เที่ยวทั่วไทย ไปกับศุภฤกษ์ การท่องเที่ยวค่า...^^
|
||||||||||
ทักษิณ คือต้นเหตุและปลายเหตุของวิกฤติความขัดแย้ง ทักษิณ คือต้นเหตุและปลายเหตุของวิกฤติความขัดแย้ง ......................................................................................................... โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 15 มีนาคม 2553 02:51 น. ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต มีผู้อธิบายว่า วิกฤติความขัดแย้งการเมืองไทย ทักษิณ เป็นเพียงปลายเหตุ ไม่ใช่ต้นเหตุ โดยสร้างแนวคิดพร้อมคำอธิบายว่า เป็นเพราะความแตกต่างของคนรวยคนจนในสังคมไทยมีมาก แล้วก็พลอยอธิบายต่อไปว่า ชนชั้นสูงเอาเปรียบชนชั้นต่ำ ความขัดแย้งจึงซึมลึกที่โครงสร้าง และด้วยวิธีอธิบายเหตุผลทำนองนี้ ทักษิณ จึงเป็นแค่ปลายเหตุของปัญหา ผมคิดว่า คำอธิบายดังกล่าว ทำให้ ทักษิณ ดูดีเกินจริง! ฟังดูราวกับว่า ทักษิณ เป็นเหยื่อของโครงสร้าง เป็นผู้ไร้เดียงสา ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับความขัดแย้งหรือแม้แต่กระทั่งความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของคนในสังคมไทย ฟังราวกับว่า ทักษิณ ไม่ได้กระทำผิดอะไรเลย แต่ใครเกิดมาเป็น ทักษิณ ก็คงเป็นอย่างนี้ คำอธิบายข้างต้น ได้ช่วยผลักภาระความรับผิดชอบออกไปจากตัว ทักษิณ โดยปัดไปโทษโครงสร้างแห่งความไม่ทัดเทียม กลายเป็นยกความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการดิ้นรนเอาตัวรอดของ ทักษิณ ให้เป็นความขัดแย้งในโครงสร้าง ปลดปล่อยหรือฟอกความชั่วของทักษิณ ด้วยการพยายามดึงคำอธิบายโยงขึ้นไปเป็นเรื่องของชนชั้นสูง คล้ายๆ ที่แกนนำเสื้อแดงเรียกว่า อำมาตย์ เป็นตัวการที่ทำให้บ้านเมืองแตกต่าง และนำไปสู่การแตกแยก ผมเห็นความจริงในข้อที่ว่า สังคมไทยมีความแตกต่างในรายได้สูงมากจริง มีคนรวยจำนวนหนึ่งที่รวยล้น และคนจนที่กระจาย และก็ยังเห็นต่อไปด้วยว่า คนรวยจำนวนหนึ่ง เกิดจากอำนาจผูกขาด ทั้งธุรกิจและการเมือง ในอดีต คนได้อำนาจทางการเมืองก็มาได้ผูกขาดหาสิทธิประโยชน์พิเศษทางเศรษฐกิจ กอบโกยเป็นทรัพย์สินส่วนตัว และต่อมา ก็เข้ายึดอำนาจทางการเมือง เพื่อพยายามรักษาผลประโยชน์ทางธุรกิจส่วนตัว ผมชี้ชัดให้เห็นเลย... ทักษิณ ไงล่ะ คือ ตัวอย่างแห่งความชั่วร้ายที่ทำให้โครงสร้างสังคมมีความแตกต่างมากขึ้น! ทักษิณ จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้แสวงหาความมั่งคั่งร่ำรวยที่ผูกขาดทั้งเศรษฐกิจและการเมืองในเวลาต่อมา! ทักษิณ ไงล่ะ คือ ตัวอย่างที่ตักตวงผลประโยชน์จากโครงสร้างที่เหลื่อมล้ำ ฉวยโอกาสเบียดบังรายได้ของประเทศ ไปกระจุกตัวอยู่กับคนๆ เดียว มากกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ อย่างน้อย ผมยอมรับว่า ไม่เคยคิดว่าทักษิณจะสะสม เบียดบังสังคมไปมากขนาดนี้ จนทำให้สังคมมีความแตกต่างมากกว่าที่สามารถวัดได้จากการสำรวจสำมะโนประชากรจะตรวจพบเสียอีก ผมจึงมั่นใจว่า ทักษิณ คือ ตัวการร่วม (ส่วนหนึ่ง) ของต้นเหตุ ! ไม่ใช่เป็นเพียงปลายเหตุของวิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง การวิเคราะห์ความขัดแย้งที่เกิดจากชนชั้น แล้วเอา ทักษิณ เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของ คนจนและชนชั้นล่าง จึงเป็นการสร้างภาพลวงตา! ทั้งลวงสังคม และลวงผู้วิเคราะห์เอง! พฤติกรรมแบบ ทักษิณ จึงควรได้รับการใส่ใจที่จะขจัดให้หมดไป และไม่ให้เกิดขึ้นอีกในสังคมไทย นักต่อสู้เพื่อคนยากจน เพื่ออุดมการณ์แห่งความทัดเทียม ควรจะรังเกียจที่จะเข้าร่วมกับสมุนของทักษิณที่มุ่งจะรักษาผลประโยชน์ให้ นาย เพื่อแลกเปลี่ยนบุญคุณ ตอบแทนบุญคุณ นาย หากมองตามความจริงในบริบทของระบบอุปถัมภ์ ทักษิณ ก็คือ มหาอำมาตย์ ที่แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์! จะแก้ปัญหาความแตกต่างของสังคม แก้ปัญหาความขัดแย้ง จึงแก้ไม่ได้ ถ้าจะมุ่ง แก้ตัวให้ทักษิณ ซึ่งเป็นนายทุนผู้หากินกับโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด แก้ไม่ได้ ถ้าจะร่วมมือกับระบอบทักษิณ แต่จะต้องยืนอยู่บนข้อเท็จจริง ที่ปรากฏชัดเจนเป็นลำดับ ถึงความชั่วร้ายที่ระบอบทักษิณได้กระทำกับประเทศไทย โดยเฉพาะที่ได้โกงกิน กอบโกยเข้ากระเป๋าตัวเอง บิดเบือนใส่ร้ายระบบศาลยุติธรรมของประเทศ ดังนั้น จึงต้องขจัดระบอบทักษิณออกจากสังคมไทย และค่อยๆ ต่อรอง ถ่วงดุล เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอันไม่เป็นธรรมกันต่อไป และถ้าลองมองย้อนหลังถึงความจริงของประเทศไทยที่ผ่านมา เราจะเห็นว่า โครงสร้างสังคมการเมืองของเราก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นตามลำดับมาโดยตลอด มิใช่หรือ สถานการณ์ความตึงเครียดในบ้านเมืองเวลานี้ ก็เกิดขึ้นเพราะการเคลื่อนไหว สั่งการ และบริหารจัดการโดย ทักษิณ เพื่อ ทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชนส่วนรวม การต่อสู้เคลื่อนไหวของขบวนการเสื้อแดงทักษิณในขณะนี้ ตีบตันเต็มทีแล้ว เพราะ... 1) ข้อเรียกร้องให้นายกฯ ยุบสภา ดูจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมส่วนใหญ่ เพราะคนส่วนมากรู้ทันแล้วว่าจุดมุ่งหมายที่แท้จริงก็เพื่อจะช่วยทักษิณให้ไม่ต้องรับโทษและได้ทรัพย์ที่ถูกยึดคืน โดยออกกฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อได้อำนาจ ข้ออ้างว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะรัฐบาลนี้ มาจากการเลือกตั้งของประชาชนในเดือนธันวาคม 2550 เลือกตั้งครั้งเดียวกับที่ได้ ส.ส.เข้ามาเลือกนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้คนระแวงสงสัยว่า หากยุบสภาแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้นได้อย่างไร หากระบอบทักษิณได้อำนาจบ้านเมือง แล้วจะรุกไล่ต่อ จนล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือไม่? แล้วจะให้ใครเป็นประมุข หรือผู้นำสูงสุดของระบอบทักษิณ? 2) ที่ผ่านมา (เขียนบทความวันที่ 13 มี.ค.2553) ท่าทีของรัฐบาลอภิสิทธิ์ ได้ดำเนินการกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยฉลาดพอที่จะไม่ทำตัวเป็นคู่ขัดแย้งกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในระบอบทักษิณ แต่วางตัวเป็นผู้บริหารประเทศ ที่ต้องรักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด คอยดูแลคนทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ชุมนุมเสื้อแดงของระบอบทักษิณให้เข้าร่วมชุมนุมได้อย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่กีดขวาง หรือปะทะ แกนนำสามเกลอหัวขาด จึงขาดคู่ชก ขาดเป้าโจมตี ก็ได้แต่ปลุกระดมจากข่าวเท็จ ข่าวลวงไปเรื่อยๆ หากเป็นอย่างนี้ไปตลอด การให้คนมาชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ต่อให้มีถึง 1 ล้านคน ตามที่แกนนำคุยโวเอาไว้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร 3) คนเสื้อแดงระบอบทักษิณ คงสามารถชุมนุมภายใต้อากาศร้อน ขาดเสบียงกรัง ขาดยา ขาดการสมทบอุดหนุนจากประชาชนทั่วไปที่เพียงพอ ขาดคนหมุนเวียนเปลี่ยนเข้าร่วมชุมนุม ได้ไม่ยาวนานเท่าใดนัก จึงเป็นเรื่องหนักใจของแกนนำที่ต้องปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด จะกลับบ้าน หรือจะทำอย่างไร? 4) มีผู้วิเคราะห์ว่า ถึงจุดหนึ่ง แกนนำผู้ชุมนุมอาจเลือกใช้ปฏิบัติการรุนแรง ส่งกองกำลังวินาศกรรม หรือลอบสังหาร คำถามที่ตามมา คือ เมื่อทำไปแล้ว จะเป็นอย่างไร ผลก็คือ หน่วยงานของรัฐที่มียุทธปัจจัย และกำลังทหาร ตำรวจ ก็ต้องออกปฏิบัติการ ต้องมีคนถูกจับกุมดำเนินคดี โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองโดยวิธีนี้ ก็ยังมองไม่ออกว่าจะเกิดได้อย่างไร 5) จะเกิดรัฐประหารได้ไหม? คำตอบ คือ ยาก เพราะจะให้ตำรวจทหารที่ปันใจแก่ระบอบทักษิณลงมือปฏิบัติการ ก็คงยาก เพราะยามนี้ ขณะนี้กำลังความสามารถคงไม่เพียงพอ แต่พลาดพลั้งอาจเป็น กบฏ ถูกยิงเป้า ถูกประณามไปทั้งโคตรเหง้า นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ทหารกำลังหลักก็ได้เรียนรู้แล้วว่า การยึดอำนาจนั้น ไม่ยากเท่ากับการบริหารประเทศหลังรัฐประหาร หลังรัฐประหาร มีความยากลำบากในการหาพลเรือนมาบริหารประเทศอย่างไร หลังรัฐประหาร การจะอยู่ในอำนาจยากยิ่งนัก เพราะจะต้องมีการประท้วง ต่อสู้กันต่อไป และครั้งนี้ หากรัฐประหาร ไม่เพียงต้องต่อสู้กับเสื้อแดงของทักษิณ แต่ต้องสู้กับรัฐบาลอภิสิทธิ์และประชาธิปัตย์ที่ถูกปฏิวัติไปด้วย เมื่อพิจารณาว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์มิได้เลวร้าย โกงบ้านกินเมือง หรือทำผิดคิดชั่วถึงขั้นว่าถ้าอยู่ต่อไปจะทำให้บ้านเมืองล่มสลาย ตรงกันข้าม กลับปรากฏว่า เป็นรัฐบาลที่มีผู้นำสุจริต ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวม ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝง ขณะนี้ก็กำลังฟื้นฟูวิกฤติเศรษฐกิจได้ดี ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายๆ ตัวบ่งชี้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจกำลังโงหัวขึ้นมาเป็นลำดับ อีกทั้ง ยังพยายามแก้ปัญหาความขัดแย้ง ไม่ได้กลั่นแกล้งทหาร ทหารกำลังหลักย่อมคิดว่าร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศให้พัฒนาต่อไป ไม่ดีกว่าหรือ ใครช่วยหาทางลงให้กับแกนนำเสื้อแดงของระบอบทักษิณด้วยเถิด และก็ช่วยหาที่หลบหนีคดีอาญาให้ ทักษิณ ด้วย เพราะสหรัฐอาหรับเอมิเรตน์ (UAE) เขาไม่ให้ที่ซุกหัวต่อไปแล้ว! ............................................................................................................. บทความจาก...//www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000036089 Free TextEditor |
Wonopy
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] ขอบคุณที่รักกัน Group Blog Friends Blog
Link |
|||||||||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
good attitude