<<
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
10 กรกฏาคม 2548

เรื่องของสาวดัชมิลค์ ตอนจบ

เพิ่งนึกออกว่า สาวดัวมิลค์ยังเอามาลงไม่จบเลย เลยเอามาลงให้จบ หวังว่าคงจะชอบเรื่องนี้กันนะคับ ไปอ่านต่อกานได้เล้ยยย
ผมเห็นเธอกำลังเก็บของอยู่เตรียมตัวกลับบ้าน คงไม่ทันเห็นผม ผมก็เลยพูดขึ้นมาเบาๆว่า "หวังว่าคงไม่เกินห้านาทีนะครับ"

เมื่อเธอได้ยินเสียงผม เธอก็ตกใจเล็กน้อย หันกลับมาเจอะกับผมก็ยิ่งทำหน้างงเข้าไปใหญ่ เธอถามผมแบบตะกุกตะกักว่า "ตายแล้ว มาได้ยังไงเนี่ย" ผมก็ "อ้าว ก็คุณบอกผมเองนี่ว่าให้มาถึงภายในห้านาที ผมก็รีบมาสิครับ"
"แต่ฉันไม่คิดว่า......"เธอแย้งไม่ทันจบ ผมรีบชิงบอกทันที "แต่ยังไงคุณต้องรักษาสัญญานะ ไปเถอะ ผมหิวข้าวแล้ว" เธอพยายามจะบ่ายเบี่ยงแต่ผมก็ตื๊อจนเธอใจอ่อนยอมไปกับผมจนได้
เธอบอกว่าทานแถวนี้ก็แล้วกันนะ รีบทานแล้วจะรีบกลับ ผมหนะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ได้ทานข้าวกับเธอแม้จะทานส้มตำข้างถนนก็เอา
ระหว่างที่ทานข้าว แรกๆเธอไม่มองหน้าผมเลยนะ แต่เราก็คุยกันได้ พอคุยไปเรื่อยๆ ดูเธอเครียดน้อยลง คงเป็นเพราะเราเริ่มคุ้นกันแล้ว ผมชวนเธอคุยเรื่องทั่วๆไป เรื่องรอบๆตัว เกี่ยวกับบริษัท
ถามเรื่องงาน เรื่องอะไรประมาณนี้ พยายามจะไม่คุยเรื่องหน้าแตกในอดีต ผมมีความรู้สึกว่า เธอกับผมมีอะไรหลายๆอย่างคล้ายๆกัน เราเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน แค่ ต่างปี ต่างคณะ
เราทั้งสองคนเป็นพวกบ้างานพอสมควร ไม่ค่อยชอบไปเที่ยวไหนหรอก ชอบอยู่บ้านมากกว่า ระหว่างที่คุยกัน ผมมองหน้าเธอบ่อยๆ เธอเป็นคนสวยแบบใสๆ ไม่ค่อยแต่งหน้า เวลาทำงานก็รวบผม
เวลาเลิกงานก็ปล่อยออกสบายๆ ดูเธอเป็นคนง่ายๆดี ไม่ซีเรียส ผมถามเธอว่าปกติวันเสาร์ อาทิตย์เธอทำอะไร เธอบอกว่า ส่วนมากก็อยู่บ้านพักผ่อน ออกไปซื้อของบ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย ที่บ้านเธอมีคุณแม่อยู่คนเดียว
วันทำงานส่วนมากเธอจะกลับค่ำ ดังนั้นเวลาที่ไม่ต้องทำงานเธอจะทุ่มให้คุณแม่เธอทั้งหมด กลัวคุณแม่จะเหงา เธอน่ารักมั้ยครับ แล้วเธอก็ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา "อุ๊ย สามทุ่มกว่าแล้ว ต้องกลับแล้วล่ะ กลับนะ นะ" อะไรกัน ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วอย่างนี้ล่ะ ผมคิด อย่างว่าแหละครับ เวลาเรามีความสุข เวลามักจะผ่านไปเร็ว เอ้า กลับ ก็กลับ ผมเรียกเด็กมาเช็คบิลล และขอเป็นคนจ่าย ไม่ใช่ว่าจะทำเป็นหน้าใหญ่นะครับ แต่ขอเธอว่าให้ผมเลี้ยงตอบแทนดัชชมิลล์ทั้งสองขวดนั่นเอง เราเดินกลับมาที่ลานจอดรถหน้าบริษัท ผมเดินมาส่งเธอที่รถ ใจน่ะยังไม่อยากจากเธอเลย ยอมรับว่ายิ่งได้คุยกับเธอแล้วยิ่งชอบเธอมากขึ้นไปอีก เดินมาเรื่อยๆจนถึงที่จอดรถ เชื่อมั้ยว่าผมอยากให้ที่จอดรถอยู่ไกลออกไปซัก500โล ผมจะได้มีเวลาอยู่กับเธออีกหน่อย แต่ในเมื่อเป็นไปไม่ได้ก็ต้องมาถึงรถ ผมบอกเธอว่าจะขับรถตามไปส่งเธอถึงบ้านจะได้มั้ย เธอบอกว่าไม่เป็นไรเพราะเธอก็ขับกลับเองมาได้ตั้งนานแล้ว เอาไงดีล่ะ คิดได้ว่าตื๊อเกินไปคงไม่ดีแน่ แล้วแต่เธอก็แล้วกัน เมื่อเธอสตาร์ทรถผมได้ยินเสียงวิทยุดังขึ้นมาเบาๆ ทำให้ผมนึกอะไรได้บางอย่าง ผมบอกให้เธอรอแป๊ปนึงแล้วก็รีบวิ่งไปที่รถ หยิบเอาซีดีแผ่นนึงที่ผมมีอยู่ เอามาให้เธอ แล้วบอกให้เธอฟังไปเรื่อยๆ แต่ฟังเพลงที่สามให้ดีๆนะ ถ้าชอบใจจะส่งข้อความเข้ามาที่เครื่องผมก็ได้นะ เธอมีเบอร์ผมแล้วนี่ ผมอิดออดอีกหน่อยแล้วก็แยกจากกัน คงอยากรู้ใช่ไหมครับว่าเพลงที่สามคือเพลงอะไร คือมันเป็นเพลงที่ค่อนข้างเก่านะ แต่ความหมายเหมาะกับช่วงเวลานี้มากกก คือ"เพลง ใช่เลย" คือคนนี้เลย ที่รอตั้งนาน ประมาณนี้เลย ใช่เลย ผมก็ขับรถกลับบ้านด้วยใจอิ่มเอิบเป็นที่สุด เมื่อกลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำ เอาโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยตลอดเลย เสร็จแล้วก็มานั่งเปิดวิทยุฟัง ฟังไปตั้งนานนนโทรศัพท์ก็ไม่มีข้อความเข้ามาซักที
ดูนาฬิกาได้เวลาห้าทุ่มแล้วยังไม่มีวี่แววอะไรเลย ทำไมเป็นยังงี้นะ หรือว่าเธอไม่สนใจเรา ยิ่งคิดยิ่งเศร้าแฮะ เอ๊ะ! หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมเธอยังกลับไม่ถึงบ้าน มีอะไรรึเปล่านะ ชักเริ่มเป็นห่วงซะแล้วสิ แล้วข้อความก็เข้ามาตอนเกือบๆเที่ยงคืน " เพลงเพราะดี ขอบคุณนะ goodnight " ว้าว! เธอคงไม่รู้หรอกว่าข้อความสั้นๆแค่นี้ได้ทำให้ใจของผู้ชายธรรมดาๆคนนึง พองโตอิ่มเอิบขนาดไหน ผมได้แต่ร้อง "ไชโย ไชโย"อยู่คนเดียว งานนี้มีลุ้นแล้วเรา ผมคิดอย่างนั้นนะ ไปนอนบ้างดีกว่า ไปคิดว่าพรุ่งนี้จะทำยังไงต่อไปดี เย่....มีสิทธิ์ มีสิทธิ์
ผมเดินมานั่งบนเตียง หยิบนามบัตรที่เธอให้ผมเมื่อตอนเราทานข้าวด้วยกันมาดู พลิกไปมา...อืมม ชื่อเพราะดี ไม่มีสระเลย สงสัยเกิดวันจันทร์ นามสกุลก็เพราะ เหมาะกับชื่อดี
แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเดียวกับเราจะเหมาะกว่านี้นะ....ฮ่า...ฮ่า ผมคิดอะไรบ้าๆบอๆตามเรื่องแล้วก็เอานามบัตรของเธอไว้บนหัวเตียงแล้วก็ก้มลงกราบสามที....เฮ้ ผมไม่ได้กราบนามบัตรนะครับ
ผมกราบแล้วอธิฐานว่า "เจ้าประคู้ณ ลูกช้างทำดีมาตลอด อาจจะมีไม่ดีบ้างนิดนึง แต่ ขอให้เธอที่เป็นเจ้าของนามบัตรใบนี้ มีใจให้กระผมบ้างเถิดดดด....เพี้ยง ผมก้มกราบอีกสามที แล้วก็เอื้อมมือไปปิดไฟ..นอน
ผมนอนเหยียดยาวอย่างผ่อนคลาย ความสบายทำให้จิตใจผมสงบลง ผมยังไม่หลับแต่นอนจ้องเพดานมืดๆ แล้วก็คิดได้ว่า มีคนเคยบอกไว้ว่า "ในความมืดสนิท บางทีก็ทำให้เราเห็นอะไรๆชัดขึ้น" จริงด้วย
ผมค่อยๆคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมในหลายวันที่ผ่านมา มันเหมือนจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อ มันเป็นเหตุบังเอิญ หรือพรหมลิขิตกันแน่ ที่ทำให้ผมได้มาพบกับเธอ ได้เจอ ได้คุย ได้ทานข้าวด้วยกัน
ผมคิดไปต่างๆนาๆ สะเปะสะปะ แล้วก็คิดถึงภาพใบหน้าของเธอตอนที่ยิ้มให้ มันชัดเจนมากจนทำให้ผมรู้สึกเย็นๆที่หัวใจยังไงไม่รู้ ผมดึงผ้าขึ้นมาห่มและกอดเบาๆจนหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
............ ......... ......
เช้าแล้ว ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องรับแขก มีเสียงคนกดออดที่หน้าประตู ออด.....อออดดด ผมลุกไปเปิดประตู "เธอ"นั่นเอง ผมงงว่าเธอรู้จักบ้านผมได้ยังไง แล้วเธอก็ถามผมว่า "จะไม่เชิญให้เข้าบ้านเหรอคะ"
ผมก็เลยรีบเชิญเธอเข้ามาในบ้าน ระหว่างที่เดินเข้ามา ผมถามเธอว่านี่มันอะไรกันเนี่ย....เธอตอบว่า "ก็คิดถึงนะสิ เลยมาหา" ผมที่กำลังงงอยู่แล้วก็เลยยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แล้วผมก็ได้ยินเสียงออดดดดด ดังขึ้นอีก ใครมาอีกหละ
ผมเดินมาที่ประตูอีกครั้ง แล้วก็รู้สึกเหมือนโลกหมุนเป็นวงกลม ทุกอย่างดับมืดลงแล้วก็สว่างขึ้นมา ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง ตัวเองนอนอยู่บนเตียง งงมาก อะไรกันนี่ แต่หลังจากคิดๆแล้ว ผมก็รู้ว่าว่าผมฝันไปนั่นเอง นี่เราเป็นมากถึงขนาดนี้เชียวหรือเนี่ย
ผมหัวเราะกับความฝันแปลกๆที่เกิดขึ้น บอกจริงๆว่าเสียดายมากกน่าจะฝันต่ออีกหน่อย ดูเหมือนจริงยังไงไม่รู้ อยากรู้จริงๆว่าถ้าฝันต่อไปจะเป็นยังไง
แต่ก็เช้าแล้วนี่ กี่โมงแล้วล่ะ ผมหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู เพิ่งจะเก้าโมง ปกติผมไม่ตื่นเช้าอย่างนี้หรอกนะ ถ้าเป็นวันหยุด แต่ว่าตื่นมาแล้วสดชื่นดีจัง นอนต่อก็คงไม่หลับ ตื่นแล้วตื่นเลยก็แล้วกัน
ผมลุกไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จแล้วก็มานั่งที่โต๊ะทำงาน ดูเวลาสิบโมงเช้าพอดี ผมเปิดเพลงเบาๆ เปิดโทรศัพท์มือถือ เปิดคอมพิวเตอร์ กำลังจะต่อinternet แล้วมือถือผมก็ดังขึ้นมา
ปี๊ป ปี๊ปปปปป ปี๊ปปปปป มีmessageเข้ามาแฮะ ข้อความว่าไงนะ แล้วใครส่งมา อยากรู้จังว่าจะใช่จากคนที่ผมรอรึเปล่า ผมรีบกดดูทันที .......................
เธอนั่นเอง ผมดีใจจนเนื้อเต้น ในโทรศัีพท์ของผม มีข้อความขึ้นมาว่า "ขอบคุณที่ได้ทานข้าว ด้วยกัน แล้วจะติดต่อไปใหม่ถ้าว่าง"
ผมรู้สึกสบายตัวขึ้นมาทันที และคิดเข้าข้างตัวเองนิดหน่อยว่าเธอคงมีใจให้ผมบ้าง แล้วก็ผล็อยหลับไป
วันรุ่งขึ้นผมไปทำงานด้วยความสดใส ขับรถไปเรื่อยๆตามทาง สายตาผมไปสะดุดกับรถคันหนึ่ง เอ้ะ ผมคุ้นๆว่า รถคันนี้ผมเห็นที่ไหน
อ้อมีสติกเกอร์แมว sanrio ด้วย ใช่เลย ใช่รถของเธอแน่ๆเลย ผมรีบเร่งเครื่องไปเพื่อจะทักทาย แต่รถมันก็ติดน่าดูเหมือนกัน ผมแทรกไปเรื่อยท่ามกลางคลื่นรถยนต์ของถนนสาทร และรถผมก็อยู่ด้านข้างของเธอพอดี
ทันใด ยังมิทันที่ผมจะบีบแตรทักทายให้เธอหันมา ผมก็ประสบเห็นทันทีว่า มีชายหนุ่มเป็นสารถีให้เธออยู่ครับ เจ้าหนุ่มนั่น ผมคะเนว่าอายุอาจจะอ่อนกว่าผมเล็กน้อย แต่หน้าตาอาจจะดีกว่านิดหน่อย
หน้าผมชา ประสาทเหมือนถูกทุบ " อะไรกันหว่า " ผมงุนงงกับตัวเอง และตัดสินใจ ไม่บีบแตรทักทาย สายตาอันร้อนผ่าวของผมเหลือบจ้องว่า เธอและเขาทำอะไรกัน
ขณะนั้นผมต้องการเพียงอย่างเดียวคือออกไปจากที่นั่นให้เร็วที่สุด ผมกดคันเร่งอย่างไม่ไยดี พุ่งออกไปข้างหน้า จนก รถของเธอหายไปจากกระจกมองหลังของผม
ณ.ที่ทำงาน ผมเดินหน้าละห้อย ขาเหมือนหมดแรง คล้ายแมวโดนตอน แม้แต่เพื่อนร่วมงานผมยังทัก "เฮ้ยเป็นไรวะ ทำหน้ายังกับโดนแฟนทิ้ง เอานี่ตูซื้อดัชมิลลมาฝาก เห็นพักนี้ชอบกิน" ผมไม่ตอบ ได้แต่รับนมเปรียวมารับไว้ และเดินไปที่โต้ะทำงาน
หัวสมองผมเหมือนโดนปั่นด้วยจักร "อะไรกัน เขาเป็นใคร ทำไมมาขับรถให้เธอ" ผมนั่งหัวติ้วๆ อยู่ ก็โดนตบกระโหลกอย่างแรง เจ้านายผมเอง "เฮ้ย รายงานได้หรือยัง"
"ครับๆ กำลังจะส่งพอดีครับพี่ " ผมนึกด่า ในใจ คนกำลังใช้สมองดันมาตบหัวเล่นได้ซะนี่ สักวันเป็นหัวหน้าขึ้นมา จะเอาไม้ตีหัวมันบ้าง
ก่อนเที่ยงเล็กน้อย ผมมานั่งครุ่นคิดว่า สมควรไหมที่ผมจะโทรไปหาเธอเพื่อถามสถานการณ์ อา...ได้การละ ผมต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่่องแล้วชวนเธอไปกินข้าวอีก ถ้าวันนี้เธอปฏิเสธแสดงว่า ต้องมีอะไรพิเศษกับหนุ่มหน้าตี๋คนนั้นแน่ๆเลย
ผมรีบโทรเข้าที่ทำงานเธอ แต่คำตอบที่ได้รับคือ "อ๋อ พี่เขาออกไปตรวจงานกับหัวหน้า คะ อาจเข้ามาเย็นๆคะ " นั่นยิ่งทำให้ผมอึดอัดใจมากขึ้น จนคิดว่า เป็นไงเป็นกัน วันนี้ผมต้องไปดักที่ทำงานอีกทีดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย
เร็วเท่าความคิด ผมนั่งใจจดใจจ่อมองนาฬิกาไซโก้เรือนละ พันห้าของผม ว่าเมื่อไรจะสี่โมง ผมจะเผ่นออกไปก่อน ฝากบัตรพนักงานให้อ้ายโต้งเพื่อนซี้แอบรูดให้หลังห้าโมงไปแล้ว เจ้านายจะได้ไม่สังเกต
ผมกระสับกระส่ายทั้งบ่าย งานการไม่เป็นอันทำ ครุ่นคิดแต่ว่า จะทำยังไงดี จะพูดยังไงกับเธอดี เพื่อจะได้ "ล้วงตับ" ของเธอได้ว่า หนุ่มตี๋คนนั้นเป็นใคร
เอาละเวลาผมมาถึงแล้ว สั่งเสียอ้ายโต้งไว้ ว่าอย่าให้พลาด เดี๋ยวเจ้านายหัวเหม่งถามให้บอกว่าไปเอากรมธรรม์ประกันชีวิต
ผมสาวท้าวเดินไปไขรถญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่ของผม กรรมแท้ๆ มันได้แต่ร้องคราง "อืด อืด อืด" ไม่ติดเสียที ผมเหงื่อตกกีบ ขึ้นมาทันที "ทำไงดีฟะ"
จนแต้ม ผมลงทุนเปิดประตูออกไปนั่งยองๆข้างรถ "แม่เขียว จ๋า พ่อไหว้ละจ้ะ ติดหน่อยเหอะนะ พ่อจะไปหาหญิงจ้ะ" ยังไม่ทันก้มกราบแบบเบญจางคประดิาฐ์ เสร็จ ผมรู้สึกหน่วงๆ เหมือนมีใครมายืนด้านหลัง
"เฮ้ย ผีหรือเปล่าวะ" ผมนึกขึ้นมา แต่ไม่น่าใช่ รถเราอ้ายยุ่นมันคิด ไม่ใช่ แม่นาคนี่หว่า มันจะเป็นไปได้ไง ทันใด ผมนึกถึงหนังล่าสุดที่ไปดูมา The eyes หรือว่ามันจะเป็นคนแก่ที่อยู่ใน ลิฟท์
ผมค่อยๆหันหน้ากลับไปดู "พี่ๆ ทำอะไรครับ" โธ่เว้ย อ้ายยามนี่เองทำผมตกใจแทบสิ้นสติ "อะไรคุณ มาจ้องผมทำไม"
"อ้าว ก็เห็นพี่มานั่งไหว้รถ อยู่ผมก็นึกว่าคนสติไม่ดีบุกมาไงครับ ผมทำตามหน้าที่ครับ" นอ้งยามพูดยิ้มๆ กล่าวต่อว่า "อีกอย่างผมเห็นว่ามันกลางวันแสกๆ คนทำอย่างพี่ได้นี่เรียกได้ว่า คนบ้า ละมั้งครับ"
ผมข่มใจทำเสียงให้เป็นปกติ ตอบกลับเยือกเย็นว่า "Ku ไม่บ้า โว้ย ออกไปไกลๆ"
น้องยามคงสังเกตเห็นผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงและตาผมที่เริ่มขวางจึงล่าถอยออกไปแต่โดยดี

ผมเริ่มทำใจได้ เพราะว่าสตารท์ยังไงมันก็ไม่ติด เอาละ ผมคิดในใจ ยังไงก็ต้องไปให้ได้
"แท้กซี่ ๆ ๆ " ผมแหกปากตะโกนเรียกอยู่หน้าตึก รถเขียวแดงคันหนึ่งจอดปราดเข้ามาอย่างเร็ว โชเฟอร์หน้าแก่ เปิดประตูด้านคนนั่งออกมาแล้วถามผมอย่างเร็ว
"ไปไหน" ผมนึกในใจ ทำไมต้องถามฟะ แท้กซี่มันมิเตอร์หมดแล้วจะไปไหน ตูก็ต้องจ่ายตังไม่มีต่อ แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลา ผมจึงบอกสถานที่ที่ต้องการไป
ลุงแก่หันหน้ามามองแบบไม่สบตา " รถผมหมดกะแล้ว ต้องไปส่งอู่" เวรกรรม แถวที่ทำงานผมไม่มีแท้กซี่เข้ามาบ่อยๆด้วยเพราะอยู่ในซอย ผมเลยต้องขู่แกทันที "ลุงถ้าไม่ไปนี่ผมแจ้งตำรวจจับได้นะ" ลุงแก่หันมาทำหน้าเขม็ง "คุณจะเล่นผมแบบนี้เลยหรือ เอาละ ผมไปได้ แต่คุณต้องจ่ายเพิ่ม หนึ่งร้อย"
"อะไรวะ" ผมอุทาน "หนึ่งร้อยมันค่าอะไร"
ลุงแก่ทำหน้าตาย" ค่าที่ผมไปส่งรถไม่ทัน"
"เอาก็เอา ไปเลยนะ" ผมตัดสินใจกลัวไปไม่ทันเธอเลิกงาน หารู้ไม่ว่า ผมเตะหมูเข้าปากหมา
ผมปิดประตูอย่างแรง ปากเร่งบอกลุงแก่ให้รีบไปถึงที่หมาย
ระหว่างทาง ลุงแก่ขับแบบสบายๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเร่งร้อน ตรงข้ามกับผมที่ใจแทบร้อนยิ่งกว่าไฟในเตา
"ลุงๆ ขับอย่างนี่เมื่อไรจะถึงนี่" ผมชักเร่ง
"แล้วจะให้ผมทำยังไง" ลุงหันมาตอบหน้ายิ้มๆ
เอาละ เสร็จละตู สถานการณ์เหมือนตอนโดนตร.จับเลย ผมคิดในใจ "ลุงครับ กรุณาขับให้เร็วหน่อยเถอะครับ ผมจะไปไม่ทันนัด"
"นัดสาวไว้ใช่ไหมละ" ลุงแก่หันมามองหน้าแบบรู้ใจ "เอาละ น้ำมันมันก็แพง ถ้าคุณจะให้ผมขับเร็ว ผมขอค่าแก้ส เอ้ย ค่าน้ำมันอีกสักร้อยนึง ตกลงไหม"
ผมชักมีน้ำโห "อะไรกันลุง ขอยิบ ขอย่อยอย่างนี้ ผมไม่เอาแล้ว" ลุงหันหน้ามามองอย่างไม่ยี่หระ "เอาเลย คุณ เวลาสี่โมงเนี่ย มีแต่คนเขาส่งรถกัน ไปที่ไกลๆแบบคุณไปไม่มีใครไปหรอก หรือว่าคุณจะเสียเวลาไปเรียกคันใหม่ครับ"
ผมคิดได้ทันที "เอาเลย ผมเบิ้ลให้สองร้อยเลยนะ ไปให้ทัน ด่วน" ผมนึกในใจ อ้ายแก่นี่ สักวันจะตบกะโหลกให้
16.50 ผมมาถึงหน้าที่ทำงานเธอ ชะเง้อมองรถของเธอ เจอแล้ว จอดอยู่ในๆหน่อย ผมรีบไปดักรอที่โต้ะประชาสัมพันธ์ ระหว่างนั้นผมจัดผมเผ้า ให้เข้าที่และ จัดเนคไทให้เรียบร้อย
ผมนั่งเป็นหนูติดจั่น จน18.00 เธอก็ยังไม่ลงมา ผมเลยตัดสินใจขึ้นไปหาเองดีกว่า เพราะผมจำโต้ะเธอได้
ระหว่างทาง ผมก้มหน้าก้มตาเดิน ทันใดมีคนเรียกชื่อผม เบาๆ ผมผวาหันไปมองตามเสียง ภาวนาให้เป็นเธอ แต่กลายเป็น "พี่อร" รุ่นพี่ที่คณะของผมนั่นเอง
"อ้าว หนุ่มหล่อ มาทำอะไรที่นี่" พี่อรทักทายเสียงดังตามไสตล์ สาวมั่น
"เอ่อ คือ ผม...ผม" ผมติดอ่างมาทันที
"ผมมาหาคุณ ...ครับ" ผมตัดสินใจบอก
"อ้าวมีธุระอะไรเหรอ นี่มันเลิกงานแล้วไม่ใช่หรือ ธุระเรื่องงานหรือเปล่า" พี่อรมองผม พร้อมจ้องตาเหมือนจะเค้นเอาอะไรบางอย่าง
"ป่าว เอ้ย ใช่ เอ้ยไม่ใช่ครับ คือผม ติดเงินค่านมเขานะครับ" ผมคิดเรื่องโกหกอย่างซึ่งๆหน้าไม่ทันก็เลยต้องใช้มุขนี้แหละนะ
พี่อรมองหน้าผม "มีอะไรถึงต้องมาพบเธอด้วย"
ผมชั่งใจอยู่นานว่าจะบอกดีมั้ยจึงคิดว่า "เอ่อ พี่ห้ามบอกใครนะครับ คือว่า ผมอยากรู้จักกับเธอแบบเพื่อนพิเศษ นะครับ"
พี่อรจ้องหน้าผมเขม็ง ทวนคำช้าๆ "เพื่อนพิเศษ แบบไหน"
ผมเหงื่อแตก "คือว่าๆ ผมชอบเธอนะครับ"
แปลก แทนที่พี่อรจะสู้ตาผมเหมือนเดิม กลับหลบสายตาแทน ทำให้ผมกระสับกระส่ายแทน
"เหรอ" พี่อร หลบตาแล้วตอบสั้นๆ ผมยิ่งกังวลในยิ่งขึ้น นั่นไง สงสัยอ้ายหนุ่มเมื่อเช้านั่นต้องเป็นแฟนเธอแน่เลย ทำให้ผมกล้าที่จะถามพี่อรตรงๆ
"พี่ครับ ทำไมครับ เธอมีใครแล้วหรือ ที่ทำงานเดียวกันใช่ไหม หน้าตาตี๋ๆ ใช่ไหม" ผมยิงคำถามเป็นชุด
"ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่ๆ เธอไม่มีหรอก ฟง แฟนอะไรหนะ" พี่อรระล่ำระลักบอก แต่สายตามองหลุบต่ำเช่นเดิม
"เอาละ พี่ไปก่อนละนะ แฟนพี่รอ" พี่อร ตัดบท แต่ผมกลับตัวลอยในคำตอบของพี่อร อย่างน้อย ผมก็รู้แล้วละว่าเธอไม่มีแฟน
ผมเดินตัวเบาขึ้นไปข้างบน โดยไม่ได้สังเกตอาการรีบเร่งของพี่อรที่เดินจ้ำอ้าวไป
เจอแล้ว เธอนั่งหันหลังให้กำลังเข้าเวบอยู่ ผมสังเกตนิดหน่อยเห็นเวบเป็นสีชมพู อา....เธอคงกำลังรักใครแน่ๆ ผมภาวนาให้เป็นผม "ทำอะไรครับ" ผมทัก เธอรีบปิดจอ ผมสังเกตทันว่าเป็นเวบชื่อ ปาลม์-พลาซ่า . com "เปล่าคะ" "อ้าวแล้วมาไงคะนี่ นึกจะมาก็มา ทำไมไม่บอกันก่อนละคะ" เธอทำหน้าย่น
ผมนึกในใจ หน้าย่นก็ยังน่ารัก "อ๋อ คือผมผ่านมาครับ บังเอิญว่ารถเสียก็เลย มาหาอะไหล่แถวนี้นะครับ" ผมไม่ได้บอกความจริงว่าหน้าโง่ที่โดนอ้ายแก่แท้กซี่โขกเอาตั้งสามร้อยฟรีๆ เพื่อจะได้มาทันเวลาเธอเลิกงาน
"เหรอคะ แล้วหาเจอไหมคะ ถ้าหาเจอก็กลับไปได้แล้วนี่คะ" เธอตอบกี่งไล่
"อ๋อ ผมหาไม่เจอครับ แต่ไม่ทราบเย็นนี้ว่างไหมครับ คือผมจะชวนไปกินข้าวหน่อย"
เธอมองหน้าผมแบบชั่งใจ เหมือนรู้ว่าผมมีแผนอะไรอยู่ "จริงๆ ก็ไม่ว่างหรอกคะ แต่สงสารที่คุณไม่มีรถ จะให้ติดรถระหว่างทางไปด้วยก็ได้คะ"ฮุเร ผมนึกในใจ คุ้มแล้วที่ให้อ้ายโต้งช่วยรูดบัตรให้ ผมไม่รอช้า รีบช่วยเธอหิ้วกระเป๋าเอกสาร เดินหน้าเชิดออกไป เห็นว่าพวก

สาวๆในที่ทำงานเธอมองผมแปลกๆ สงสัยละซิว่า หนุ่มหน้าตาธรรมดาอย่างผมก็เดินควงกับสาวน่ารักได้เหมือนกัน
ผมชักชวนเธอลงไปทานข้างกับผมก่อนขึ้นรถจนได้ ก็เป็นร้านอาหารไทยในละแวกนั้นโดยให้เหตุผลว่า รถติดยังไม่น่ากลับตอนนี้
ซึ่งเป็นเหตผลหมาแก่ ตามเคย
เธอสั่งอาหารสองอย่างให้ผม ระหว่างกิน ผมเอ่ยปากมาก่อนว่า เมื่อเช้าผมเจอคุณด้วย บนถนน ใครขับรถให้ครับ"
เธอมีสีหน้าปกติ "อ๋อ คุณหมอนะคะ เป็นลูกค้าอยู่ บังเอิญว่ารถแกเสียก็เลยให้แกไปด้วยนะคะ"
ผมนึกในใจ โห มีการส่งนมให้หมอด้วย แหมแสดงว่าเธอต้องระดับเจ๋งจริง ถึงเข้าไปถึงโรงพยาบาลได้
"เหรอครับ แหมผมก็ตกใจ นึกว่าแฟน" ผมได้ทีรุกเลย เอาให้เห็นกันจะๆว่าใช่หรือไม่
"ไม่มีหรอกคะ" เธอตอบพลางหันหน้าไปมองหน้าต่าง เอาละฟะ ตรงตามที่พี่อรบอกเป้ะ เลย ผมยิ้มกริ่ม
"เหรอครับ แหมผมก็ยังมีโอกาสนะซิ" ผมใส่ทันที ไม่ให้ตั้งตัวติด เธอไม่ตอบแต่มองหน้าแบบยิ้มๆ
"แน่ใจหรือคะ" เอาละซิ ผมต้องสู้แล้ว "แน่ครับ" ผมตอบทันที
หลังจากวันนั้นแล้ว ผ่านไปสามเดือน ผมกับเธอก็ได้ทำตัวเสมือนเป็นแฟนกัน คุยกันทุกคืน ผมพยายามชวนเธอไปเที่ยวเดินซื้อของ
จตุจักร แต่เธอมักปฎิเสธบอกว่าอากาศร้อน เรื่อยไป ผมเลยต้องคนเดียวอีกตามเคย
วันหนึ่ง เธอคงทนคำรบเร้าของผมที่อยากให้ไปเจอเพื่อนๆผมไม่ไหวโดยเฉพาะอ้ายโต้ง ผู้สบประมาทผมตลอดมา ว่าผมไม่มีทางมีแฟน เอาละผมจะให้มันดูว่าแฟนผมสวยขนาดมันต้องตะลึงแน่ๆ เย็นวันเสาร์นั้น ผมขับนังเขียวของผมไปรับเธอที่บ้าน ดูเธอสดใสจริงๆ เสื้อสีขาวสายเดี่ยวกับกางเกงหลุดเอวสีเนื้อรับกันดีมาก ผมพาเธอไปกินข้าวที่ร้านบ้านต้นซุงย่านทาวอินทาว ซึ่งผมคิดเอาเองว่าบรรยากาศดีเหมาะแก่การสังสรรค์กับเพื่อน
"เฮ้ย โต้ง นี่แฟนเรา" ผมเอ่ยปากด้วยเสียงอันดังให้ทุกคนในโต้ะได้รู้ เพื่อนๆผมต่างรับไหว้ แฟนผม รวมถึงอ้ายโต้งซึ่งถึงกับ ตะลึงอ้าปากค้าง ผมขำในกริยาของมัน "เฮ้ยๆ เป็นไง กรามค้างเลยเหรอ เป็นไง น่ารักไหม"
"น่ารักวะ เอ้ยครับ เอ้อ ผมว่าผมรู้จักแก เอ้ยเธอมาก่อนใช่ไหม ครับ" อ้ายโต้งทักทายแปลกๆ
"อ๋อใช่คะ นี่โต้งใช่ไหมคะ" เธอตอบเสียงแปร่งๆไป
"เออใช่ เอ้ย ใช่ครับ ผมเองแหละ" อ้ายโต้งมองเธอตาค้างแถมมองหน้าผมสลับไปมา ผมสะใจมาก ปล่อยให้มันบ้าไป คืนนี้มันจะ

ต้องฝันเห็นแต่หน้าผมหัวเราะเยาะมันแน่ๆ
ขากลับ ผมถามแฟนผม ว่ารู้จักเจ้าโต้งตอนไหน เพราะผมรู้แต่ว่ามันเรียนโรงเรียนชายล้วนมา แฟนผมตอบว่า "นานแล้วคะ นาน

แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะได้เจออีก" แล้วเธอก็เงียบไป
วันจันทร์ อ้ายโต้งดักรอผมที่หน้าออฟฟิศตั้งแต่ 7 โมง
"ถามจริง รู้จักแฟนได้ไงวะ" อ้ายโต้งเพ่งตามผมเขม็ง
"อ้าว ถามหมาๆ แล้วไงละ มันเกี่ยวอะไรกับเอ็ง" ผมยียวนเพราะผมถือว่าผมเป้นต่อ
"เอ็งมีอะไรกับเขาหรือยัง" โต้งถามเสียงเครียด
ผมชักโมโห เฮ้ยอะไรกัน ถามตรงๆอย่างนี้เลยเหรอ "อะไรวะ นี่ทำไมพูดอย่างนี้"
โต้ง จ้องหน้าผมตอบว่า " เอ็งรู้ใช่ไหม ว่าข้าเรียนมัธยมที่ไหน"
"รู้ แล้วไง" ผมตอบ "แล้วแฟนเอ็งบอกหรือเปล่าว่ารู้จักข้าที่ไหน" โต้งถามต่อ
"บอก บอกว่านานแล้ว" ผมชักสงสัย "แล้วไงละ"
อ้ายโต้งถอนใจ "เอ็งก็รู้แล้วว่าข้าเรียนชายล้วน เพื่อนหญิงก็ไม่ค่อยมีหรอก" "แฟนเอ็งนะเป็นเพื่อนข้า เพื่อนโรงเรียนเดียวกัน"
"บ้าเหรอ โรงเรียนเอ็งมีแต่ผู้ชาย" ผมแย้ง
"ใช่ๆ นี่แหละเพื่อนข้าเอง คมเดช" โต้งตอบพร้อมหลุบตา
"มันจบมาด้วยกัน พอเข้ามหาลัยก็ได้ข่าวว่ามันสาวแตก ทนไม่ไหว เลยต้องไปผ่าตัดแปลงเพศ แต่แน่ใจว่าทำช่วงล่างหรือเปล่า
แต่...ข้าว่ามันก็สวยดีนะ เห็นทีแรกจำไม่ได้ ก็เลยถามเอ็งดูเพื่อความแน่ใจว่ามีอะไรกันหรือยัง" อ้ายโต้งใส่เป้นชุด
ผมถึงกับเบลอ "นี่เราเป็นแฟนผู้ชายหรือ" "เราเป็นแฟนนายคมเดช" ผมละเมอออกมา
นี่ไง พี่อรถึงไม่กล้าสบตาเรา ที่ทำงานของเธอถึงมองเรากันแปลก ผมเริ่มรู้ซึ้งแล้วว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ แล้วที่เธอบอกว่าคุณ
หมอนะคะ เป็นลูกค้าอยู่ หมายถึงว่าเธอเป็นลูกค้าหมอเพื่อแปลงเพศต่างหาก ไม่ใช่หมอเป็นลูกค้าส่งนมเธอ ผมถึงบางอ้อ อ้ายโต้งให้ความสว่างแก่ผม ทันที
นี่แหละครับ ผมถึงบอกว่า ตั้งแต่เป็นแฟนสาวดัชมิลล์ ถึงได้รู้ว่าเธอไม่ได้มีดีแค่นมเปรี้ยว

จบแล้ววว


Create Date : 10 กรกฎาคม 2548
Last Update : 10 กรกฎาคม 2548 10:28:47 น. 3 comments
Counter : 775 Pageviews.  

 
จบแล้วอ๋อ


โดย: นู๋เปนลิงบ๊องส์แสนซน (idexying ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2548 เวลา:18:02:26 น.  

 
ตลกดี


โดย: หนม IP: 125.26.135.167 วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:19:38:10 น.  

 
อ่านจบตั้ง 3ตอน นึกว่าจะเป็นลูกสาวท่านประธาน กะเทยไทย 55555


โดย: ขำ IP: 125.26.135.167 วันที่: 18 มกราคม 2554 เวลา:19:40:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ยกกระดก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




I know you know what I know
[Add ยกกระดก's blog to your web]