Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2564
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 พฤษภาคม 2564
 
All Blogs
 
บทที่ 6 ถวายการรับใช้พระนางซูสี

บทที่ 6 ถวายการรับใช้พระนางซูสี
 
จากบทก่อนหน้าได้เล่าถึงตึกที่พักของเราว่าประกอบไปด้วยห้องขนาดใหญ่ถึงสี่ห้องพร้อมห้องโถงกลาง ดังนั้นเราสามคนแม่ลูกจึงแยกพักกันคนละห้อง และให้คนรับใช้ของเราได้พักห้องหนึ่ง พระนางได้จัดขันทีให้ติดตามดูแลพวกเราหนึ่งคน ซึ่งขันทีคนนี้บอกว่า พระนางยังสั่งให้ขันทีรุ่นเล็กมาคอยรับใช้พวกเราอีกสี่คน และหากขันทีเล็กพวกนี้รุ่มร่ามก็ให้แจ้งเขาได้เลย เขาแนะนำตัวเองว่า แซ่หลี่ แต่มีคนอีกมากมายที่แซ่หลี่ รวมถึงหัวหน้าขันทีด้วย ซึ่งบางทีก็อธิบายกันยากว่า กำลังพูดถึงแซ่หลี่คนไหนกันแน่
 
เมื่อเราเดินมาถึงที่พักซึ่งก็ใช้เวลาพอประมาณ ขันทีชี้ไปที่ตึกด้านขวามือว่าเป็นตำหนักของพระนางซูสีที่เราเพิ่งเดินจากมา ฉันก็สงสัยว่าทำไมเราจึงต้องเดินอ้อมตึกทั้งๆ ที่ ก็อยู่ใกล้กัน จึงได้ถามขันทีไป เขาตอบว่า ตึกของเรานั้นอยู่ฝั่งซ้ายมือของตำหนักจักรพรรดิ แต่ทางเดินจากตึกเราไปตำหนักพระนางซูสีถูกสั่งปิด เขาพูดว่า “ตึกของเรานั้นควรจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกไม่หันหน้าออกทะเลสาบอย่างนี้” แต่ทัศนียภาพทะเลสาบนั้นสวยงามฉันจึงตอบเขาว่า ฉันชอบแบบที่หันหน้าออกทะเลสาบนี้มากกว่า เขายิ้มและพูดว่าท่านอยู่ไปสักพักก็จะรู้เองว่าสถานที่นี้มีเรื่องราวโหดร้ายมากมาย ฉันแปลกใจที่ขันทีพูดอย่างนั้นแต่ไม่อยากจะถามอะไรอีกต่อไป เขายังพูดต่ออีกว่าตำหนักของจักรพรรดิอยู่เยื้องไปด้านหลังของเรานี่เองและมีขนาดใหญ่ไม่ต่างจากตำหนักของพระนางซูสี เรามองตามไปเห็นต้นไม้สูงโผล่พ้นหลังคาขึ้นมา แล้วเขาก็ชี้ไปที่อีกตึกหนึ่งอยู่ด้านหลังตำหนักจักรพรรดิ มีขนาดใหญ่กว่าแต่ไม่สูงเท่าตำหนักจักรพรรดิและยังมีลานขนาดใหญ่ด้วย เขาบอกว่าเป็นตำหนักของฮองเฮาประกอบด้วยตึกสองตึกขนาบข้างลาน ตึกทางซ้ายเป็นของพระสนม เดิมมีทางเชื่อมระหว่างตำหนักของจักรพรรดิและฮองเฮา แต่พระนางซูสีได้ปิดทางเดินเสียเพื่อไม่ให้จักรพรรดิและฮองเฮาติดต่อกัน เว้นแต่จะต้องเดินมาทางตำหนักของพระนางซูสีเท่านั้น ฉันเข้าใจว่าเป็นวิธีของพระนางที่จะเฝ้าดูจักรพรรดิและฮองเฮาให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ฉันไม่เคยรู้มาก่อนและคิดว่าฉันยังไม่สนใจหากเขาจะเล่าเรื่องอะไรมากไปกว่านี้ ฉันจึงบอกเขาว่าฉันรู้สึกเหนื่อยอยากพักและขอตัวกลับไปที่ห้อง เขาก็กลับไป
 
เมื่อเข้ามาถึงห้องพักก็ได้โอกาสสำรวจห้องซึ่งตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้มะเกลือ เบาะรองนั่งหุ้มผ้าซาตินสีแดง ม่านหน้าต่างเป็นผ้าไหมสีแดงเช่นกัน ห้องนอนเหมือนกันทุกห้อง คือ ส่วนเตียงทำด้วยอิฐปิดทับผิวด้วยไม้ ยาวตลอดผนังไปจนถึงหน้าต่าง เสามุมเตียงมีผ้าคลุมด้านบนแล้วปล่อยยาวลงมาเป็นม่านสีแดงรอบเตียง เตียงพวกนี้มีวิธีสร้างที่น่าสนใจ เขาก่ออิฐแล้วเว้นด้านหน้าให้เป็นช่อง สามารถจะใส่ฟืนให้ความอบอุ่นในฤดูหนาวได้ ในเวลากลางวันจะมีกล่องที่ครอบเตียงไว้ 
 
หลังจากที่เรามาถึงห้องพักไม่นาน ขันทีก็นำอาหารเย็นมาให้ โดยวางไว้ที่โต๊ะในโถงกลาง ขันทีแจ้งว่าพระนางสั่งให้จัดอาหารมาให้และให้ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่ที่บ้าน เนื่องจากพวกเราเหนื่อยกันมาทั้งวันจึงทานได้เพียงเล็กน้อย ในขณะที่กำลังจะเข้านอนนั้น ขันทีหลี่ก็มาแจ้งว่าพรุ่งนี้ให้ตื่นตีห้า ห้ามสาย ฉันจึงสั่งให้เขามาเคาะหน้าต่างปลุกด้วย แล้วพวกเราก็รีบเข้านอนทันที แต่ที่จริงก็ยังไม่นอน เรายังคุยกันต่อถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในวันนี้ หลังจากหลับไปได้เพียงงีบหนึ่งฉันก็ได้ยินเสียงเคาะเรียกที่หน้าต่าง ฉันถามออกไปว่ามีอะไร เขาบอกว่าตื่นได้แล้ว ตีห้าแล้ว 
 
ฉันลุกขึ้นทันทีและเดินไปเปิดหน้าต่าง ที่ด้านนอกท้องฟ้าเพิ่งจะรุ่งสางเป็นสีแดงเข้มสวยมาก แล้วยังสะท้อนลงทะเลสาบซึ่งผิวน้ำเรียบสงบอีกด้วย ทัศนียภาพงดงามยิ่งนัก มองเห็นภูเขาที่พระนางปลูกดอกโบตั๋นไว้มากมาย ฉันรีบแต่งตัวไปยังตำหนักของพระนาง และได้พบกับฮองเฮานั่งอยู่ที่เฉลียง ฉันถอนสายบัวเป็นการทักทายอรุณสวัสดิ์ พระสนมอยู่เคียงข้างฮองเฮา แต่เราถูกสั่งว่าห้ามทำความเคารพพระสนมและให้ถือเสมือนไม่มีพระสนมอยู่ในที่นั้น นอกจากนี้ยังมีนางกำนัลอีกหลายคนที่ฉันยังไม่เคยรู้จักยืนอยู่ที่นั่น นางกำนัลเหล่านี้เป็นลูกสาวขุนนางแมนจูระดับสูง บางคนสวยและฉลาดเฉลียว ฮองเฮาบอกฉันว่านางกำนัลทั้งสิบคนนี้ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปถวายการรับใช้พระนางซูสี เนื่องจากเพิ่งจะเริ่มเรียนวิธีปฎิบัติตัวในราชสำนัก ทุกคนแต่งกายชุดแมนจูสวยงามเหมือนกับฮองเฮา
 
หลังจากได้ทำความรู้จักและพูดคุยกับนางกำนัลสักครู่หนึ่งแล้ว พวกเราและฮองเฮาก็เข้ามาในตำหนัก ได้พบกับลูกสาวคนที่สี่ ขององค์ขายชิง ชื่อ ซู เกอเก้อร์ และหลานสาวของพระนางซึ่งเป็นแม่หม้ายอายุ เพียง 24 ชื่อ หยวน ตา ไน้ไน้  ทั้งสองคนมีหน้าที่ถวายการรับใช้พระนาง ฮองเฮาบอกว่าเราควรจะรีบไปห้องบรรทมเพื่อช่วยพระนางแต่งตัว เมื่อไปถึงเราถอนสายบัว  และพูดว่า ทรงพระเจริญ พระนางยังไม่ลุกจากเตียง ท่านยิ้มและถามเราว่านอนหลับสนิทดีหรือไม่ เราตอบว่า ห้องอยู่สบายมาก ต่างๆ นาๆ และตอบในใจว่า เรานอนหลับสนิทดีเท่าที่เวลามีแต่กระนั้น ก็ยังไม่ถึงครึ่งที่เราต้องการ เมื่อวานเราค่อนข้างเหนื่อยเพราะยังไม่คุ้นชินกับงาน จึงวิ่งวุ่นกันไปมาก
 
พระนางถามว่าเราได้ทานอาหารเช้ากันมาหรือยัง  และเมื่อเราตอบว่ายังขันทีหลี่ก็ถูกตำหนิทันทีว่าไม่สั่งอาหารเช้ามาส่งให้เราที่ห้อง “พวกเธออย่าทำตัวเป็นคนอื่นคนไกล ต้องการสิ่งใดก็สั่งได้เลย”  พระนางลุกจากเตียงและเริ่มแต่งตัว เริ่มต้นที่สวมถุงเท้าไหมสีขาวผูกริบบิ้นสวยงามที่ข้อเท้า  พระนางสวมกางเกงขาพองเป็นชุดนอน ชุดนอนที่พระนางสวมอยู่จะถอดเปลี่ยนนำไปซักทุกวัน พระนางสวมเสื้อแขนยาวตัวในสีชมพู และสวมทับด้วยเสื้อผ้าไหมตัวสั้นปักยกดอกลายใบไผ่  ซึ่งในช่วงเช้านี้ พระนางสวมรองเท้าที่ไม่มีส้น จึงจะยังไม่ใส่ชุดกระโปรงยาว  หลังจากนั้นพระนางเดินไปยังหน้าต่าง  ซึ่งมีข้าวของเครื่องใช้ อาบน้ำแต่งตัว วางไว้เต็มอัตรา
 
ในระหว่างที่พระนางล้างหน้าและแต่งผม ท่านได้พูดคุยกับแม่ว่า ท่านไม่ต้องการให้คนรับใช้ หรือ ขันที หรือ คนแก่ มาแตะต้องเตียงนอนเพราะคนพวกนั้น ไม่สะอาดสะอ้าน พระนางจึงให้นางกำนัลเท่านั้นที่จะมาดูแลจัดที่นอน แล้วพระนางก็หันหน้ามาทางที่ฉันและน้องสาวยืนอยู่ “พวกเธออย่าได้คิดว่าฉันให้เธอทำงานของคนรับใช้นะ ให้คิดว่า เธอทำเตียงให้ย่าให้ยาย เพียงเท่านี้ก็คงไม่หนักหนาอะไร แต่เมื่อถึงเวลาที่เธอต้องทำจริงๆ เธอก็เพียงกำชับดูแลคนอื่นให้ทำให้เรียบร้อยไม่ต้องหยิบจับงานเองหรอก” พระนางหันมาพูดต่อกับฉันว่า “เต้อ หลิง เธอเป็นประโยชน์กับฉันมากทำอะไรต่ออะไรได้หลายอย่าง ฉันจะให้เธอเป็นนางสนองพระโอษฐ์ เธอจะได้ไม่ต้องทำงานมาก แต่ต้องคอยดูแลจัดแจงเตรียมการต่างๆ สำหรับคนต่างชาติที่มาเข้าเฝ้า และเป็นล่ามให้ฉัน ฉันจะให้เธอดูแลเครื่องประดับของฉันด้วย ฉันไม่อยากให้เธอต้องทำงานหนักใดๆ เลย ส่วน รูน หลิง  (น้องสาวของฉัน) ก็ให้เลือกได้ว่าอยากทำงานส่วนไหน นอกจากเธอสองคนแล้ว ยังมี ซู เกอเก้อร์ และ หยวนตา ไน้ไน้  รวมกันเป็นสี่คน ที่จะช่วยกันทำงาน เธอไม่ต้องไปเคารพนบนอบเขาหรอกนะ แต่ถ้าเขาทำอะไรไม่ดีกับพวกเธอๆ ต้องมาบอกฉันนะ” ถึงแม้นว่าฉันจะยินดีกับงานที่ได้รับมอบหมาย แต่เป็นธรรมเนียมว่าฉันจะต้องปฏิเสธเสียก่อน ดังนั้นฉันจึงขอบคุณพระนางที่ให้ฉันได้รับเกียรตินี้และว่าฉันอาจยังมีความรู้และประสบการณ์ไม่พอสำหรับตำแหน่งอันสำคัญ จึงขอรับเป็นเพียงนางกำนัลทั่วไปก่อนแล้วจะเรียนงานอย่างเร็วเพื่อที่จะเป็นประโยชน์ต่อพระนางอย่างที่สุด ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบพระนางก็หัวเราะแล้วพูดว่า “หยุดเลย ฉันรู้นะที่จริงเธอน่ะสมัยใหม่เกินกว่าที่จะพูดอะไรแบบนั้น แต่เธอก็ยังฉลาดและรู้จักถ่อมตัว ฉันทึ่งมากที่เธอเป็นหญิงสาวแมนจูได้สมบูรณ์แบบจริงๆ  เธอรู้แม้กระทั่งธรรมเนียมปฎิบัติเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่เธอไปอยู่ต่างประเทศตั้งหลายปี” พระนางเป็นคนที่ชอบพูดเย้าแหย่ให้สนุก ท่านบอกว่าให้ฉันลองทำดูก่อน ถ้าทำไม่ได้พระนางจะดุด่าแล้วหาคนมาทำแทนเสียด้วย เมื่อพระนางพูดดังนั้นฉันจึงรับคำและปฎิบัติงานทันที โดยไปยังเตียงนอนของพระนางว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วก็พบว่าเป็นงานที่ง่ายมาก รอบแรกนี้ฉันเรียนงานโดยดูจากคนอื่นทำก่อน ก่อนอื่นหลังจากพระนางลุกจากเตียงแล้ว เราจะให้ขันทีนำผ้าปูที่นอนไปผึ่งที่ลานตำหนัก ส่วนเตียงนอนนั้นเป็นไม้แกะสลักอย่างสวยงาม เราจะใช้ไม้ขนไก่ปัดฝุ่นออก จากนั้นปูชั้นแรกด้วยผ้าสักหลาด แล้ววางฟูกหนาปักลายสีเหลือง ซ้อนกันสามชั้น ทับลงไป แล้วปูผ้าไหมสีต่างๆ โดยชั้นบนสุดจะเป็นผ้าซาตินสีเหลืองปักลายมังกรสีทองและหมู่เมฆสีน้ำเงิน พระนางมีหมอนหลายใบ ทุกใบปักลายยกดอกสวยงามซึ่งจะจัดวางไว้บนเตียงในเวลากลางวัน แต่มีใบหนึ่งที่เป็นหมอนใบชา ซึ่งพระนางจะใช้หนุนนอน  เราเชื่อว่า ใบชาดีต่อดวงตา นอกจากนี้พระนางยังมีหมอนอีกใบที่รูปทรงน่าสนใจ คือ มีความยาวประมาณ 12 นิ้ว เจาะช่องตรงกลาง ขนาด 3 คูณ 3 นิ้ว ใบนี้ไส้หมอนเป็นดอกไม้แห้ง ประโยชน์ของหมอนใบนี้คือ พระนางจะนอนเอาหูวางพอดีในช่อง วิธีนี้ จะทำให้พระนางได้ยินทุกเสียงที่เข้ามาในห้องแม้ยามนอนหลับ
           
เมื่อเราปูผ้าปักลายยกดอกสีเหลืองเป็นชั้นสุดท้ายแล้ว ยังคลุมเตียงด้วยผ้าสีต่างๆ อีก 6 ผืน เช่น สีปูนแห้ง สีฟ้า สีชมพู สีเขียว และสีม่วง ส่วนเพดานของเตียงเป็นกรอบไม้แกะสลักอย่างประณีตสวยงามมีม่านแพรย่นสีขาวปักยกดอกแขวนลงมา และยังมีถุงผ้าโปร่งใส่ของหอมบุหงารำไปแขวนไว้ตามลายสลักเสลา กลิ่นของหอมพวกนี้หอมแรงมาก คนที่ไม่คุ้นอาจจะรู้สึกเวียนหัวได้ พระนางซูสีชอบกลิ่นมัสก์ของกวางชะมดมาก พระนางจะใช้ในทุกโอกาส
 
เราใช้เวลาปูที่นอนและจัดเตียงราว 15 นาที เมื่อหันกลับมาพระนางกำลังจัดแต่งทรงผมโดยมีขันทีเป็นผู้ช่วย ฉันจึงไปยืนอยู่ข้างพระนาง และได้เห็นว่าถึงแม้พระนางจะสูงวัยแล้วแต่ยังมีเส้นผมที่ยาวสลวยนุ่มราวกับกำมะหยี่และดำสนิท พระนางแบ่งผมโดยแสกกลางออกเป็นสองส่วน ถักเป็นผมเปียแล้วจึงไขว้ขึ้นมาด้านบนแล้วขมวดเป็นมวยเกล้าผมที่ด้านหน้า เมื่อเตรียมผมเสร็จตามนี้แล้ว พระนางจะสวมเครื่องประดับศีรษะตามแบบแมนจู โดยปักปิ่น 2 อัน ให้ติดกับมวยผมที่เกล้าไว้ พระนางจะแต่งผมให้เสร็จเรียบร้อยก่อนทำการล้างหน้า พระนางจู้จี้มีรายละเอียดทุกขั้นตอนราวกับสาวรุ่นแต่งตัวและหากไม่พอใจก็จะตำหนิขันทีที่ดูแลอยู่ทันที พระนางมีน้ำหอมแบบขวดอยู่สองสามโหล เป็นน้ำหอมหลากหลายกลิ่น สบู่น้ำหอมก็มี เมื่อพระนางล้างหน้าเสร็จก็จะซับหน้าให้แห้งด้วยผ้าขนหนูอ่อนนุ่มและประพรมหน้าด้วยกลีเซอรีนผสมน้ำผึ้งและกลีบดอกไม้ หลังจากนั้นพระนางจะทาแป้งฝุ่นสีชมพูกลิ่นหอมจัดเป็นขั้นตอนสุดท้าย
 
เมื่อพระนางทาแป้งเสร็จ ท่านก็หันมาหาฉันแล้วพูดว่า “เธอคงรู้สึกว่ามันตลกสิ้นดี ที่หญิงชราอย่างฉันใส่ใจแต่งเนื้อแต่งตัวขนาดนี้ แต่ว่าฉันชอบแต่งตัวให้ดูดีอยู่เสมอ และก็ชอบดูคนที่แต่งตัวดี ฉันจะรู้สึกสดชื่นไปด้วยถ้าได้เห็นคนสวยๆ แต่งตัวดีๆ มันเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากจะเป็นสาวอีกครั้ง” ฉันตอบพระนางว่าพระนางดูอ่อนกว่าวัย และยังคงความงาม ขนาดที่ว่าพวกเราแม้เป็นสาวๆ ก็ไม่อาจเทียบกับพระนางเลย ทำให้พระนางพอใจมากเพราะพระนางชอบคำชื่นชม  ตลอดเช้าวันนี้ฉันต้องมีสมาธิมากเพื่อจะจดจำว่า พระนางโปรดปราน หรือ รังเกียจสิ่งใดบ้าง
 
หลังจากนี้ พระนางพาฉันไปยังอีกห้องหนึ่งที่ใช้เก็บเครื่องประดับต่างๆ ห้องนี้ทำผนังเป็นชั้นเก็บของตั้งแต่พื้นจรดเพดานทั้งสามด้าน บนชั้นเต็มไปด้วยกล่องไม้สีดำวางซ้อนๆ กัน บนกล่องมีแถบสีเหลืองเขียนข้อความระบุสิ่งที่บรรจุอยู่ภายใน พระนางชี้ไปที่ชั้นวางฝั่งขวามือและพูดว่า “ชั้นนี้จะวางเครื่องประดับที่ชอบและใส่ทุกวัน เดี๋ยววันไหนมีเวลาให้เธอมาตรวจดูว่ามันยังอยู่ครบเรียบร้อยอยู่ไหม ที่เหลือก็จะเป็นเครื่องประดับที่เอาไว้ใส่ในโอกาสพิเศษ ในห้องนี้มีอยู่ราวสามพันกล่อง และยังมีอีกมากในห้องนิรภัย วันหน้าที่ฉันไม่ยุ่งจะพาไปดู” แล้วท่านก็พูดอีกว่า “เสียดายนะ ที่เธออ่านและเขียนภาษาจีนไม่ได้ ไม่งั้นฉันจะให้โพยรายการ เธอจะได้ตรวจสอบรายการได้เอง” ฉันประหลาดใจมากที่มีคนไปเรียนพระนางอย่างนั้น ถึงแม้ว่าฉันจะอยากรู้เดี๋ยวนั้นว่าเป็นใครกันแต่ฉันก็ไม่กล้าถามพระนางตรงๆ จึงได้แต่ตอบพระนางว่า “ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่บัณฑิตแต่ก็ได้เรียนเขียนอ่านมาบ้าง หากพระนางให้รายการมาก็จะศึกษาและอ่านให้จงได้” พระนางกล่าวว่า “เอาอีกแล้ว มีคนรายงานฉันตั้งแต่วันแรกที่เธอมา ฉันลืมแล้วเนี่ยว่าใครพูด เขาบอกว่าเธออ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เอาเสียเลย” ขณะที่พูดอยู่นั้นพระนางก็กวาดสายตามองไปทั่วห้อง ซึ่งฉันมั่นใจว่าพระนางจำได้ว่าใครพูดแต่พระนางประสงค์ที่จะไม่ให้ฉันรู้  พระนางพูดขึ้นว่า “บ่ายนี้น่าจะพอมีเวลาว่าง ค่อยมาดูรายการกัน เธอไปหยิบกล่องห้าใบที่ชั้นบนสุดมาที” ฉันนำกล่องไปส่งพระนางที่ห้อง พระนางเปิดกล่องแรกออก เป็นดอกโบตั๋นประดิษฐ์ที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา ส่วนกลีบดอกนั้นทำจากปะการังสั่นไหวได้เหมือนของจริง โดยการเจาะรูที่โคนกลีบดอกแล้วร้อยเข้าด้วยกันด้วยลวดทองเหลือง ส่วนใบนั้นทำจากหยกแท้ พระนางกลัดดอกโบตั๋นเข้ากับเครื่องประดับศีรษะด้านขวา จากนั้นพระนางเปิดกล่องที่สอง แล้วหยิบผีเสื้อหยกขนาดใหญ่ออกมาซึ่งก็สั่นไหวได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้พระนางเป็นผู้คิดวิธีทำเครื่องประดับเหล่านี้ให้สั่นไหวได้เหมือนจริงเองทั้งสิ้น ส่วนอีกสองกล่องบรรจุกำไลข้อมือและแหวนหลากหลายรูปแบบ มีกำไลทองคู่หนึ่งประดับด้วยไข่มุกและอีกคู่หนึ่งประดับด้วยหยกโดยหยกจะห้อยอยู่ที่ปลายสายสร้อยทอง และยังมีอีกแบบที่ร้อยไข่มุกเป็นสายซึ่งเป็นแบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้ฉันตกหลุมรักกำไลมุกคู่นี้ทันทีที่เห็น พระนางเลือกหยิบสร้อยข้อมือขึ้นมาเส้นหนึ่งเป็นไข่มุกร้อยเป็นช่อดอกท้อ โดยใช้ไข่มุกทำเป็นกลีบดอกห้ากลีบแล้วใช้ไข่มุกขนาดใหญ่เป็นเกสรอยู่ตรงกลางจากนั้นคั่นแต่ละดอกด้วยไข่มุกเดี่ยวหนึ่งเม็ด พระนางแขวนสายสร้อยเข้ากับกระดุมเสื้อ
 
จากนั้นก็มีนางกำนัลกลุ่มหนึ่งนำชุดมาให้พระนางเลือก พระนางมองดูแล้วว่า ยังไม่ถูกใจให้ไปหยิบมาเพิ่มอีก นางกำนัลจึงนำชุดกลับออกไปซึ่งฉันค่อนข้างแปลกใจว่าชุดที่นำมาให้เลือกล้วนสวยงามทั้งนั้น ทั้งสีสันและลวดลายที่ปักยกดอก ไม่ช้านางกำนัลกลับมาพร้อมชุดใหม่อีกเซ็ทหนึ่ง คราวนี้พระนางเลือกชุดสีเขียวน้ำทะเล ปักลายยกดอกเป็นนกกระสาสีขาวทั้งชุด เมื่อพระนางสวมชุดเสร็จแล้วก็ส่องกระจกอยู่พักหนึ่งจึงถอดเข็มกลัดผีเสื้อออก แล้วว่า “เธอคงจะเห็นแล้วว่าฉันจู้จี้และลงลายละเอียดอย่างไร ผีเสื้อหยกนั้นเขียวเด่นเกินชุดไป เธอเอาไปเก็บในกล่องเดิมนะ แล้วไปหยิบนกกระสาไข่มุกในกล่องหมายเลข 35 มา” ฉันเดินกลับไปห้องเครื่องประดับและดีใจที่หากล่องหมายเลข 35 พบ พระนางเปิดกล่องออกหยิบนกกระสาทำด้วยมุกหลายเม็ดออกมา จงอยปากนกทำด้วยปะการัง การออกแบบดีมากเราจะมองเห็นแต่มุก ไม่เห็นตัวเรือนที่ทำด้วยเงินเลย เป็นงานฝีมือชั้นเยี่ยมทั้งไข่มุกก็คัดสรรมาอย่างดีทั้งสีและขนาด เมื่อพระนางกลัดเข็มกลัดนกกระสาเข้ากับเครื่องประดับศีรษะแล้วดูสวย สง่างามมาก จากนั้นพระนางสวมทับด้วยเสื้อปักลายนกกระสาตัวสั้นสีม่วงอ่อน ผ้าเช็ดหน้าและรองเท้าปักลายนกกระสาเข้าชุดกัน ทั้งหมดทั้งมวลพระนางดูเป็น นางพญาแห่งนกกระสา
 
เมื่อพระนางแต่งตัวเสร็จก็พอดีที่จักรพรรดิกว่างสูเข้ามายังห้องบรรทมในชุดเต็มยศ เพียงแต่หมวกที่สวมไม่มีกระดุมและไม่ติดขนนกยูง  จักรพรรดิคุกเข่าคารวะพระนางและกล่าวว่า “พระบิดาที่เคารพ ขอจงทรงพระเจริญ” ท่านผู้อ่านคงจะสงสัยที่จักรพรรดิและพวกเราทั้งหมดเรียกพระนางซูสีว่า พระบิดา นั่นเป็นเพราะพระนางต้องการเป็น ชาย ที่เป็นผู้นำของพวกเราซึ่งเป็นเรื่องพิเศษเฉพาะตัวของพระนาง
 
ฉันไม่แน่ใจว่าต้องถอนสายบัวทำความเคารพจักรพรรดิหรือไม่ และก็ไม่มีใครสั่งให้ฉันทำสิ่งใด ฉันจึงคิดเอาเองว่า มีมารยาททำตัวสุภาพไว้ก่อนดีกว่าแต่เราจะถอนสายบัวให้ผู้อื่นได้ก็ต่อเมื่อพวกเราไม่ได้อยู่ต่อหน้าพระนางแล้วเท่านั้น ดังนั้น เมื่อ จักรพรรดิเดินออกจากห้องฉันจึงเดินตามออกมาและถอนสายบัว ในขณะที่ฉันกำลังถอนสายบัวอยู่นั้นพระนางก็เดินออกมาเห็นพอดี พระนางส่งสายตามองฉันว่าไม่ควรจะทำเช่นนี้ แต่ฉันก็ยังคิดว่ามีมารยาทไว้ก่อนไม่เสียหายอะไรถึงจะรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
 
ฉันเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เห็นขันทีเล็กๆ กำลังวางกล่องสีเหลืองหลายกล่องบนโต๊ะฝั่งซ้ายของห้อง พระนางนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ ซึ่งเรียกว่าบัลลังก์เล็ก ขันทีเปิดกล่องออก นำซองสีเหลืองออกจากแต่ละกล่องส่งให้พระนาง ๆ เปิดแต่ละซองด้วยมีดเปิดซองที่ทำด้วยงาช้างและอ่านเอกสาร ทั้งหมดเป็นเอกสารบันทึกจากหัวหน้าของแต่ละหน่วยงาน และจากผู้แทนพระองค์ในแต่ละจังหวัด ฉันไปยืนอยู่ด้านหลังของพระนาง จักรพรรดิเดินกลับมาอีกครั้งโดยมายืนข้างโต๊ะที่วางเอกสาร เมื่อพระนางอ่านเอกสารจบแล้วพระนางก็ส่งเอกสารทั้งหมดให้จักรพรรดิ ฉันแอบมองขณะที่จักรพรรดิรับเอกสารไปอ่านท่านใช้เวลาไม่นานก็อ่านจบทุกฉบับ หลังจากนั้นเอกสารถูกเก็บกลับลงกล่องเดิม ตลอดช่วงเวลานี้ทุกอย่างเงียบสงบ แล้วหัวหน้าขันทีก็เข้ามาคุกเข่าแจ้งว่า เสลี่ยงของพระนางพร้อมแล้ว พระนางลุกขึ้นและเดินออกจากตำหนัก พวกเราเดินตามพระนางออกไป และในช่วงที่พระนางเดินลงบันไดตำหนักเราก็ให้พระนางเกาะแขนเราไว้ เมื่อพระนางเข้านั่งในเสลี่ยงเพื่อไปยังท้องพระโรง จักรพรรดิ ฮองเฮา และขบวนพวกเรา ขันที เด็กรับใช้และสิ่งของต่างๆ เหมือนที่ฉันเห็นวันแรกก็เดินตามขบวนไป เมื่อถึงท้องพระโรง พวกเราก็เข้าไปอยู่หลังฉาก และการออกว่าราชการก็เริ่มขึ้น โดยส่วนตัวฉันสนใจและอยากฟังว่า การว่าราชการดำเนินไปอย่างไร มีข้อราชการใดบ้าง แต่นางกำนัลก็จะเข้ามาชวนคุยอยู่ตลอด ฉันจึงต้องอาศัยช่วงที่เขาไปคุยกับน้องสาวของฉัน แอบปลีกตัวไปนั่งหลบมุม ตั้งใจฟังบทสนทนาระหว่างรัฐมนตรี เสนาบดี กระทรวงต่างๆ กับพระนางซูสี ขอให้เชื่อเถอะว่าผู้หญิงกับความอยากรู้อยากเห็นเป็นของคู่กัน
 
ในช่วงต้นฉันได้ยินไม่ค่อยถนัด หลายๆ คน พูดเสียงเบามากและพูดพร้อมกันอีกด้วย แต่อาศัยว่า มีช่องให้พอมองลอดออกไป ฉันจึงเห็นท่านนายพลคุยกับพระนาง และได้เห็นสมาชิกของสภาสูงนำโดยองค์ชายชิง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าสภาสูง หลังจากที่นายพลคุยจบแล้ว พระนางก็คุยกับองค์ชายชิง ในเรื่องการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ในส่วนรองๆ ลงไป โดยนายพลได้ส่งรายชื่อให้พระนาง พระนางดูรายชื่อแล้วก็ปรึกษาหารือกับอีกหลายคน ซึ่งองค์ชายชิงได้เสนอบางชื่อแทน โดยกล่าวว่า “ถึงแม้ว่ารายชื่อที่ถึงมือพระนางแล้วนี้ สมควรจะได้รับการแต่งตั้ง แต่รายชื่อที่กระหม่อมเสนอเหมาะสมกับตำแหน่งมากกว่าพะย่ะค่ะ” พระนางตอบว่า “ตกลง เอาตามที่องค์ชายเสนอ” แล้วพระนางก็หันไปถามจักรพรรดิว่า “ตามนี้ดีไหม” จักรพรรดิตอบว่า “พะย่ะค่ะ” การว่าราชการเช้านี้จบลงเพียงเท่านี้ ทุกคนเดินออกจากท้องพระโรง พวกเราเดินออกมาจากหลังฉาก พระนางบอกว่าอยากจะเดินเล่นรับลมสักหน่อย หญิงรับใช้นำโต๊ะมาตั้งเอากระจกมาวาง พระนางถอดเครื่องประดับศีรษะหนักอึ้งออก เราก็จะเห็นผมที่มวยเกล้าไว้ด้านหน้า ซึ่งก็ดูดีไปอีกแบบ พระนางต้องการประดับมวยผมด้วยเครื่องประดับชิ้นอื่น ฉันเปิดกล่องที่ขันทีนำมาด้วยและหยิบดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ทำด้วยไข่มุกออกมา พระนางหยิบดอกไม้ไข่มุกไปประดับที่มวยผมด้านหนึ่ง และหยิบแมงปอทำด้วยหยกประดับอีกด้านหนึ่ง พระนางบอกว่า ดอกไม้ดอกเล็กๆ พวกนี้เป็นเครื่องประดับชิ้นโปรดของพระนางและมักใช้เสมอเมื่อถอดเครื่องประดับศีรษะที่หนักอึ้งออก ส่วนฉันก็กำลังเป็นกังวลว่าไม่ได้นำกล่องมาใส่เครื่องประดับที่ถอดออก โชคดีฉันเหลือบไปเห็นขันทีถือกล่องเข้ามาพอดี ฉันรีบเก็บเครื่องประดับเข้ากล่องทันที
 
 
 
 
 
 


Create Date : 03 พฤษภาคม 2564
Last Update : 3 พฤษภาคม 2564 15:13:38 น. 0 comments
Counter : 568 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

พวงแสด ลำปาง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add พวงแสด ลำปาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.