Group Blog All Blog
|
เลือกครีมกันแดดยังไงดี
จะซื้อครีมกันแดดทีไรมีปัญหาทุกทีตรงที จะเลือกครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี วันนี้เลยว่าจะเขียนเรื่องวิธีการเลือกครีมกันแดดอย่างง่าย ๆ ก็แล้วกันนะคะ ก่อนอื่นต้องออกตัวว่าไม่ใช่กูรูชื่อดัง ไม่ใช่หมอผิวหนังที่มีชื่อเสียงอะไร แต่เป็นแค่คนธรรมดา ๆคนหนึ่งที่แค่อยากเขียนโดยอาศัยหลักการและข้อมูลจากตำรานิดหน่อยเท่านั้น คำถามโลกแตกที่ว่าฉันควรเลือกผลิตภัณฑ์แบบครีมกันแดดแบบไหนดี? จะเป็นแบบน้ำ เจล ครีม สเปร์ย มูส นั่นแล้วแต่ความชอบส่วนตัวของคนแต่ละคนเลยค่ะเพราะคนแต่ล่ะคนย่อมต้องมีความชอบแตกต่างกันออกไป
1). Howdifference between Sunblocks and Sunscreens? Whichs better? Ans หลายคนอาจจะใช้คำศัพท์เรียกชื่อระหว่างSunblocks และ Sunscreens ที่แตกต่างกันออกไปอย่างไรก็ตามทั้ง Sunblocks และ Sunscreenห ก็จะมีรูปแบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไป โดยเราพอจะทราบว่า Sunscreensนั้นจะปกป้องผิวของเราโดยการกรองรังสี UV ไม่ว่าจะเป็นUVA UVB หรือ UVC ที่มาจากแสงอาทิตย์แต่ในทางกลับกัน Sunblocks จะทำหน้าที่เสมือนแผ่นเคลือบผิวหนังฉาบผิวของเราโดยการปิดกั้นรังสีไม่ให้ผ่านเข้ามายังผิวหนังของเราได้ ทั้งSunblocks และ Sunscreensต่างก็มีประสิทธิภาพดีในการทำหน้าที่ปกป้องเราจากแสงแดดซึ่งอาจจะต่างกันออกไปในเรื่องส่วนประกอบทางเคมีคัล Sunblocks ส่วนใหญ่จะใช้ Titanium Oxide หรือ Zinc Oxideเป็น Active Ingredient ซึ่งส่งผลให้ทาแล้วแลดูหนาขุ่น บางคนอาจจะคิดว่านี่เป็นข้อเสีย เนื่องจากยากที่จะทาไปทั่วร่างกายประการที่สองเนื้อ Texture ของ Sunblock ค่อนข้างมีความทึบแสงและสามารถมองเห็นได้บนผิวหลังจากทา คุณอาจสังเกตเวลาทาแล้วหน้าของคุณจะแลดูเป็นคราบขาววอกนิดๆ แต่ในบางยี่ห้อ เช่น ครีมกันแดด Neutrogena ที่มีการปรับปรุงสูตรทำให้แลดูวอกน้อยลง Sunscreensจะเป็นครีมกันแดดที่มีความเป็น Chemicals หลายชนิดโดยจะมีหลักการทำงานคือ ดูดซับรังสียูวีที่เป็นอันตรายก่อนที่พวกเขาผ่านเข้าไปในผิวหนังของคุณแต่สำหรับบางคนมีผิว Sensitive Skin หรือแพ้ส่วนผสมบางอย่างในSunscreens เช่น PABA ก็ควรเลือกใช้ Sunblocksแทนการใช้ Sunscreens แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ผลิตส่วนใหญ่ก็นิยมที่จะนำทั้งSunscreens และ Sunblocks มาผสมกันดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคุณที่จะศึกษาส่วนประกอบและอ่านฉลากให้ดีหากคุณมีผิวชนิด SensitiveSkin Sunscreensและ Sunblocks ต่างก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องเราจากแสงแดดซึ่งขึ้นกับเราว่าเราจะเลือกแบบไหน ซึ่งนั่นก็ขึ้นกับความจำเป็นของเราส่วนเรื่องของการเลือก SPF ซึ่งแพทย์ผิวหนังจาก AmericanAcademy of Dermatologists ได้แนะนำว่า ควรเลือก SPF 30 เป็นอย่างน้อยสำหรับการใช้ครีมกันแดดในชีวิตประจำวัน SPF คืออะไร
2). Whats SPF? Ans SPF ย่อมาจากSun Protecting Factor หรือเรียกง่ายๆ ว่าค่าความสามารถในการป้องกันแสงแดด ถ้าเคยตากแดดแล้วผิวไหม้แดง ในเวลา 15 นาที หากทายากันแดดที่มี SPF= 6 ผิวจะไหม้ในเวลาเป็น6 เท่าคือ 90 นาที (6x15=90) ถ้าค่า SPF= 8 ผิวจะไหม้ในเวลา 2 ชั่วโมง (8x15=120) โดยการใช้ยากันแดดตามค่าSPF นี้มักดูตามลักษณะของสีผิวคือ 1. ถ้าผิวไหม้แดดง่าย โดยผิวเปลี่ยนเป็นสีแทนยาก ใช้ค่า SPF 20-30(Ultra high) 2. ถ้าผิวไหม้แดดง่าย โดยผิวอาจมีสีแทนนิดหน่อย ใช่ค่า SPF 12-20(Very high) 3. ถ้าผิวไหม้แดดปานกลาง และผิวค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแทนใช้ค่า SPF 8-12(High) 4. ถ้าผิวไหม้แดดได้น้อย และผิวเปลี่ยนเป็นสีแทนได้เสมอ ใช่ค่า SPF4-8 (Moderate) 5. ถ้าผิวไหม้แดดยากมาก และผิวเปลี่ยนเป็นสีแทนได้อย่างมาก ใช้ค่า SPF2-4 (Minimal) เมื่อดูจากค่า SPF และปริมาณการดูดซับรังสี UVBพบว่า
จากตารางแสดงให้เห็นว่าการใช้ค่าSPF สูงๆ จะสามารถป้องกันแสงแดดได้มากขึ้น แต่ก็ไม่ได้แปรผันตามค่าSPF ที่สูงขึ้นเลยทั้งหมด ดังนั้น ค่า SPF ที่สูงมาขึ้น ก็ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเท่าไหร่ กันแดดที่มีค่าSPF สูงมักมีปัญหาด้านความงามและมีราคาแพงจากมุมมองนี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ SPF สูงนัก
3). Whatre about Waterresistant and Waterproof? Ans Water resistant หมายถึงการหาค่าSPF หลังอยู่ในน้ำ 40 นาที Waterproof(=very water resistant) หมายถึงการหาค่า SPF หลังอยู่ในน้ำ80 นาที
4). What are UVAUVB and UVC ? Ans UVA และUVB เป็นรังสีที่ได้รับจากดวงอาทิตย์ และหลอดไฟ โดยจากข้อที่2. อาจจะกล่าวได้ว่า SPF ใช้วัดการคงอยู่ของการป้องกันแสงแดดว่ายาวนานแค่ไหน UVA เป็นรังสีความยาวคลื่น 320 - 400 nm สามารถทะลุทะลวงผ่านเข้าชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ได้สามารถเข้าไปทำลายโครงสร้าง สร้างความเสื่อมโทรมให้กับ Collagen และ Elastin ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นน้อยลงก่อให้เกิดความเหี่ยวย่นของผิวหนัง แต่ไม่ทำให้เกิดการ Burn ของผิวหนัง UVB เป็นคลื่นรังสี มีช่วงความยาวคลื่น 290 - 320 nm เมื่อผ่านเข้ามาสัมผัสร่างกายจะผ่านชั้นหนังกำพร้าแล้วหนังแท้ด้านบนเข้าไปได้ แต่ที่สำคัญรังสี UVB นั้นมีอยู่มาก และเป็นสาเหตุของการเกิดผิว Burn ได้ UVC เป็นรังสีคลื่นสั้น ช่วงความยาวคลื่น 200 290nm แสงช่วงนี้ส่วนใหญ่จะถูกดูดซับโดนโอโซนในชั้นบรรยากาศส่งผลให้ร่างกายไม่ได้รับผลกระทบในรังสีชนิดนี้ แต่หากในอนาคตถ้าคนเรายังไม่รู้จักตระหนักถึงภาวะ Global Warming บางทีเราอาจจะต้องหาครีมกันแดดที่มีการป้องกันทั้งรังสี UVC มาเพิ่มนะคะ (แก้ปัญหาปลายเหตุชัดๆ)
5). Whats PA? Ans PA ย่อมาจากคำว่าProtection Grade of UVA ในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐานในการวัดค่าการดูดซึมของรังสีUVA ดังนั้นจึงถือเอาคำว่า PA เป็นหน่วยวัดรังสีUVA อย่างไม่เป็นทางการ PA คือ การวัดการเปลี่ยนแปลงของสีผิว (skin pigmentation) หรือวัดความดำของผิวที่เปลี่ยนแปลงไป หลังจากสัมผัสกับ UV-A โดยตัวบ่งชี้ค่าของการวัดการปกป้องของผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะเป็นช่วง ตั้งแต่1 - 8 โดยค่า 1 หมายถึงมีการปกป้องน้อยที่สุด ค่า PA ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่มนำมาใช้และแพร่หลายอยู่ในเอเชียค่า PA จะสัมพันธ์กับเครื่องหมาย + PA+ = 1-3 PA++ = 4-5 PA+++ = 6-8 โดยทั้งนี้ PA+++ นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่เจอกับแสงแดดจัดๆ เป็นเวลานาน ส่วน PA+ สำหรับผู้ที่ต้องการปกป้องแสงแดดจากกิจกรรมทั่ว ๆไป
กว่าจะเขียนจบ เหนื่อยมาก ขอไปนอนก่อนดีกว่านะคะ ฝันดีค่ะเดี๋ยวจะมีรีวิวครีมกันแดดชนิดต่างๆให้คราวหน้าค่ะ
Thank you //www.family-health-and-nutrition.com หนังสือ ผิวสวยหน้าใสเคล็ดลับการดูแลผิวพรรณให้งามอย่างมั่นใจ นพ.ประวิตร พิศาลบุตร
|
หมากฝรั่งชอบติดเหล็กดัดฟัน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?] Hi I'm Angie. I'm Pharmacist, Pianist, Novelist, Clairvoyant. Kind, Friendly, Love to learn something new and ready to listen, Optimistic all of them is me.
Link |