"พระเทพ" เสด็จฯ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ "สมเด็จเกี่ยว" ณ วัดสระเกศฯ 11 ส.ค.สวดพระอภิธรรม 7 วัน
ภายหลังข่าวการมรณภาพของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) หรือสมเด็จเกี่ยว เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ที่โรงพยาบาลสมิติเวช เมื่อเวลา 08.41 น. วันที่ 10 สิงหาคม เนื่องจากติดเชื้อในกระแสเลือด สิริอายุ 85 ปี 6 เดือน โดยสาเหตุเบื้องต้นคาดว่า ติดเชื้อในกระแสโลหิตนั้น นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผย ถึงพิธีศพ ว่า ได้ประสานเบื้องต้นกับทางวัดสระเกศฯ แล้วคาดว่า จะมีการเริ่มจัดงานศพและสวดพระอภิธรรมในช่วงเย็นวันที่ 11 สิงหาคม เว้นวันที่ 12 สิงหาคม และกลับมาสวดพระอภิธรรมในวันที่ 13 สิงหาคม โดยวันที่ 11 สิงหาคม เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ "คณะสงฆ์ไทยได้สูญเสียพระมหาเถระชั้นผู้ใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ถือเป็นพระนักพัฒนาผู้มุ่งมั่นที่จะเห็นพระพุทธศาสนามีความมั่นคงอยู่บนผืนแผ่นดินไทย และแผ่ไพศาลไปเป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่ชาวโลก โดยเป็นผู้วางรากฐานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในสหรัฐอเมริกา และยุโรป จนกระทั่งประสบผลสำเร็จในปัจจุบัน"นายนพรัตน์ กล่าว ขณะที่ พระวิจิตรธรรมมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กล่าวว่า จะมีพิธีเคลื่อนศพสมเด็จพระพุฒาจารย์ ในเวลา 09.00 น. วันที่ 11 สิงหาคม จากโรงพยาบาลสมิติเวช ไปยังวัดสระเกศฯ จากนั้นเวลา 13.00 น. จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนได้สรงน้ำ โดยคาดว่า จะมีพิธีน้ำหลวงสรงศพ เวลา 17.00 น. แล้วจึงมีพิธีสวดพระอภิธรรม โดยอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน และหลังจากนั้นก็จะเปิดให้ประชาชนมาเป็นเจ้าภาพ โดยจะมีการตั้งศพไว้ประมาณ 100 วัน "ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้ป่วยด้วยอาการติดเชื้อในกระแสโลหิตเข้ารับการตรวจรักษายังโรงพยาบาลสมิติเวช อย่างต่อเนื่องมากว่า 5 เดือน โดยครั้งล่าสุดสมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้เข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณเดือนกว่าๆ และได้มรณภาพลงในที่สุด" พระวิจิตรธรรมมาภรณ์ กล่าว ด้านพระพรหมสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า พิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ก่อนตั้งสวดพระอภิธรรมศพต่อไป นายนพรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการจัดพิธีศพ ได้ประสานเบื้องต้นกับทางวัดสระเกศฯ แล้วคาดว่า จะมีการเริ่มจัดงานศพและสวดพระอภิธรรมในช่วงเย็นวันที่ 11 สิงหาคม เว้นวันที่ 12 สิงหาคม และกลับมาสวดพระอภิธรรมในวันที่ 13 สิงหาคม โดยวันที่ 11 สิงหาคม เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ "ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้ป่วยด้วยอาการติดเชื้อในกระแสโลหิตเข้ารับการตรวจรักษายังโรงพยาบาลสมิติเวช อย่างต่อเนื่องมากว่า 5 เดือน โดยครั้งล่าสุดสมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้เข้ารับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณเดือนกว่าๆ และได้มรณภาพลงในที่สุด"พระวิจิตรธรรมมาภรณ์ กล่าว พระพรหมสุธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า พิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ เวลา 17.00 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ก่อนตั้งสวดพระอภิธรรมศพต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลสมิติเวช มีพระลูกศิษย์และฆราวาสที่เคารพนับถือทยอยเดินทางมาเคารพศพ ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชน เดินติดตามไปร่วมสังเกตการณ์แต่อย่างใด โดยเชิญสื่อมวลชนมารออยู่บริเวณชั้น 1 จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้นำเอกสารนำมาแจกจ่ายให้กับผู้สื่อข่าว เนื้อหาของเอกสารระบุว่า "ท่านเจ้าคุณพระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ขอเรียนแจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้ 11 สิงหาคม 2556 ทางวัดจะเปิดให้ประชาชนรดน้ำ ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป ณ ศาลาการเปรียญ บริเวณตำหนักสมเด็จฯ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ขณะนี้กำลังรอทางสำนักพระราชวังแจ้งเวลาพระราชทานน้ำสรงอย่างเป็นทางการ รายละเอียดอย่างเป็นทางการ จะแจ้งโดยสำนักพระราชวังต่อไป" เวลา 14.35 น. เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเดินทางมาแจ้งต่อสื่อมวลชนว่า ได้รับการประสานจากโรงพยาบาลว่าวันนี้ (10 สิงหาคม) จะไม่มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เนื่องจากเป็นวันหยุด ต้องรอรับข้อมูลจากทางวัดและจากทางสำนักพระราชวัง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ส่วนที่วัดสระเกศฯ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ได้นำคณะสงฆ์ เตรียมสถานที่ในศาลาการเปรียญ เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งศพของสมเด็จพระพุฒาจารย์ พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวังได้มาจัดสถานที่ในการตั้งศพ และเนื่องจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ มีสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชาคณะ ดังนั้นจะได้รับพระราชทานโกศไม้สิบสอง พร้อมด้วยเครื่องประกอบเกียรติยศศพตามฐานันดรสมเด็จพระราชาคณะ พร้อมทั้งพิธีสวดพระอภิธรรมศพ จะอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน พระพรหมสิทธิ กล่าวว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ มรณภาพลงอย่างสงบ และไม่ได้มีการสั่งเสียอะไร สิ่งที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ สร้างให้กับคณะสงฆ์ไทยมีมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศแถบทวีปยุโรป ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นพระสงฆ์รูปแรกที่นำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ให้ชาวต่างชาติรู้จักพระพุทธศาสนาของประเทศไทย แต่ช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำเนื่องจากอาพาธ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับขั้นตอนจากนี้ มส.จะมีการคัดเลือกประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชรูปใหม่ จากคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ชั้นสุพรรณบัฏรวม 7 รูป ได้แก่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปฺญโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม (ธรรมยุต), สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม (ธรรมยุต), สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร (ธรรมยุต), สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร (ธรรมยุต), สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (วีระ ภทฺทจารี) เจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม, สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร จากนั้นเมื่อทาง มส.ได้ลงมติเลือกแล้ว ทางพศ.จะส่งเรื่องรายงานให้ นายกรัฐมนตรีรับทราบ เพื่อให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯต่อไป สำหรับวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท โดยพระอารามหลวง หมายถึงวัดที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์ หรือวัดที่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ทรงสร้าง หรือโปรดให้ปฏิสังขรณ์แล้วน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระอารามหลวง รวมถึงวัดที่ประชาชนสร้าง หรือปฏิสังขรณ์แล้วทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง แต่เดิมเมื่อเจ้าอาวาสพระอารามหลวงว่างลง พระมหากษัตริย์จะทรงพิจารณาคัดเลือกพระสงฆ์ เพื่อทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส แต่ปัจจุบันการเสนอขอแต่งตั้งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง จะเป็นภาระหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองตามลำดับชั้น เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อนำเสนอขอความเห็นชอบจาก มส. แล้วนำขึ้นกราบทูลสมเด็จพระสังฆราช เพื่อทรงมีพระบัญชาแต่งตั้ง ทั้งนี้ การแต่งตั้งเจ้าอาวาสพระอารามหลวงตามโบราณราชประเพณี ที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมานั้น เมื่อสมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระบัญชาแล้ว เป็นหน้าที่ของ พศ.จะต้องจัดรถยนต์หลวง เรือยนต์หลวง หรือพาหนะอื่นที่เป็นของหลวงแล้วแต่ เพื่ออัญเชิญพระพุทธ พระธรรม สัญญาบัตร พัดยศ และพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช จัดเป็นขบวนนำไปส่งถึงวัดที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว อย่างไรก็ตามการแต่งตั้งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง จะต้องปฏิบัติตามกฎ มส.ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ขอบคุณ มติชนออนไลน์ อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ
Create Date : 11 สิงหาคม 2556 |
|
0 comments |
Last Update : 11 สิงหาคม 2556 10:09:13 น. |
Counter : 2260 Pageviews. |
|
|
|