| สี จิ้นผิง ในวัยหนุ่มนั่งสนทนากับเหล่าทหารผ่านศึก (ภาพสื่อจีน) | | | เป็นที่ทราบกันดีในแวดวงผู้สนใจดินแดนหลังม่านไม้ไผ่ ว่ายากนักที่จะมีโอกาสล่วงรู้ชีวประวัติหรือภาพอดีตวันวานของบุคคลสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นผู้นำประเทศ ซึ่งจีนพยายามปกปิดซ่อนเร้นอย่างมิดชิด ทว่าล่าสุดสื่อทางการจีนกลับสร้างความฮือฮาด้วยการแพร่ภาพวัยหนุ่มของพญามังกรคนปัจจุบันสู่สายตาสาธารณะชน สี จิ้นผิง ในฐานะหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์นครหนิงเต๋อ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าล้าหลังที่สุดของมณฑลฝูเจี้ยนทางจีนตะวันออก ถูกถ่ายทอดเรื่องราวผ่านรูปภาพที่บันทึกระหว่างปี 2531-2533 เผยให้เห็นอิริยาบถสบายและเป็นกันเองขณะเยี่ยมเยือนเรือกสวนไร่นา โรงงาน และร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำกับชาวบ้านท้องถิ่น เดิมทีภาพถ่ายดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือเก่าชื่อ การขจัดความยากจนให้สิ้นซาก (Eradicating Poverty) ซึ่งรวบรวมบทความของสีมากกว่า 20 ชิ้น ในปี 2535 โดยเนื้อหาส่วนใหญ่เน้นถึงการต่อสู้กรณีทุจริตคอร์รัปชั่น การทำความเข้าใจมวลชน ความรับผิดชอบของผู้นำรัฐบาล ตลอดจนความรู้ด้านเกษตรกรรมและวารสารศาสตร์ อย่างไรก็ดี มีการรื้อฟื้นนำหนังสือมาตีพิมพ์อีกครั้งในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่เว็บไซต์พีเพิล ภาคภาษาจีน (people.com.cn) อันเป็นกระบอกเสียงพรรคคอมมิวนิสต์ ก็ทยอยเผยแพร่บทความและรูปภาพต่างๆ จนสร้างกระแสความสนใจใคร่รู้บนโลกออนไลน์จีนขึ้นมา ด้านนักวิชาการจำนวนมากมองว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่มีเป้าหมาย กระชับอำนาจการปกครองภายในพรรคคอมมิวนิสต์ให้เป็นหนึ่งเดียวอยู่ในกำมือสี จิ้นผิง บทบรรณาธิการของฝูเจี้ยน เดลี สื่อท้องถิ่นจีน ระบุ หนังสือเล่มดังกล่าวที่ถูกนำมาปรับปรุงใหม่นี้ มีความสำคัญยิ่งยวดเพราะ แนวคิดและวิธีการอันสร้างสรรค์ ที่ถูกพูดถึงในหนังสือ เป็นหัวข้อที่สีใช้ในการกล่าวสุนทรพจน์ตลอดสองปีนับตั้งแต่เขานั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ การศึกษาหนังสือ การขจัดความยากจนให้สิ้นซาก จะช่วยให้เราเข้าใจแนวคิดและยุทธศาสตร์การปกครองประเทศของสี รวมถึงช่วยให้เข้าใจบุคลิกลักษณะนิสัย การใช้อำนาจ และรูปแบบการทำงานของเขามากขึ้นอีกด้วย เฉิน ฮุ้ยหรง อาจารย์ประจำสำนักวิชากิจการสาธารณะและการระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยเจียวทงในมหานครเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า เป็นความต้องการเสริมสร้างฐานอำนาจภายในพรรคฯ ของสีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แม้เมื่อเทียบกับผู้นำคนก่อนๆ อย่างเจียง เจ๋อหมิน หรือหู จิ่นเทา สีจะทรงอำนาจมากกว่าแล้วก็ตาม นอกจากนั้นก็มุ่งนำเสนอความคิดของสีในหมู่สาธารณะชน และกระตุ้นเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้นำเอาแนวคิดไปปรับใช้ในการทำงาน
|