Good morning วันแรกในเนปาลกับบรรยากาศแสนสดชื่นหลังฝนตกเมื่อคืน สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แบบมีความสุข
เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าสำหรับค้างคืน 3 วัน เรากำลังจะไปเมืองโปครากัน จริงๆ แพลนเดินทางคือ แค่ 3 วัน 2 คืนที่โปครา แต่ต้องเตรียมเสื้อผ้าไว้เผื่ออีก 1 วัน เพราะมีข่าวว่าจะมีการชุมนุมที่กาฐมัณฑุ และเราอาจจะกลับเข้าเมืองไม่ได้
ออกจากที่พัก เรามาแวะที่วัดศรีศากยะสิงหาวิหารของภัณเต (พระอาจารย์) เพื่อแวะทานอาหารเช้า วันนี้แม่ชีทำข้าวต้มแบบไทย+เนปาล กับอาหารเนปาลให้เราลองชิมกัน อร่อยมากอีกแล้ว
จากบนดาดฟ้าวัด เราเห็นวิวเมืองปาทัน Patan ที่เห็นหิมาลัยอยู่ไม่ไกล ณ เวลานั้นพวกเรากรี๊ดกร๊าดกันมาก เพราะก่อนมาแอบจิตตกกลัวฝนตก ฟ้าปิดมาก
ทานข้าวเช้าเสร็จ ออกเดินทางไปเมืองโปครา Pokhara กัน เราเช่ารถตู้ Toyota แบบเดียวกับที่วิ่งในไทย รวมน้ำมันและคนขับ ค่าเช่ารวม 3 วัน = 30000 รูปี หรือ 9000 บาท ราคานี้เมื่อหารสมาชิกทริป 5 คนถือว่าถูกกว่าที่เราจะนั่งรถทัวร์ไป และบินกลับมาก แถมยังได้นิมนต์ภัณเต และชวนเพื่อนชาวเนปาลอีก 2 คนไปเที่ยวด้วยกัน รวมสมาชิกเดินทาง 8 คน
รถออกจากเมืองปาทันเกือบ 9 โมง กว่าจะถึงเมืองโปคราก็ประมาณบ่าย 3 โมงกว่า เส้นทางวิ่งคดเคี้ยวไปตามภูเขาสูงที่สูงมากๆ แนะนำว่าใครกลัวความสูง ไม่ควรนั่งริมหน้าต่าง ใครเมารถก็จัดยาไปโดยด่วน ระหว่างทางรถจะพาเราแวะกินข้าว ร้านอาหารดูดี สะอาด มีห้องน้ำเรียบร้อย แต่รสชาติอาหารไม่อร่อยอย่างมาก แนะนำให้เตรียมขนมปัง หรืออาหารไปกินเองจะดีกว่าสำหรับคนที่กินยาก
สะพานข้ามแม่น้ำเซติ Seti จุดชมวิวแม่น้ำระหว่างทาง
แม่น้ำสีน้ำนม เราจะสังเกตเห็นความแตกต่างของสีน้ำอย่างชัดเจนในจุดที่มีแม่น้ำ 2 สายมาตัดกัน
ถึงเมืองโปครา เก็บกระเป๋าเข้าที่พักที่จองไว้ล่วงหน้าไปจากไทย Hotel Tara แถวๆ Lake side ที่พักสะดวก สะอาด มีอาหารเช้าเป็นชุดให้ ราคาไม่แพงเกินไป
เย็นวันนี้ เราไปขึ้นเขา Sarangkot เพื่อไปชม World Peace Pagoda และวัดญี่ปุ่นกัน ข้อดีของการมาตอนเย็น คืออากาศไม่ร้อนทำให้เดินได้สบาย กว่าจะถึงเจดีย์ต้องเดินขึ้นบันไดพอสมควร แต่ข้อเสียของการมาตอนเย็น ก็คือ มีโอากาสเจอฝน เพราะช่วงปลายกันยาฝนมักจะตกช่วงเย็น แถมขากลับประตูหลักปิด ต้องเดินวนๆ อ้อมไปอีกทาง
จากจุดนี้มองลงไปเห็นทะเลสาบเฟวา และเมืองโปครา และตรงหน้าเรานั้น Annapurna แอบมาทักทายเรานิดๆ หน่อยๆ
ต้นหญ้าเขียวๆ ระหว่างทาง
ค่ำวันนี้ เราไปทานอาหารเย็นกันที่ร้าน Moondance ที่คนขับรถพาไป เป็นร้านที่แนะนำในหนังสือ Lonely Planet ด้วย อาหารเป็นแนวตะวันตก พิซซ่า ซุป สลัดที่ร้านนี้อร่อยจริงๆ แนะนำให้มาชิมกัน
ประมาณทุ่มกว่าๆ ฝนก็เทกระหน่ำลงมา คนที่นั้นบอกว่า ที่โปคราฝนไม่ตกมาเป็นสัปดาห์แล้ว สงสัยเราจะโชคดี พรุ่งนี้ฟ้าเปิดให้เห็นยอดหางปลาแน่นอนล่ะ หลังฝนตกฟ้าจะใสเสมอ จริงมั๊ย?
...
ตื่นเช้าออกจากที่พักประมาณตีห้าเพื่อไปจุดชมวิวบนเขาสรังกอต Sarangkot เราไปถึงก็มีคนจับจองพื้นที่พอสมควรแล้ว พอเริ่มสาย ฟ้าก็เริ่มเปิดมากขึ้น และแล้วเราได้เห็นทั้งยอดหางปลา Machapuchare และ Annapurna สมใจ เรียกว่าถ่ายรูปกันอย่างจุใจ และกลายเป็นกลุ่มเกือบสุดท้ายที่ลงจากเขาไป วิวบนนี้สวยจริงๆ มีมุมมอง 360 องศา มองไปฝั่งหนึ่งเห็นเทือกเขาหิมาลัย อีกฝั่งเห็นพระอาทตย์กำลังไต่ขอบฟ้าขึ้นฟ้า อีกฝั่งหนึ่งเห็นทะเลหมอก ใครไปโปคราห้ามพลาดจุดชมวิวนี้ แต่ต้องอธิษฐานขอพรกันไปดีๆ นะ เพี้ยง..งง ขอให้ฟ้าเปิด
ระหว่างทางกลับโรงแรม แวะวัดฮินดู Bindhyabasini Temple เป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งที่นี่ เชิงบันไดทางขึ้นวัดฮินดู มีวัดพุทธสังเกตได้จากเจดีย์ทีีมีรูปตาเป็นสัญลักษณ์
กลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมประมาณ 9 โมงเช้า ทางโรงแรมจัดอาหาร ABF เป็นชุดให้ จากนั้นก็ไปเที่ยวตามสถานที่สำคัญๆ ในเมืองโปคราตามที่เค้าแนะนำกัน
น้ำตก Devi's Fall เราว่ามันน่ามหัศจรรย์และสวย มีประวัติความเป็นมาที่ฟังดูน่ากลัวนิดนึง ที่สำคัญน้ำแรงมาก เค้าบอกว่าเป็นน้ำที่ไหลมาจากหิมาลัยเลยเป็นสีขาว
ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ไปเที่ยวถ้ำ Gupteshwor Mahadev Cave ในถ้ำที่เป็นที่ตั้งของวัดฮินดู และเดินต่อไปสุดทางจะเจอจุดที่น้ำตกตกลงมาถึงพื้นดิน ถ้ำนี้ไม่มีอะไรมาก ถ้าคนไม่ชอบเที่ยวถ้ำ ไม่ต้องเข้าไปก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าเข้าชม
ศูนย์อพยพชาวทิเบต Tibetan refugee camps แวะไปดูชาวทิเบตทอพรมขนสัตว์ ราคาพรมผืนละพันบาทขึ้นไป บางคนบอกว่าไม่แพง บางคนก็บอกว่าแพง
บ่าย 4 โมงฝนทำท่าจะตก แล้วก็ตกจริงๆ เราเลยอดนั่งเรือในทะเลสาบเฟวาช่วงเย็น แบบที่ใครๆ แนะนำกัน น่าเสียดาย
กลับไปนอนรอฝนหยุดที่โรงแรม หลังฝนตกฟ้าเริ่มเปิด ขึ้นไปบนดาดฟ้าโรงแรมชมวิวเมืองโปคราแบบไม่หวังอะไร แต่น้องหางปลาคงกลัวเราเสียใจ เลยออกมาทักทายกันยามเย็น ถึงฝนจะตก ฟ้าจะปิด แต่เราก็ได้เห็นน้องหางปลา
หน้าโรงแรม ก่อนออกไปทานอาหารเย็น มองไปไกลๆ นั่นๆ คือหิมาลัย ถ้ามีบ้านอยู่ที่นี่ ได้เห็นหิมาลัยทุกวันแบบนี้ คงจะมีความสุขดีไม่น้อย อยู่จุดไหนในเมืองนี้ก็ได้เห็นหิมาลัย
เย็นนี้เราแวะไปเดินเล่นตามถนนที่ขายของที่ระลึก บรรยากาศที่นี้ชวนให้นึกถึงเวลาไปเที่ยวตามเกาะ ต่างกันแค่ที่นี่ไม่มีทะเล แต่มีทะเลสาบแทน ตามจริงตอนแรกเราแพลนไปจะกินอาหารไทยกัน แต่ร้านอยู่ไกลจากโรงแรมที่พักเกินไป พอรถตู้ไปได้สักระยะหนึ่งถนนเริ่มไม่ดี และมีกลุ่มชาวเนปาลจะมาเก็บค่าผ่านทาง จำนวนเงินไม่สูง แต่มันเหมือนเราโดนเก็บค่าที่ยังไงไม่รู้ สุดท้ายเลยตัดสินใจกลับไปหาร้านอาหารแถวที่พักดีกว่า เมืองโปคราไม่อันตรายถ้าเราอยู่ในจุดท่องเที่ยว แต่ถ้าออกไปนอกจุด อาจต้องระมัดระวังกันสักนิด
ร้านอาหารสำหรับคืนนี้ ชื่อร้าน Byanjan แนะนำโดยคนขายร้านที่เราไปแวะซื้อของฝาก ร้านนี้อาหารออกแนวฟิวชั่น รสชาติใช้ได้ ประทับใจพนักงานที่เป็นกันเองมาก มีเรื่องสนุกๆ คือ โต๊ะเราสั่งเค้กมากินกัน และอำกันว่าเป็นวันเกิด จากนั้นพนักงานในร้านก็รีบหาเทียน มาร้องเพลง Happy birthday เป็นที่สนุกสนาน แถมให้ส่วนลด 10% ตามที่พวกเราขอด้วย
เดินกลับที่พัก 3 ทุ่มกว่าๆ ร้านค้าเริ่มปิด ถนนมืดเป็นจุดๆ ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินไปมาบ้าง ดูเหมือนน่ากลัว แต่ไม่มีอะไรน่ากลัว
...
เช้าวันสุดท้ายที่เมืองโปครา เรามีแผนไปซ่อมโปรแกรมนั่งเรือล่องทะเลสาบเฟวาจากที่เป็นหมันเพราะฝนตกตอนเย็นเมื่อวาน ออกจากโรงแรมประมาณ 6 โมงครึ่ง ไปถึงจุดลงเรือยังไม่มีนั่งท่องเที่ยวสักกลุ่ม มองไปบนฟ้าเมฆเยอะบังหิมาลัยจนหมด เราแอบหมดหวังที่จะได้เห็นหิมาลัยก่อนกลับวันนี้ ทางภัณเตไปช่วยต่อรองราคาเช้าเรือกับพนักงานขายตั๋วแต่ไม่สำเร็จดี แผนนั่งเรือเกือบต้องล้มเลิก ยังดีที่จุดเช่าเรือ ไม่ได้มีแค่จุดนี้เพียงแห่งเดียว รถตู้พาพวกเราไปอีกจุดหนึ่งของทะเลสาบ ที่นี่เราได้นั่งเรือกันสมใจซะที นั่งเรือที่นี่ไม่อันตรายใดๆ เพราะมีเสื้อชูชีพบริการ
ฝั่งตรงข้ามคือ Fishtail lodge อันโด่งดัง น้ำตรงจุดนี้ใส สงบ สวยมาก
คนพายเรือ พาไปยังวัดฮินดูบนเกาะกลางทะเลสาบข้างหน้า
พวกเราโชคดีอีกแล้ว ที่ได้มาลงเรือที่จุดนี้ นอกจากวิวข้างทางจะสวยกว่าจุดลงเรือที่เป็นศูนย์กลาง น้ำแถวนี้ก็สะอาดกว่า คือไม่มีผักตบชวาขวางทางเยอะแยะ เวลาเริ่มสาย ฟ้าเริ่มเปิด เมฆเริ่มเคลื่อนตัว จนเราได้เห็นภาพที่ฝันถึงมาหลายเดือน ภาพที่เห็นในโปสการ์ด ในเวบไซด์ มาอยู่ตรงหน้าเราจริง
กลับมาโรงแรม ได้ข่าวว่าการชุมนุมถูกยกเลิกแล้ว เราเดินทางกลับเมืองปาทันได้ด้วยความปลอดภัย เดินทางจากเมืองโปคราไปพร้อมความประทับใจ และได้ชาร์ทแบตให้กับตัวเองเต็มๆ และแอบสัญญากับตัวเองว่า สักวันฉันจะกลับมาโปคราอีกให้ได้