Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2564
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 สิงหาคม 2564
 
All Blogs
 

บทที่ 8 เหล่านางกำนัล

บทที่ 8 เหล่านางกำนัล
 
พวกเราพากันเดินออกจากห้องพระนางซูสี แต่มีนางกำนัลสองคนที่ไม่ออกมาด้วย คนหนึ่งพูดกับฉันว่า “ฉันดีใจที่วันนี้จะได้พักสักนิด เพราะฉันอยู่เวรนั่งเฝ้าช่วงบ่ายมาสามวันติดแล้ว” ตอนแรกฉันไม่เข้าใจว่าเธอหมายความว่าอย่างไร แล้วเธอก็พูดต่อว่า “อ๋อ เธอยังไม่เคยอยู่เวรนี่นะ ไม่รู้ว่าเธอจะมีโอกาสได้อยู่เวรมั๊ย ชั้นสองคนต้องอยู่เวรพระนางงีบตอนบ่าย เพื่อเฝ้าดูขันทีและหญิงรับใช้อีกที” ฉันได้ยินแล้วก็นึกขำขึ้นมาว่า ตกลงจะมีคนอยู่ในห้องกี่คน ฮองเฮาพูดขึ้นว่า “พวกเราควรจะรีบไปพักสักนิดก่อนที่พระนางจะตื่นขึ้นมาแล้วเราก็จะหมดโอกาสนะ” แน่นอนฉันกะไม่ถูกว่า พระนางจะงีบชั่วครู่ หรือจะนานเป็นขั่วโมง พวกเราจึงรีบกลับไปห้องของตัวเองทันที ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเมื่อยล้าแค่ไหนจนได้นั่งลงพักนั่นแหละถึงได้รู้ว่าหมดแรงจนไม่สามารถจะลุกขึ้นมาและพร้อมที่จะหลับไปในทันที ฉันไม่ชินที่ต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า ทุกอย่างแปลกใหม่ต้องตั้งใจเรียนรู้ไม่ให้ผิดพลาด พลันนึกถึงตอนที่อยู่ปารีสว่าเราอาจจะเต้นรำกันข้ามคืนแล้วเข้านอนตอนตีห้า แต่ที่นี่ ฉันต้องเริ่มงานตั้งแต่ตีห้า มาทำอะไรต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคย ยังมีขันทีคอยวิ่งวุ่นดูแลเราราวกับเขาเป็นนางต้นห้อง ฉันบอกให้เขาไปพักได้แล้วฉันก็จะได้นอนพักเสียที ปรากฏว่า เขากลับเข้ามาพร้อมชาและขนมหวาน และถามว่าเราต้องการอะไรอีก ซึ่งตอนนั้นฉันก็กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองอยู่พอดี เขายังบอกอีกว่า “มีคนมาขอพบ” แล้วก็มีนางกำนัลสองคนเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กสาวอายุราวสิบเจ็ดเข้ามาด้วย ฉันเห็นเด็กคนนี้ตั้งแต่เมื่อเช้าแต่ไม่มีใครแนะนำให้รู้จัก นางกำนัลพูดขึ้นว่า “พวกเรามาดูว่าท่านสบายดีไหม” ฉันนึกในใจว่าพวกเธอใจดีที่อุตส่าห์มาถามไถ่แต่ฉันรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย พวกเธอแนะนำหญิงสาวที่มาด้วยว่าชื่อ ชุนโซว (แปลว่า อายุยืนยาว) แต่ดูแล้วเธอไม่น่าจะอายุยืน ทั้งผอม ไม่มีเรี่ยวแรง ดูเหมือนคนป่วย ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน เธอแสดงความเคารพฉันด้วยการย่อตัว ฉันรับการเคารพด้วยการย่อตัวลงเพียงครึ่งเดียว (ปกติเราจะค้อมตัวพร้อมกับย่อเข่า เพื่อแสดงความเคารพพระนางซูสี จักรพรรดิ และ ฮองเฮา แต่ถ้าเราอยู่กับคนที่มีศักดิ์ต่ำกว่าเราจะยืนตรงให้เขาย่อตัวทำความเคารพเราก่อน จากนั้นเราจึงตอบรับด้วยการย่อตัวเพียงเล็กน้อย)
 
นางกำนัลพูดต่อว่า พ่อของชุนโซวเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อย เธอจึงไม่มีเส้นสายหรือลู่ทางที่จะเข้ามาอยู่ในวัง เธอยังไม่ได้เป็นนางกำนัล หรือ หญิงรับใช้ หรืออะไรทั้งสิ้น” ฉันแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อได้ยินดังนั้นและยังสงสัยว่า แล้วเธอกำลังเป็นอะไรอยู่ในตอนนี้ เมื่อเช้าฉันเห็นเธอนั่งอยู่กับเหล่านางกำนัล ฉันจึงเชิญให้เธอนั่งลง นางกำนัลทั้งสองคนซักไซร้ฉันว่า ฉันทำงานเหนื่อยไหม ชอบพระนางไหม ฉันตอบไปว่า พระนางเป็นผู้หญิงที่ใจดี น่ารัก มากที่สุดคนหนึ่ง และฉันก็รักพระนางมากๆ ถึงแม้จะเพิ่งมาอยู่ไม่กี่วัน พวกนางหันไปมองชุนโซวและยิ้มให้กันแบบที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกๆ พวกเธอถามฉันอีกว่า “เธออยากจะอยู่ที่นี่เหรอ เธอจะอยู่นานแค่ไหน” ฉันบอกไปว่า ฉันคงจะอยู่นานทีเดียว เพื่อที่จะถวายงานพระนางให้ดีที่สุด เพราะพระนางดีกับเราแม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ และฉันถือเป็นหน้าที่ที่จะทำงานให้พระนางและประเทศของเรา พวกเธอหัวเราะและบอกว่า “ช่างน่าสงสาร เธออย่าได้หวังว่า ใครจะมาขอบคุณที่เธอทำงานหนัก ไม่ว่าเธอจะตั้งใจแค่ไหน ถ้าเธอตั้งใจจะทำอย่างที่เพิ่งพูดไปจริงๆ ละก้อ ไม่มีใครจะชอบใจและเข้าพวกกับเธอหรอกนะ”
 
ฉันยังสงสัยว่าพวกเธอพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ จึงคิดจะตัดบทเปลี่ยนเรื่องพูดไปถามเรื่องใครทำผมให้ สั่งทำรองเท้าที่ไหน พวกเธอตอบเพียงว่า หญิงรับใช้ของเธอจัดการดูแลให้ แล้วชุนโซว ก็หันไปบอกพวกเธอว่า “บอกเธอสิว่าวังนี้เป็นอย่างไร พอเธอพบความจริงเธอจะได้เปลี่ยนใจ” ฉันไม่ชอบชุนโซวเอาเสียเลย ศีรษะเล็ก ริมฝีปากบาง เมื่อเธอหัวเราะหน้าเธอนิ่งเฉย มีแต่เสียงหัวเราะลอดออกมา ฉันพยายามพูดเรื่องอื่นก่อนที่พวกเธอจะพูดนินทาอะไรอีก พวกเธอรู้ทันว่าฉันพยายามเลี่ยงจึงพูดว่า “มาบอกเธอตรงๆ กันเถอะไม่มีใครรู้หรอก พวกเราชอบเธอมาก เลยอยากจะเตือนเธอไว้ เธอจะได้ตรียมแก้ตัวเมื่อตกที่นั่งลำบาก” ฉันตอบไปว่าฉันทำงานด้วยความรอบคอบ และไม่คิดว่าจะมีปัญหาใดๆ พวกเธอหัวเราะแล้วพูดว่า “”นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก ยังไง พระนางก็หาเรื่องติได้อยู่ดี”  ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเองที่พวกเธอพูดอย่างนี้ ตอนแรกฉันนึกจะขอให้เธอหยุดพูด แต่ก็เปลี่ยนใจว่าไม่อยากสร้างศัตรู จึงเพียงแต่บอกไปว่า พระนางเป็นคนใจดี มีเมตตาจึงเป็นไปไม่ได้ ที่พระนางจะหาเรื่องมาติพวกเราซึ่งเป็นคนของพระนางเอง แต่ก็นั่นแหละ พระนางก็ทำกับเราได้ทุกอย่างตามที่พระนางประสงค์อยู่แล้ว  พวกเธอพูดต่ออีกว่า “เธอยังไม่เข้าใจหรอก ว่าในวังนี่มันบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนอย่างไร มีทั้งเรื่องทรมานกาย ทรมานใจ ทำให้ทนทุกข์ที่เธอนึกไม่ถึงแน่นอน พวกเราเข้าใจว่าเธอคิดจะอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขด้วยการเป็นนางกำนัลถวายงานให้พระนาง วันที่แย่ของเธอยังมาไม่ถึงตอนนี้หรอก เพราะเธอยังเป็นคนใหม่ พระนางใจดีกับเธอก็แค่ช่วงใหม่ๆ นี่แหละ อีกหน่อยพระนางก็จะเบื่อเธอ แล้วเธอก็จะเห็นเอง พวกเราเต็มกลืนกับชีวิตในวังเต็มที เธอรู้จักหัวหน้าขันที ลิเลียนยิงแล้วนี่ เขาน่ะคุมวังนี้ทั้งหมด พวกเราทุกคนกลัวเขาทั้งนั้น เขามักจะแสดงว่า เขาไม่อาจโน้มน้าวพระนางซูสีได้ แต่ที่จริงแล้วเมื่อเขาจะลงโทษใครสักคนเขาจะฟ้องพระนางซูสี เพื่อจะได้ลงโทษคนๆ นั้น ถ้าพวกเรามีใครสักคนทำผิด เราจะต้องไปขอให้เขาช่วยพูดให้พระนางยกโทษ แต่เขาก็จะตอบเราว่าเขาไม่บังอาจขอพระนางให้อภัยโทษได้แล้วพระนางจะด่าเขาเสียเท่านั้นเอง ขันทีล้วนแต่เป็นคนเลว พวกเราเกลียดขันทีทุกคน พวกเราเห็นว่าขันทีนอบน้อมกับเธอมาก นั่นก็เพราะเธอเป็นคนโปรด ถ้าเธอได้เจอขันทีที่ร้ายกาจเหมือนที่เราเจอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็จะรู้ว่า มันสุดจะทน”
 
“พระนางซูสี อารมณ์ขึ้นลงตลอด พระนางอาจจะโปรดคนนี้วันนี้ แต่พรุ่งนี้อาจจะเกลียดคนเดียวกันนี้ยิ่งกว่ายาพิษ พระนางใช้แต่อารมณ์ และไม่เคยซาบซึ้งสิ่งใดๆ เลย แม้กระทั่งฮองเฮายังต้องกลัวเกรงลิเลียนยิง และทำดีกับเขา ที่จริงก็พวกเราทุกคนนั่นแหละ ที่ต้องสุภาพนอบน้อมกับเขา” พวกเธอพูดกันยืดยาวจนฉันนึกว่าเธอจะไม่ยอมหยุดเสียแล้ว ถึงตอนนี้ขันทีหวางก็นำชามาให้พวกเรา พลันก็มีเสียงตะโกนต่อกันเป็นทอดๆ มาแต่ไกล ฉันถามขันทีหวางว่า เกิดอะไรขึ้น แล้วก็มีขันทีอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงานว่า พระนางซูสี ตื่นนอนแล้ว ทั้งสามสาวลุกขึ้นบอกว่า พวกเธอต้องไปอยู่เฝ้าพระนางแล้วก็ออกจากห้องไป ฉันไม่ชอบใจเลยที่พวกเขามาหาฉัน มาพูดเรื่องเลวร้ายสารพัด ฉันได้แต่หวังว่าคงจะไม่มากันอีก มันทำให้ฉันสลดใจที่เขามาพูดถึงพระนางในทางที่ไม่ดี ฉันรักและชื่นชมพระนางตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในวัง จึงคิดว่า จะลืมสิ่งสิ่งที่พวกเธอพูดทั้งหมด
 
ฉันแอบฉุนพวกนางที่ทำให้ฉันไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า และยังต้องลุกไปห้องพระนางในทันที ที่ห้องบรรทม พระนางนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง  มีโต๊ะตัวเล็กๆ วางอยู่ข้างหน้า พระนางยิ้มแล้วถามว่า “ได้พักรึยัง ได้หลับสักงีบไหม” ฉันจึงตอบว่า ฉันไม่ง่วงและนอนไม่หลับในตอนกลางวัน พระนางตอบว่า “อีกหน่อยพอเธอแก่เท่าฉัน เธอจะงีบหลับได้ทุกเวลา ตอนนี้เธอยังเด็ก มีแต่เรื่องสนุก แต่ดูเธอเหนื่อยๆ นะ เธอแอบไปเก็บดอกไม้บนเขาหรือ ไปเดินที่ไหนมารึเปล่า” ฉันจึงตอบเพียงว่า “ค่ะ” แล้วนางกำนัลสองคนนั่นก็เข้ามาในห้อง มาช่วยส่งสิ่งของล้างหน้าให้พระนาง ฉันมองพวกเธอแล้วก็ละอายแทนที่นินทาพระนางอย่างนั้น  พระนางล้างหน้าเสร็จแล้วก็หวีผม เด็กรับใช้นำดอกไม้สดเข้ามา มีทั้ง ดอกมะลิ และดอกกุหลาบพระนางกลัดดอกไม้เข้ากับมวยผม และบอกกับฉันว่า “ยังไงฉันก็ชอบดอกไม้สดมากกว่าหยกมากกว่ามุกอยู่ดี ฉันชอบที่เห็นตั้งแต่มันเป็นต้นเล็กๆ คอยรดน้ำจนมันโต ตั้งแต่เธอมานี่ฉันยุ่งตลอดไม่ว่างไปดูแลต้นไม้เลย บอกให้เขาเตรียมมื้อเย็นได้เลยนะ ทานข้าวเสร็จแล้วจะได้ไปเดินดูเสียหน่อย” ฉันเดินออกมาสั่งขันทีตามนั้น แล้วก็นำขนมขบเคี้ยวเข้าไปให้พระนางก่อนมื้ออาหารเช่นเคย แต่ตอนนี้พระนางเปลี่ยนชุดใหม่และมาที่ห้องโถงใหญ่ เล่นถอดไพ่ด้วยตัวโดมิโน ขันทีมากางโต๊ะอาหารเช่นเคย พระนางหยุดเล่น และเริ่มรับประทานอาหาร พระนางถามฉันว่า “ชีวิตในวังเป็นยังไงบ้าง เธอชอบไหม”  ฉันตอบไปว่า ฉันมีความสุขมากที่ได้ถวายงานพระนางๆ ถามต่อว่า  “เมืองปารีสที่ใครๆ ก็พูดว่าสวยงาม เลิศเลอ มันเป็นอย่างไรกัน เธอไปอยู่ที่นั่นมีความสุขดีรึ แล้วเธอยังอยากกลับไปอีกมั๊ยล่ะ เธอจากบ้านเกิดเมืองนอนไปตั้ง 3-4 ปี ฉันคิดว่าพวกเธอคงดีใจที่พ่อของเธอหมดวาระได้กลับบ้านเสียที”
 
ฉันไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรที่จะไม่ทำให้พระนางเสียใจนอกจาก “ค่ะ” เพราะอันที่จริงฉันไม่อยากลาจากปารีสมาเลย พระนางพูดต่อไปอีกว่า “ฉันว่าในประเทศจีนของเราก็มีทุกอย่างเพียงแต่การดำเนินชีวิตอาจจะต่างกันบ้าง เอ่อ แล้ว เรื่องเต้นรำ ล่ะ มันเป็นอย่างไรกัน มีคนบอกฉันว่า ให้สองคนจับมือกันแล้วกระโดดไปทั่วห้อง นึกดูไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหน เธอต้องจับคู่เต้นกระโดดขึ้นๆ ลงๆ กับผู้ชายด้วยไหม  เขาเล่าว่า คนแก่ผมขาวแล้วก็ยังเต้นกันอยู่” ฉันอธิบายพระนางว่า งานเต้นรำมีตั้งแต่งานใหญ่โตที่จัดโดยประธานาธิบดี หรือ งานเลี้ยงที่จัดกันทั่วไป ไปจนถึงงานแฟนซีสวมหน้ากาก พระนางตอบว่า “งานเต้นรำสวมหน้ากากไม่เห็นจะเข้าท่าเลย สวมหน้ากากแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราเต้นอยู่กับใคร” ฉันเล่าต่อว่า การ์ดเชิญเข้าร่วมงานจะระบุตัวบุคคล และหากใครมีความประพฤติไม่เหมาะสมก็จะไม่สามารถเข้ามาในสังคมชั้นสูงนี้ได้เลย พระนางจึงว่า “ฉันอยากเห็นว่ากระโดดกันยังไง เธอทำให้ดูหน่อยได้ไหม” ฉันจึงไปเดินตามหาน้องสาว เธอกำลังคุยอยู่กับฮองเฮา ฉันบอกเธอว่าพระนางอยากเห็นว่าทางยุโรปเต้นรำกันอย่างไร และเราจะต้องแสดงให้พระนางชม ฮองเฮาและนางกำนัลพอได้ยินเข้าก็อยากชมการแสดงด้วย น้องสาวฉันบอกว่าเธอเห็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงในห้องนอนของพระนาง และน่าจะมีแผ่นเสียงอยู่ ฉันเห็นด้วยจึงไปขอพระนางเอาเครื่องเบ่นแผ่นเสียงมาเปิด พระนางว่า “อ้อ ต้องกระโดดไปกับเพลงรึ” ฉันแทบจะหลุดขำออกมาและบอกพระนางว่า เต้นกับดนตรีก็จะดีกว่า เพื่อจะมีจังหวะให้เต้นรำได้ พระนางสั่งขันทีให้ยกเครื่องเล่นแผ่นเสียงมายังห้องโถง “ระหว่างที่ฉันทานอาหารเย็นเธอก็กระโดดไปนะ” เราเลือกแผ่นเสียงที่มีอยู่ปรากฏว่ามีแต่เพลงจีน แต่โชคดี ในที่สุดเราก็เจอแผ่นเพลงวอลซ์ แล้วเราก็เต้นรำกัน ทุกคนมองเราเป็นตาเดียวเหมือนว่าสิ่งที่เราทำนั้นแปลกประหลาดเหลือเกิน เมื่อเราเต้นจบเพลงแล้ว พระนางก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันไม่มีวันจะทำเช่นนี้ได้แน่ เธอหมุนๆๆ ไม่เวียนหัวกันเลยรึ น่าจะปวดแข้งปวดขากันบ้างล่ะ มันก็ดูสวยงามนะ คล้ายๆ กับการเต้นแบบโบราณของเรา และมันก็ยากอยู่ที่จะเต้นให้สวยงาม แต่ว่าถ้าผู้หญิงกับผู้ชายเต้นด้วยกันแบบนี้ไม่น่าจะเข้าทีนะ ฉันไม่ยอมให้ผู้ชายมาจับเอวผู้หญิงหรอก ผู้หญิงเต้นคู่กันจะดูดีกว่า ในประเทศจีนเราไม่ให้ผู้หญิงใกล้ชิดกับผู้ชาย  แต่ต่างชาติน่ะเขาไม่คิดอย่างนั้น ข้อนี้เขาใจกว้างกว่าเรา เอ่อ จริงไหม ที่ชาวต่างชาติมักไม่เคารพพ่อแม่ตัวเอง ว่าเขาจะทุบตีพ่อแม่ หรือ ให้ออกจากบ้านไปอยู่ที่อื่นเสียก็ได้” ฉันตอบพระนางว่า ไม่เป็นเช่นนั้น และหากมีใครบอกพระนางอย่างนั้น เขาคงจะเข้าใจผิดแน่ๆ พระนางจึงพูดขึ้นว่า “ฉันว่า มันก็เป็นไปได้ ที่คนธรรมดาทั่วไปสักคนที่จะทำเรื่องอย่างนั้น แล้วบางคนก็เข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ชาวต่างขาติจะทำกับพ่อแม่ คนจีนที่เป็นชาวบ้านก็มีทำเหมือนกัน”  ฉันจึงแปลกใจว่าใครรายงานเรื่องไร้สาระนี้ ให้พระนางเชื่อได้
 
ราวห้าโมงครึ่ง พระนางรับประทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย และประสงค์จะไปเดินเล่นที่เฉลียงริมทะเลสาบ พระนางพาเราชมดอกไม้ที่พระนางปลูกไว้เอง และก็เช่นเคย หากพระนางเดินไปทางไหนก็จะมีข้าราชบริพารเดินตามกันเป็นชุดเหมือนกับที่ไปว่าการที่ท้องพระโรงตอนเช้า เมื่อเดินไปได้ราว 15 นาที เราก็เดินมาถึงสุดทางเฉลียง พระนางสั่งให้นำม้านั่งไปวางบนบ้านทรงฤดูร้อนหลังหนึ่ง บ้านเหล่านี้สร้างด้วยไม้ไผ่ล้วนๆ รวมถึงเครื่องเรือนทุกชิ้นก็ทำจากไม้ไผ่ด้วย พระนางนั่งลงบนม้านั่ง ขันทีนำชา และดอกสายน้ำผึ้งมาถวาย พระนางสั่งขันทีให้นำน้ำชามาเสริฟ์พวกเราด้วย พระนางบอกว่า “นี่เป็นวิธีหาความสุขที่เรียบง่าย ฉันชอบนั่งชมทิวทัศน์ธรรมชาติ มีสถานที่สวยงามอีกหลายแห่งที่ฉันอยากให้เธอได้ชม  ฉันมั่นใจว่าถ้าเธอได้ไปแล้วเธอจะไม่นึกถึงต่างประเทศอีกเลย ไม่มีที่ไหนจะมีภูมิประเทศสวยเท่ากับที่นี่อีกแล้ว ข้าราชการบางคนที่กลับจากต่างประเทศเล่าว่าต้นไม้และภูเขาในต่างประเทศนั้นน่าเกลียด ไม่สวยงาม จริงไหม” ฉันรู้ทันทีว่ามีคนพยายามประจบพระนางโดยการเล่าความเท็จ ฉันจึงเล่าว่าในแต่ละประเทศที่ฉันไปล้วนมีภูมิประเทศสวยงาม แต่อาจจะแปลกแตกต่างจากประเทศของเรา ในระหว่างที่คุยกันอยู่ พระนางก็บอกว่า รู้สึกหนาว และถามฉันว่า “เธอหนาวไหม เธอก็มีขันทีประจำตัวอยู่แล้ว ยืนล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่มีอะไรทำ คราวหน้าบอกให้เขาถือ ผ้าคลุมมาให้เธอด้วย ฉันว่า ชุดฝรั่งนี่ไม่น่าจะใส่สบาย ถ้าไม่ร้อนไปก็น่าจะหนาวไป และดูว่ารัดเอวแน่นอย่างนั้นน่าจะรับประทานอะไรไม่ได้เลย” พระนางลุกขึ้นยืนและเดินกลับตำหนัก พระนางนั่งลงบนบัลลังก์เล็กในห้องโถง และเล่นถอดไพ่ พวกเราจึงเดินออกมาที่เฉลียง ฮองเฮาพูดกับเราว่า “เธอคงจะเหนื่อยมาก ฉันรู้ว่าเธอไม่ชินที่ทำงานทั้งวันโดยไม่หยุดพักเลย ถ้าเธอสวมชุดแมนจู คงจะคล่องตัวและไม่อึดอัดอย่างนี้ ดูหางยาวของชุดสิ เวลาเดินก็ต้องคอยยกชายขึ้น”
 
ฉันบอกเธอไปว่า ฉันอยากจะเปลี่ยนไปสวมชุดแมนจูแต่เมื่อพระนางยังไม่สั่งให้เปลี่ยน ฉันก็ไม่กล้าเสนอ ฮองเฮาแนะนำว่า “อย่าได้ขอพระนางเปลี่ยนชุดเชียว ฉันคิดว่าอีกไม่นานพระนางก็คงจะให้เธอเปลี่ยนมาสวมชุดแมนจูแล้วละ เพียงแต่ตอนนี้ พระนางอยากเห็นชุดปารีสหลายๆ แบบ ในต่างๆ วาระ พระนางสังเกตว่า หญิงต่างชาติบางคนที่มาร่วมงานปาร์ตี้ในสวนใส่ชุดผ้าทอจากขนสัตว์ เราเข้าใจว่าต่างชาติแต่งตัวไม่สวยงามเหมือนอย่างเรา จนได้พบกับมาดามแพลงซองวันก่อน  เธอจำที่พระนางบอกเธอได้ไหม ว่ามาดามแพลงซองแตกต่างจากหญิงชาวต่างชาติคนก่อนๆ ที่พระนางได้พบ รวมถึงแต่งตัวต่างกันด้วย” ชุดของมาดามใช้ผ้าชีฟอง เขียนลายผ้าด้วยมือ ซึ่งพระนางชอบมาก ขณะที่พูดคุยอยู่กับฮองเฮาโคมไฟฟ้าตลอดทางเดินก็สว่างขึ้น พวกเราจึงเดินกลับไปยังตำหนักเผื่อพระนางจะต้องการสิ่งใด พระนางชวนว่า “มาเล่นเกมส์โยนลูกเต๋าก่อนนอนเสียหน่อย” เราเล่นเกมส์เหมือนกับที่เล่นไปตอนบ่าย พระนางก็ชนะอีก แต่คราวนี้ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็เล่นจบ พระนางบอกฉันว่า “เธอจะเล่นให้ชนะฉันสักครั้งไม่ได้เหรอ” ฉันรู้ว่าพระนางล้อเล่นฉันจึงตอบไปว่า ฉันไม่มีโชคเอาเสียเลย พระนางหัวเราะแล้วว่า “งั้นพรุ่งนี้ให้สวมถุงน่องกลับด้านนะ รับรองว่าจะชนะแน่” ฉันรับคำว่าจะทำตามนั้นซึ่งพระนางก็พอใจ ตลอดช่วงเวลาสั้นๆ นี้ ฉันเฝ้าสังเกตพระนางตลอดเวลา และพบว่าไม่มีอะไรที่จะทำให้พระนางมีความสุขมากไปกว่า ที่ฉันปฏิบัติตามที่พระนางสั่ง พระนางบอกว่ารู้สึกเหนื่อย พวกเราจึงนำน้ำนมมาให้พระนางดื่ม พระนางบอกว่า “ฉันอยากให้เธอจุดธูปกำยานและกราบพระในห้องข้างๆ ก่อนฉันเข้านอน เธอไม่ได้เป็นคริสเตียนใช่ไหม เพราะถ้าเธอนับถือคริสต์ฉันจะรู้สึกว่าเธอไม่ใช่คนของฉัน บอกมาสิ ว่าเธอไม่ใช่คริสเตียน” ฉันถึงกับอึ้งไปกับคำถามที่นึกไม่ถึงนี้ และเพื่อให้ทุกอย่างเรียบร้อย ฉันจะต้องตอบว่า ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ ฉันรู้สึกผิดที่ต้องตอบไปอย่างนั้นแต่ก็คิดว่าเป็นเพราะไม่มีทางเลือกที่จะตอบเป็นอย่างอื่น เพราะหากไม่ตอบในทันที หรือแสดงความลังเล ก็จะถูกพระนางซักไซ้ไล่เลียงแน่นอน ถึงแม้ว่าฉันจะซ่อนคำลวงไว้ด้วยใบหน้าที่ปกติ แต่หัวใจฉันแทบจะหยุดเต้นด้วยความละอายที่ตอบพระนางไปเช่นนั้น เมื่อพระนางได้ยินฉันตอบว่า ไม่ได้เป็นคริสเตียน พระนางก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันชื่นชมเธอ ทั้งๆ ที่อยู่ท่ามกลางชาวตะวันตกมากมาย เธอก็ไม่ได้เปลี่ยนศาสนา แต่เธอยังคงยึดมั่นในศาสนาเดิม  ขอให้เธอเข้มแข็งอย่างนี้ไปตราบนานเท่านาน เธอไม่รู้หรอกว่าฉันดีใจแค่ไหน เพราะฉันนึกว่าเธอนับถือพระเจ้าของต่างชาติไปแล้ว ถึงเธอจะไม่อยากนับถือแต่เขาก็จะโน้มน้าวเธอให้ได้ เอาละ ฉันจะเข้านอนละ”
 
เราช่วยพระนางเปลี่ยนชุด และหน้าที่ฉันก็คือ นำเครื่องประดับไปเก็บ สิ่งที่พระนางยังสวมขณะเข้านอนคือ กำไลหยก 2 อัน พระนางเปลี่ยนเป็นชุดนอนและนอนบนผ้าไหมที่คลุมเตียงไว้ และบอกพวกเราว่า “พวกเธอไปได้แล้ว” เราถอนสายบัวและออกมาจากห้อง ที่ห้องโถงมีขันทีหกคนนั่งอยู่พื้นหินเย็นๆ พวกนี้จะนั่งเฝ้ายามห้ามนอนหลับตลอดทั้งคืน  ส่วนในห้องบรรทมจะมีขันทีสองคน เด็กรับใช้สองคน แม่บ้านสองคน และนางกำนัลอีกสองคน ทั้งหมดนี้ห้ามนอนหลับ เด็กรับใช้จะอยู่งานนวดขาทุกคืน แม่บ้านคอยดูเด็กรับใช้อีกที ส่วนขันทีก็คอยดูแม่บ้าน ส่วนนางกำนัลคอยดูทุกคนหากว่าจะทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง หรือ เป็นอันตรายต่อพระนาง ทุกคนจะจัดเวรกันในแต่ละวัน และหากขันทีดูไม่น่าไว้ใจ นางกำนัลก็จะต้องนั่งเฝ้าตลอดทั้งคืน พระนางจะไว้ใจนางกำนัลมากที่สุด ตอนแรกฉันถามขันทีว่ามีหน้าที่อะไรและเมื่อรู้แล้วว่ามานั่งเฝ้ากันเช่นนี้ ทำให้ฉันประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
 
จากนั้นนางกำนัลคนหนึ่งมาบอกฉันว่า มีเวรผลัดเปลี่ยนอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือ เวรคอยปลุกพระนางตอนเช้า ซึ่งเช้าพรุ่งนี้ให้เป็นเวรของฉัน และเช้าวันต่อไปจะเป็นเวรของน้องสาว พูดจบเธอก็ยิ้มแปลกๆ ซึ่งตอนนั้นฉันไม่เข้าใจ ฉันถามเธอว่า ฉันจะต้องปลุกพระนางอย่างไร เธอตอบว่า “ไม่มีวิธีกำหนดตายตัว เธอจะต้องคิดพิจารณาเอาเอง แต่อย่าให้พระนางโกรธก็แล้วกัน เมื่อเช้านี้เป็นเวรของฉัน ฉันรู้ว่าวันก่อนหน้านั้นพระนางเหนื่อยมาก และวันก่อนๆ ก็ต้องพยายามปลุกทุกวัน เมื่อเช้าฉันจึงปลุกพระนางด้วยเสียงเรียกที่ดังกว่าปกติ  พระนางโกรธมาก ด่าว่าฉันอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อพบว่าสายแล้ว อันนี้เป็นเรื่องปกติเมื่อพระนางตื่นสาย เราจะโดนตำหนิว่า เรียกเสียงเบาเกินไป แต่ว่า เรื่องนี้จะไม่เกิดกับเธอหรอก เพราะเธอยังเป็นคนใหม่ รอไปอีกสัก 2-3 เดือน ก็น่าจะได้เจอ” สิ่งที่นางกำนัลบอกทำให้ฉันวิตกมาก แต่เท่าที่ดูพระนางมาฉันก็ไม่คิดว่าพระนางจะโกรธคนที่ทำหน้าที่ได้อย่างพอเหมาะพอสม
 
 
 




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2564
0 comments
Last Update : 23 สิงหาคม 2564 21:04:01 น.
Counter : 792 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


พวงแสด ลำปาง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add พวงแสด ลำปาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.