|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
สุดท้ายเพื่อ...ตัวเอง
แตกต่าง แต่ ไม่แตกแยก คือ สิ่งที่สังคมอยากให้เกิด แตกต่าง แล้ว แตกแยก คือ สิ่งที่กำลังเป็นไป ดังจะเห็นได้จากการที่บ้านเมืองเป็นสองฝักสองฝ่ายอย่างชัดเจน หนึ่งคือ กลุ่มพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย อีกหนึ่ง คือ กลุ่มคนรักทักษิณ ที่แฝงมาตามม็อบ หรือการชุมนุมต่างๆ ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างก็พยายามออกมาเคลื่อนไหวเพื่อโจมตี ฝ่ายตรงข้าม ไม่เพียงการนำเสนอผ่านสื่อหลักเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายยังได้เพียรพยายามหาพื้นที่เพื่อแสดงจุดยืนของตนเอง จึงเป็นที่มาของ เอเอสทีวี (astvหรือ Asia Satellite TV ) และ พีทีวี (ptvหรือ people television)
เอเอสทีวี และพีทีวี ต่างก็เป็นสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งนั่นก็อาจเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ทั้งคู่เหมือนกัน เพราะนอกเหนือจากนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความต่างแบบสุดขั้ว เริ่มกันที่เจตนารมณ์ เอเอสทีวีประกาศโท่งๆ ตั้งแต่ก่อกำเนิดแล้ว ขออยู่คนละฟากกับรัฐบาลทักษิณ ตรงข้ามแบบสุดกู่ โดยมีนาย สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตร เป็นผู้คุมบังเหงียน
ช่วงที่ทักษิณยังเรืองอำนาจสนธิเน้นการโจมตีแบบใส่ไม่ยั้ง เรียกได้ว่าคุ้ยมาเท่าไหร่แฉให้หมด ทำให้ทักษิณเสียรังวัดไปพอตัว และทำให้อำนาจในมือเริ่มสั่นคลอน และสูญเสียไปในท้ายที่สุด
ขณะที่พีทีวี ทีวีเพื่อประชาชน นำโดย4จตุรเทพ คือ นาย วีระ มุสิกพงศ์ นาย จักรภพ เพ็ญแข นาย จตุพร พรหมพันธ์ และ นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ เป็นอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทยทั้งสิ้น ทำให้แทบไม่ต้องบอกก็รู้ว่า พีทีวี ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อต่อกรกับรัฐบาลชุดใหม่
แต่หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อการเผยแพร่สัญญาณ ตามกำหนดการถูกระงับ โดยการคัดค้านของ นาย ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ฝ่ายพีทีวี ไม่พอใจ และมองว่า รัฐบาลกำลัง เลือกปฏิบัติ เพราะในขณะที่ตนเองถูกระงับ เอเอสทีวี กลับดำเนินการได้อย่างหน้าตาเฉย
แต่มีหรือที่ฝ่ายพีทีวีจะยอมยกธงขาวง่ายๆ พวกเขาดำเนินการต่อ กันอย่างลับๆ จนได้ออกอากาศ ทาง สถานีโทรทัศน์เอ็มวีทีวี ช่อง1 หรือ สตาร์ แชนแนล แต่ก็ถูกระงับสัญญาณอีก ในระหว่างการแพร่ภาพรายการ เพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีเพื่อประชาชน และการถูกระงับครั้งนี้ เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดสะบั้นลง ก่อให้เกิดชนวนประทุขึ้นมาแทน
เพราะหลังจากนั้นฝ่ายพีทีวี ก็ได้นัดปรวมตัวกันที่สนามหลวงเพื่อปราศรัย โจมตีบทบาทของ คมช และการทำงานของรัฐบาล และอีกนัยเป็นการพยายามดิสเครดิตรัฐบาลชุดนี้ สังเกตได้จากการปราศรัย แทบทุกครั้งหนีไม่พ้นการกระทบกระทั่งกับกำลังทหารหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พยายามเข้าไปควบคุม
เหมือนพีทีวีจะรู้ว่าเกมของพวกเขายังตกเป็นรอง จึงพยายามขยายฐานอำนาจ และก็ทำสำเร็จ เมื่อไปดึงเอา น.พ. เหวง โตจิราการ นาย ประทีบ อึ้งทรงธรรม รวมทั้งบรรดาแกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผ็ดจการ มาร่วมขึ้นเวทีปราศรัย โดยเฉพาะ น.พ.เหวงนั้นเคยขึ้นเวทีพันธมิตรมาก่อนด้วย เรียกได้ว่าเป็นการตบหน้ากลุ่มพันธมิตรเข้าฉาดใหญ่
การชุมนุมเพียงอย่างเดียวยังน้อยไปหากอยากมีชัย ฝ่ายพีทีวีจึงเดินหน้าขับเคลื่อนเพิ่มอีกทาง พวกเขาบันทึกเทปลงซีดี เพื่อนำแจกจ่ายให้กับประชาชน เนื้อหาในนั้นส่วนใหญ่เป็นข้อความโจมตี คมช.และ รัฐบาล ไม่เว้นแม้กระทั่ง ประธานองคมนตรี อย่าง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่อุกอาจมาก เพราะพล.อ.เปรมเป็นเหมือนตัวแทนของในหลวง
รวมทั้งข้อความตามทางขึ้นสะพานลอย คมช.ออกไป ที่มีให้เห็นอยู่เกลื่อนกลาดมองผิวเผินเหมือนจะเป็นฝีมือของคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร แต่หลายคนเชื่อว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นฝีมือการว่าจ้างของ พีทีวี เนื่องจากสีและลักษณะตัวอักษรของข้อความนั้นไม่ว่าเจอที่ไหน ต้องร้องอ๋อ เพราะดันเหมือนกันแทบทุกที่
เมื่อฝ่ายพีทีวี ออกมาชุมนุมเรียกร้องหาประชาธิปไตย จนถูกตั้งแกมยัดเยียด ให้เป็นม็อบพีทีวี หรือ ฝูงชนบ้าคลั่งไปเสียแล้ว ซึ่งทางเอเอสทีวีก็ไม่ได้นิ่งเฉยยืนให้เขาต่อย แม้จะไม่ได้เคลื่อนไหวผ่านการชุมนุม แต่พวกเขาก็ออกมาตอบโต้ผ่านสื่อในมือที่พวกเขามี โดยการจัดรายการวิพากษ์ วิจารณ์การกระทำของฝ่ายพีทีวี รวมไปถึงการทำงานของรัฐบาลด้วย ใช้ชื่อรายการว่า ยามเฝ้าแผ่นดิน ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ทางช่อง นิวส์ วัน เพิ่มขึ้นจากในช่วงยุครัฐบาลทักษิณถึง4วัน ซึ่งวันจันทร์-พฤหัส จะเป็นการดำเนินรายการโดยสองพิธีกรหญิงที่จะสลับกันมาคือ จินดารัตน์ เจริญชัยชนะ กับสโรชา พรอุดมศักดิ์ ส่วนฝ่ายชายประกอบไปด้วย คำนูน สิทธิสมาน และ ปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ เนื้อหาหลักๆ คือใครวิพากษ์มา เราวิพากษ์กลับ
แต่วันศุกร์จะเป็นการฉายเดี่ยว ของ สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งคำพูดและเนื้อหาดูจะตรงไปตรงมา และมีความหนักหน่วงมากกว่าวันอื่นที่ออกอากาศ อย่างเช่นล่าสุดกล่าวโจมตี น.พ. เหวง โตจิราการ ว่าเป็นคนที่กลับกลอก เคยขึ้นเวทีพันธมิตรกล่าวโจมตีทักษิณว่าเป็นคนขายชาติ แต่มาวันนี้กลับอยู่ข้างพีทีวี และขึ้นพูดอย่างไม่อายว่า ผมรักทักษิณพร้อมกับประมวลภาพที่น.พ.เหวง ขึ้นพูดให้กับม็อบพีทีวี และตั้งชื่อให้ว่า โหวงเหวง เคว้งคว้าง กลางสนามหลวง นำแสดงโดย เหวง คนไม่มีราคา
แม้ทั้งสองฝ่ายจะออกมาพูดว่าเจตนาของตนเองคือ ต้องการเห็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นในสังคม แต่การกระทำจริงๆ แล้วไม่ใช่ ฝ่ายพีทีวี ที่ออกมาร่ำๆ เรียกร้องก็ไม่ใช่เพื่อสังคม แต่เป็นการเรียกร้องเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตนเองมากกว่า สังเกตได้จากการชุมนุมหลายครั้งมักเกิดการกระทบกระทั่ง เหมือนพยายามก่อกวนให้เกิดความแตกแยกเพื่อให้รัฐบาลชุดนี้หมดความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วโอกาสที่ทักษิณ ซึ่งหลายคนเชื่อกันว่าเป็นท่อน้ำเลี้ยงคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง จะกลับมาอีกครั้งก็เป็นไปได้สูงมาก ขณะที่ทางเอเอสทีวี ที่ดูเหมือนจะประกาศตนขออยู่ตรงข้ามกับฝ่ายทักษิณ แต่ไปๆ มาๆ กลับมาวิจารณ์คมช.และรัฐบาล ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่าตกลงแล้ว เอเอสทีวีจุดยืนอยู่ตรงไหน ซึ่งทุกครั้งที่มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์ ฝ่ายเอเอสทีวีก็จะสรรหาเหตุผลมาแก้ต่างทุกครั้งไป กลายเป็นว่าทุกวันนี้เอเอสทีวี พยายามปกป้องภาพลักษณ์ของตนเองให้ดูดีอยู่เสมอยามที่แลมองมา
Create Date : 16 กรกฎาคม 2550 |
|
14 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2550 15:06:07 น. |
Counter : 460 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: วลีรมย์ 16 กรกฎาคม 2550 22:48:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: วลีรมย์ 16 กรกฎาคม 2550 22:50:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: junaka 16 กรกฎาคม 2550 23:08:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: ขบถเจอาร์ (reaction ) 16 กรกฎาคม 2550 23:22:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: note182 (note182 ) 16 กรกฎาคม 2550 23:42:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: อัศวินม้าไม้ (V18 ปุยฝ้าย) (กล่องความทรงจำ ) 17 กรกฎาคม 2550 23:25:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: วลีรมย์ 19 กรกฎาคม 2550 20:46:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: กระต่ายน้อย (tai_kko ) 20 กรกฎาคม 2550 0:32:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: kunyingpoy (ตะวันว่าง ) 20 กรกฎาคม 2550 12:38:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ก.กานต์ (photograph ) 20 กรกฎาคม 2550 14:27:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: s-munvimol (ส.มั่นวิมล ) 23 กรกฎาคม 2550 9:29:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: คุณครูตัวกลม IP: 203.131.213.194 26 กรกฎาคม 2550 0:38:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: Sirikarm IP: 125.24.44.112 31 กรกฎาคม 2550 7:41:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สวัสดี่ค่ะ ทักทายค่ะ