปีก่อน

*●....What To Do In A Zombie Attack (2006)....หนังสั้นเพี้ยนๆ ฮาๆ ของ โฮเซ่ คาร์ริลโญ เลียนแบบหนังเพื่อการศึกษายุคทศวรรษ 50 ประเภท "ทำอย่างไรเมื่อเกิดระเบิดนิวเคลียร์" เปลี่ยนเป็น "ทำอย่างไรเมื่อซอมบี้บุกบ้าน" มี 2 เวอร์ชั่น 11 นาที กับ 13 นาที

●....ตั้งแต่ Sweeney Todd ลงมา หาชมได้ที่ archive.org

●....สังเกตไหมครับว่าเดือนนี้ผมดูหนังเยอะเป็นพิเศษ สาเหตุก็เพราะมีแต่ข่าวเซ็งๆ ตั้งแต่การเมืองจนถึงกีฬา (บุคคลที่ใช้เงินซื้อทุกอย่าง ซื้อ ฟุตบอลทีมชาติ เป็นเครื่องมือส่วนตัว โดยมี สมาคม เป็นนายหน้า!) เลยต้องหันไปพึ่งหนังให้ลืมๆ ไปบ้าง

●....สำหรับโทรทัศน์ในรอบเดือน....เดือนที่ครึ่งแรกหลายรายการงดออกอากาศเนื่องในกรณีพิเศษ แต่ละครน้ำเน่างดแค่ไม่กี่วัน อืม...เอากับมันสิ!

●....ปรบมือให้กับ ชีพจรโลก กับสุทธิชัย หยุ่น ในตอนที่ เทพชัย หย่อง พาไปดูการเลือกตั้งคอคัสที่ไอโอวา กับเลือกตั้งขั้นต้นที่นิวแฮมเชียร์ ได้เห็นกระบวนการ-ขั้นตอนที่ยากจะได้เห็นทางทีวีทั่วไป

●....อีกรายการที่น่าสนใจคือ จุดเปลี่ยน The Reality 4 ตอนจบ รายการพิเศษของ จุดเปลี่ยน ตามติดการเลิกเหล้าของ ปิ่นทอง ฤทธิธรรม แม้บางอย่างจะมีการจัดการจนไม่เรียลิตี้สักเท่าไหร่ ประกอบกับการเลือก ปิ่นทอง เป็นบุคคลต้นเรื่อง ดูจะเลือกตามสเปคการณรงค์เลิกเหล้าของ สสส. ซึ่งเป็นสปอนเซอร์อย่างเห็นได้ชัด แต่โดยภาพรวมก็ถือว่าตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ได้ตรงเป้า... ●●



*●....และแล้วผมก็อ่านงานเขียนของ ออนอเร่ เดอ บัลซัค จบ 1 เล่ม

งานชุด 200 ปี บัลซัค ที่ สนพ.ผีเสื้อ พิมพ์ออกมาตั้งแต่ปี 2544 จำนวน 4 เล่ม (ตอนแรกว่าจะพิมพ์อีก 2 เล่ม ในปี 2546 แต่ไม่เห็นมีออกมา) ผมเคยหยิบ เออเฌนี กร็องเด้ต์ มาอ่านเมื่อคราวได้ดูหนังฝรั่งเศสเรื่อง The Man on the Train แล้วมีนิยายเล่มนี้อยู่ในฉากสำคัญ แต่อ่านไปได้ไม่กี่หน้าก็ต้องหยุดอ่าน เนื่องจากถ้อยคำและการบรรยายเรียกร้องให้ต้องใช้เวลาและสมาธิสูงในการจินตนาการตาม แต่ตอนนั้นเวลาในการอ่านหนังสือมักเป็นช่วงสั้นๆ ไม่ต่อเนื่อง เหมาะกับการอ่านคอลัมน์ บทความ หรือเรื่องสั้นมากกว่า ถ้าเป็นนิยายก็ต้องอ่านง่ายกว่านี้

ได้โอกาสละเลียดอ่านไม่รีบร้อนจึงตั้งต้นอ่านแบบเรียงปีที่เขียน เล่มแรกคือ หญิงรักร้าง ประกอบด้วยเรื่องสั้นขนาดยาว(มาก) 2 เรื่อง ได้แก่ หญิงรักร้าง และ ซาร์ราซีน เขียนไว้เมื่อปี 1832 และ 1830 ตามลำดับ แปลโดย วัลยา วิวัฒน์ศร

หญิงรักร้าง เกี่ยวกับขุนนางหนุ่มน้อยเทิดทูนหญิงสูงศักดิ์ผู้ถูกคนรักทิ้งเธอไปแต่งงานกับหญิงอื่น อารมณ์รักอันทุ่มเทหมดใจ กับวัยวุฒิและสถานะแตกต่างของตัวละคร ทำให้นึกถึง ข้างหลังภาพ ของ ศรีบูรพา ส่วน ซาร์ราซีน เป็นเรื่องเล่าซ้อนอยู่ในเรื่อง เกี่ยวกับประติมากรหนุ่มฝรั่งเศสหลงรักนักร้องชาวอิตาเลียน

จาก 2 เรื่องนี้ พอจะบอกได้ว่าบัลซัคมุ่งเข้าถึงความเป็นมนุษย์ จำพวกรัก โลภ โกรธ หลง ภายใต้ฉากหน้าสังคมชั้นสูงของฝรั่งเศส บรรยายพฤติกรรมธรรมชาติได้เก่งกาจ โดยไม่ใช่ด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ-เหยียดหยัน เขาไม่ใช่นักเขียน-นักปรัชญา แต่เป็นนักเขียนที่มีชะตากรรมและพฤติกรรมมนุษย์เป็นแรงบันดาลใจ คงต้องตามอ่านเล่มต่อๆ ไปว่าจะเป็นอย่างไร

*●....เพิ่งได้อ่านการ์ตูน My Mania รวมเรื่องสั้น จิตหลุด! ของ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ ที่มีตอนหนึ่งถูกนำไปสร้างหนัง 13 เกมสยอง ยอมรับเลยว่าเจ๋งจริง

●....หากเซ็งกับความเห็นเกี่ยวกับหนังของนักวิชาการด้านสื่อบางคน มาอ่านบทความเรื่อง Lust, Caution : ความซ้ำซากแบบจีน จาก Ang Lee โดย ธนา วงศ์ญาณณาเวช ใน สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ กันดีกว่า เริ่มตอนแรกฉบับสัปดาห์ปลายเดือนมกราคม

ธนา วงศ์ญาณณาเวช เป็นนามปากกาของ ธเนศ วงศ์ยานนาวา อาจารย์รัฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ผมชอบอ่านงานเขียนเกี่ยวกับหนังของอาจารย์ เพราะมีมุมมองด้านสังคมศาสตร์-ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ที่สำคัญคือเขียนต่อเนื่องยาวนานหลายปีแล้ว ผมว่าหาไม่ได้ง่ายๆ นะครับ นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์เขียนวิเคราะห์หนังให้อ่านทุกสัปดาห์ (เคยเขียนเกี่ยวกับดนตรีด้วย)

●....ใครเป็นแฟนนิตยสาร way เห็นไม่โผล่บนแผงตั้งแต่เดือนธันวาคมก็อย่าเพิ่งใจแป้ว สอบถาม พรเทพ เฮง หัวหน้ากองบรรณาธิการ ได้ความว่าเกิดขัดข้องทางเทคนิค ไม่ได้หายไปไหน เล่มใหม่จะควบทีเดียว 2 เดือน

●....นี่ก็เงียบผิดปกติ สำหรับผลการประกวด บทวิจารณ์วรรณกรรมดีเด่น กองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ประจำปี 2550 ทุกปีจะประกาศผลและมีข่าวเผยแพร่ช่วงปลายปี แต่รอบปีนี้กว่าที่ผมจะรู้ผลก็ปลายเดือนมกราคมแล้ว โดยหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าว(เท่าที่เห็น) มีแค่เดลินิวส์กับโพสต์ทูเดย์

นัทธนัย ประสานนาม รับรางวัล บทวิจารณ์วรรณกรรมชมเชย ไม่มีใครได้ ดีเด่น ด้านพิธีมอบรางวัลและงานรำลึก ม.ล.บุญเหลือ ก็งดจัดเนื่องในกรณีพิเศษ

ปัจจุบัน นัทธนัย เป็นอาจารย์ภาควิชาวรรณคดี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นี่เป็น ประวัติ และ บล็อก ของเขา... ●●



*●....อัลบั้มแห่งการรอคอย Into the Light ของ ชาตรี คงสุวรรณ

น่าจะมากกว่า 10 ปีที่ผมลุ้นว่าเมื่อไหร่ ชาตรี คงสุวรรณ จะทำอัลบั้มเดี่ยวสักที ออกจากแกรมมี่ตั้ง คราฟท์แมน เรคคอร์ด ก็ยังไม่มีวี่แวว กระทั่งอยู่ๆ ก็เห็นไปเป็นพรีเซนเตอร์เบียร์ พร้อมกับคลอดงานเดี่ยวตามออกมา

บอกตามตรงว่าตอนฟังครั้งแรกกับเพลงแรก Into the Light และเพลงที่สอง ลูกผู้ชายไม่หวั่นไหว รู้สึกผิดหวังพอสมควร เพราะไม่ใช่เพลงร็อค ดนตรีแน่นๆ เน้นโซโล่กีตาร์สวยๆ อย่างที่อยากฟังมาตลอด

แต่สักพักก็นึกได้ว่าสิ่งที่อยากฟังจากงานของ ชาตรี คงสุวรรณ นั้นเป็นความคาดหวังที่ผมคิดของผมเอง โดยประมวลจากงานตั้งแต่วง ดิ อินโนเซ็นต์ เป็นแบ็คอัพในนามวงพลอย ให้กับ ดนุพล แก้วกาญจน์ (น่าแปลกที่ประวัติช่วงนี้มักถูกคนลืมหรือละข้าม) แบ็คอัพในคอนเสิร์ตปึ้กของ เรวัต พุทธินันทน์ อยู่เบื้องหลังเพลงและอัลบั้มดังๆ มากมาย ที่สำคัญคือความประทับใจในฐานะ กีตาร์ฮีโร่ งานเดี่ยวก็น่าจะออกมาในรูปรอยที่คุ้นเคย และมีกีตาร์เป็นพระเอก

ผ่านเวลากว่า 10 ปี น่าจะเป็นคำตอบได้ว่า Into the Light คืองานของ ชาตรี คงสุวรรณ ในแบบที่ควรจะเป็น ไม่มีใครโดดเด่นเป็นพระเอก แม้แต่กีตาร์และเสียงร้องที่เคยเป็นเอกลักษณ์ของชาตรี ปรับบทบาทเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเพลง และส่วนหนึ่งของอัลบั้มที่หลากหลายภายใต้เอกภาพเดียวกัน ที่ชอบอีกอย่างคือเนื้อหา เป็นมุมมองแบบผู้ใหญ่ เข้าถึงได้และเข้าใจง่าย

สุดท้ายผมฟังอัลบั้มนี้อย่างคนกระหายงานเพลงไทยดีๆ และยกให้เป็นหนึ่งในอัลบั้มที่ชอบที่สุดประจำปีนี้ไปเรียบร้อยแล้ว เพลงที่เลือกมาให้ฟังชื่อ เรื่องเล่าจากสายน้ำ




*●....โรเบิร์ต แพลนต์ กับ อลิสัน เคราส์ (Robert Plant & Alison Krauss) อัลบั้ม Raising Sand คนแรกเป็นอดีตนักร้องนำวงฮาร์ดร็อคตำนาน Led Zeppelin อีกคนเป็นนักร้องเพลงคันทรี่-บลูกราสส์ ซึ่งร้องเพลงออกอัลบั้มตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น

ผลลัพธ์คืองานเพลงที่ผสานเสียงร้องคุณภาพ กับบทเพลงที่มีส่วนผสมของร็อค บูลส์ โฟล์ค และคันทรี่

เลือกเพลง Killing the Blues มาให้ฟัง ติดอันดับที่ 51 เพลงยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของนิตยสาร Rolling Stone




*●....My Blueberry Nights หนังเรื่องล่าสุดของ หว่องกาไว ที่เงียบจนแทบจะลืมไปแล้ว เห็นว่ามีโปรแกรมเข้าฉายบ้านเราเดือนกุมภาพันธ์นี้

ฟังเพลง The Story โดย นอร่าห์ โจนส์ จากอัลบั้มซาวน์ดแทร็คที่รวมเพลงเก่า-ใหม่ไว้ด้วยกัน

เสียดายอัลบั้มนี้นอร่าห์ร้องเพลงเดียว น่าจะให้นางเอก(ของผม) ร้องเยอะหน่อย ... ●●





Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2551 22:33:04 น.
Counter : 1300 Pageviews.

18 comments
  

* American Gangster ผมก็ไม่ชอบครับ หนังมันดูธรรมดามากเลย + ผมต้องดูเพื่อเขียนสกู๊ปด้วยมั้งเลยยิ่งเซ็ง 555 (ดูแผ่นเถื่อน)

* Across the Universe ผมชอบประมาณ 3 ใน 4 ของเรื่อง แต่ตอนท้ายๆ ก็ไร้พลัง (อย่างน้อยที่สุด ฉาก All You Need Is Love น่าจะมีอะไรมากกว่านี้นะ) แล้วก็ดูมองโลกแง่ดีเหลือเกิน สงครงสงครามช่างมันแล้ว (อุตส่าห์บิวด์มาตั้งเยอะ)

* Who's Camus Anyway? เบื่อมากๆ แต่จนฉากสุดท้ายเข้าไป อึ้งเลย ช็อก ตกใจ อะไรกัน

* อยากลองอ่านงานของ Balzac เหมือนกัน ยังไม่เคยอ่านเลยครับ

* สุดท้าย ขอบคุณมากนะครับที่อุตส่าห์ทนอ่านเรื่องสั้นเพ้อเจ้อของผม
โดย: merveillesxx วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:56:46 น.
  
ขอให้เจ้าของบล็อกจงเจริญ เทอญ อ่านแล้วได้ความรู้ เล็กๆ น้อยๆ ก็ความรู้เหมือนกัน
โดย: คนริมเล IP: 202.142.193.21 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:22:40 น.
  
อ่านแล้วอยากดู 3 เรื่อง
●....Across the Universe
●....Reign Over Me
●....Something Like Happiness หรือ Stesti
ก็ได้แต่อยาก...ไม่ได้ดูสักเรื่อง
เพราะไม่รู้จะไปหาดูได้ที่ไหน
โดย: `yawaiam IP: 125.27.60.141 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:18:08:18 น.
  
++ Something Like Happiness ก็ยังไม่ได้ดู

++ Reign Over Me ก็ไม่ได้ดู ลังเลอยู่บ่อยเลยค่ะเวลาเห็นปกหนังเรื่องนี้

++ Cloverfield ชอบตรงที่ความหลังของพระเอกถูกลบไปทั้งในชีวิตจริงและในม้วนเทป

++ ไม่ทราบว่าการผันชื่อของ ธนา วงศ์ญาณณาเวช เป็น ธเนศ วงศ์ยานนาวา นั้น เป็นแรงบันดาลใจให้กับชื่อนามปากกาของ จขบ. ด้วยป่ะคะ
โดย: renton_renton วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:55:45 น.
  

ตอบ merveillesxx
ผมรู้สึกแปลกๆ กับบทพระเอก Across the Universe
หนังทำเหมือนพระเอกเป็นตัวแทนของ เดอะ บีเทิลส์ เพราะมาจากลิเวอร์พูล
แต่กลับเป็นตัวละครที่ไม่แยแสเรื่องสงครามเลย

ถ้านี่เป็นหนังที่ได้แรงบันดาลใจ และทำออกมาในเชิง tribute ให้ เดอะ บีเทิลส์
ทำไมจึงให้ภาพของตัวแทน เดอะ บีเทิลส์ เป็นแบบนี้

แต่คิดอีกที เดอะ บีเทิลส์ ช่วงที่ยังอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้สนใจเรื่องสังคมมากนัก
หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้สนใจมากเท่ากับช่วงแยกย้ายกันไปแล้ว

ตอบ คนริมเล
ขอบคุณครับ

ตอบ yawaiam
ไม่ได้อยู่กรุงเทพฯหรือครับ
Across the Universe ฉายที่ลิโด้
ส่วน Reign Over Me มีให้เช่าตามร้านทั่วไปครับ

ตอบ renton
ก็มีส่วน

------

ตกลงว่า Eastern Promises ที่ลิโด้
ตัด-ต่อฉากพระเอกกับโสเภณีจริงๆ ด้วย
เสียความรู้สึกจริงๆ

โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:1:05:55 น.
  
ฉากเชือดคอที่อวดการไหลพุ่งของเลือดถูกตัดออกไปประมาณ 2 ฉาก (ในร้านตัดผมตอนเริ่มเรื่องและที่สุสาน) ส่วนฉากที่คุณเสียความรู้สึกถูกตัดไปไม่นานเท่าไหร่ ทว่ามีเสียงบรรยายของทาเทียน่าประกอบอยู่ด้วย กล่าวถึงทัศนคติด้านบวกที่เคยมีต่อโลก ต่อลอนดอน ก่อนที่จะถูกความคิดใหม่เข้ามาครอบงำ รออ่านงานเขียนเรื่องนี้ของคุณอยู่เหมือนกันนะ
โดย: beerled IP: 203.154.187.189 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:51:51 น.
  
ยืมปารีส เชอแตม มาจากร้านเฟม
ตั้งแต่มกราคม(เอ๊ะ หรือธันวาคมปีที่แล้วหว่า)
จนบัดนี้ยังไม่ได้ดูเลย

เอาไปคืนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ดีกว่า
พี่เขาน่าจะดีใจจนอาจน้ำตาไหลพราก

ฮี่ๆๆ
โดย: ม่วนเอยม่วน ว่าล้วนอ่อนหวาน... (ม่วนน้อย ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:20:30:45 น.
  

ตอบ beerled
ฉากในร้านตัดผมกับสุสานตัดด้วยหรือครับ
ผมเห็นตอนปาดคอกับตอนแทงเลือดพุ่ง ภาพไม่สะดุด เลยไม่นึกว่าโดนตัด

ตอบ ม่วนน้อย
ยืม หมายถึงเช่ารึเปล่า
ค่าปรับไม่อานเลยเหรอ
โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:51:04 น.
  
เห...
จริงด้วย

งั้นไม่คืนดีกว่า
O____O
โดย: ม่วนหลังอาน IP: 125.24.3.243 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:34:18 น.
  
อ่านบทความเรื่องเซ็นเซอร์ในมติชนของคุณ แล้วกำลังรู้สึกอย่างเดียวกันเลย ตั้งแต่ Lust, Caution, Eastern promises, American gangster จนกระทั่งทนไม่ไหวแล้วในSweetneyทำไมคนคิดเซ็นเซอร์นี่ดูถูกคนดูจริงๆ คนซื้อตั๋วเข้าไปดูก็รู้อยู่แล้วว่าหนังเป็นประเภทไหน ไม่เหมือนโทรทัศน์บอกเรทติ้งแต่ใครจะมาคอยห้ามไม่ให้คุณดูในบ้านคุณ
แล้วทำไมโรงหนึ่งเซ็ฯเซอร์บางโรงไม่เซ็ฯเซอร์ มีหลักอะไร คนที่ดูโรงที่ถูกเซ็นเซอร์ฟ้องคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ไหม ผมคิดว่าตนพวกนี้ไอคิวมี แต่ไม่มีอีคิวในการชมภาพยนตร์
โดย: เซ็นเซ่อออออ IP: 58.8.152.60 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:00:17 น.
  
รักบล็อคนี้จังเลยค่ะ


โดย: เช้านี้ยังมีเธอ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:53:14 น.
  
ไม่ค่อยได้แว่บไปไหน
เพราะเน็ตเต่ายังไม่พอแถมเน่าอีกต่างหาก
ขอบคุณครับที่แวะไปเยี่ยมเยียนนานๆมาทีก็อ่านเสียจนปวดตา
เข้ามาเมืองหลวงกะว่าจะไปดูหนัง เอาไปเอามาก็ติดขัดไปหมด เทศกาลหนังญี่ปุ้นก็ชวดไปอีกตามเคย
ก็เลยต้องมาหาความบันเทิงจากบล็อคนี้
ขอบคุณมากทั้งหนัง เพลง หนังสือ
แค่นี้ก็สุขใจ(พอแล้ว)
โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:26:33 น.
  
ลืมบอก
ชอบเรื่องเล่าจากสายน้ำมาก
เท่จริงๆสมชาย -ชาตรี
เห็นทีจะต้องไปหาซื้อซีดีมาเก็บไว้
ขอบคุณมาก ไม่งั้นก็แป๋วว
โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:22:38:45 น.
  

ตอบ ม่วน
เอางั้นเลยเหรอ (น่าจะหลายๆ เรื่องนะ )

ตอบ เซ็นเซ่อออออ
ผมเองก็เขียนบ่นระบายไปน่ะครับ
จะหวังเปลี่ยนทัศนคติคนพวกนี้คงยาก

ตอบ
มารับดอกไม้ครับ

ตอบ สัญจร ดาวส่องทาง
ขอบคุณพี่ปอนที่แวะมาครับ
เทศกาลหนังญี่ปุ่นผมก็ชวดเหมือนกัน
โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:5:34:38 น.
  
ดู-อ่าน-ฟัง...บทสรุปแห่งมกรา

จุใจดี เดือนละครั้ง..

ดู-อ่าน-ฟัง...บทสรุปแห่งกุมภา

จะมีหนักรักนอกกระแสมาหรือเปล่า

โดย: ปุถุซน วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:37:21 น.
  

^
^
ช่วงนี้ดูแต่หนังมนุษย์ต่างดาว-สัตว์ประหลาดบุกโลก ยุค 50
โรแมนติกสุดสุด
โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:07:33 น.
  

นอกจากหนังแล้ว
ค้างหนังสือห้องสมุด วันนี้จ่ายไป 420 บาท




แง้ๆๆๆ ทำไมเราเป็นคนเช่นนี้หนอ
โดย: ม่วนไม่ออก IP: 202.44.136.50 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:11:20 น.
  

^
^
โห ค่าปรับ 420 บาท

เอามาซื้อหนังสืออ่านเองได้หลายเล่ม อิอิ

โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:35:24 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aloneagain.BlogGang.com

แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]

บทความทั้งหมด