| เบอร์นี่ แซนเดอร์ส ผู้แข่งขันเป็นตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต กล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุนในการหาเสียงที่เมืองโรเชสเตอร์, รัฐมินเนโซตา วันเสาร์ (27 ก.พ.) ที่ผ่านมา แซนเดอร์สเดินหน้าหาเสียงต่อไป หลังพ่ายแพ้ย่อยยับที่รัฐเซาท์แคโรไลนา | | | ผลการลงคะแนนคราวนี้หมายความว่า คลินตัน ได้ชัยชนะเป็นรัฐที่ 3 ในการแข่งขันเลือกตั้งขั้นต้น 4 มลรัฐแรกของพรรคเดโมแครต และก่อให้เกิดคำถามเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับตัวแซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกสหรัฐฯจากรัฐเวอร์มอนต์ ผู้ประกาศตัวเองเป็นนักสังคมนิยมประชาธิปไตย ว่าจะสามารถขยายกระแสสนับสนุนให้เลยไกลออกไปจากฐานเดิมของเขาที่เกือบทั้งหมดเป็นพวกเสรีนิยมผิวขาวและคนวัยหนุ่มสาว แซนเดอร์ส ผู้ปลุกพลังความคึกคักให้แก่ปีกเสรีนิยมของเดโมแครต และสามารถนำพาให้คนหนุ่มสาวเกิดความสนใจเข้ามาร่วมการรณรงค์เลือกตั้ง ด้วยการกล่าวโจมตีความไม่เสมอภาคระหว่างคนรวยคนจน และอำนาจอิทธิพลอันล้นฟ้าของวอลล์สตรีท จำเป็นที่จะต้องเอาชนะแบบชนิดผ่าทางตันในรัฐสำคัญๆ อย่างน้อยสักมลรัฐหนึ่งในช่วงสองสามสัปดาห์ต่อจากนี้ไป หากจะรักษาความหวังที่จะได้ชัยชนะในท้ายที่สุดของเขาเอาไว้ให้ได้ ประตูกำลังปิดลงอย่างรวดเร็วสำหรับเบอร์นี แซนเดอร์ส คริส คอฟินิส นักยุทธศาสตร์ของเดโมแครต ที่มิได้เข้าร่วมกับการรณรงค์ของค่ายใด กล่าวให้ความเห็น และอธิบายว่า พวกที่ลงแข่งขันโดยเป็นตัวแทนของ ขบวนการเคลื่อนไหวหนึ่งขบวนการใดอย่างเช่นแซนเดอร์สนั้น ต้องรักษาแรงโมเมนตัมและความตื่นเต้นเอาไว้ให้ได้ โดยที่ความพ่ายแพ้จะบั่นทอนโมเมนตัมดังกล่าว และนี่คือปัญหาของแซนเดอร์สในขณะนี้ ผลเอ็กสิตโพลในเซาท์แคโรไลนา แสดงให้เห็นว่าคลินตันสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างใหญ่โตในหมู่ผู้ออกเสียงแทบทุกกลุ่ม โดยเธอได้เสียงผู้ลงคะแนนชาวผิวดำ 9 ใน 10 คน รวมทั้งชนะงดงามในกลุ่มผู้ออกเสียงที่เป็นหญิง, ชาย, ผู้อยู่ในเขตเมือง, ผู้อยู่แถบชานเมือง, ผู้อยู่ในชนบท, ผู้ที่มีหัวเสรีนิยมมาก และผู้ที่เป็นอนุรักษนิยม ขณะที่แซนเดอร์สมีชัยเฉพาะในกลุ่มผู้ออกเสียงอายุระหว่าง 18 ถึง 29 ปี, และในกลุ่มชายผิวขาว ค่ายของคลินตันหวังที่จะชนะแบบเริ่ดๆ ในเซาท์แคโรไลนา หลังจากมีชัยแบบยังไม่ขาดที่รัฐไอโอวา และเนวาดา อีกทั้งพ่ายแพ้อย่างชัดเจนต่อแซนเดอร์สในนิวแฮมป์เชียร์ ทั้งนี้เพื่อทำให้เธออยู่ในฐานะโดดเด่น ในการเลือกตั้งซูเปอร์ทิวสเดย์ ซึ่งรวมกันแล้วจะเป็นการช่วงชิงตัวแทนที่จะไปร่วมการประชุมใหญ่พรรคเป็นจำนวนราว 875 คน เท่ากับกว่า 1 ใน 3 ของคะแนนที่ต้องการเพื่อให้ชนะได้เป็นผู้สมัครของพรรคทีเดียว
|