"พล.อ.ประยุทธ์" กับ 4 เจ้าสัว ลึกไม่ลับระหว่างมื้อ สู่คำมั่น "คสช.คอยดูแลอยู่"

ภาพปิด "ห้องลับ"-"เปิดใจ" ในการพบกันครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง "บิ๊กตู่"-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จับมือ "4 เจ้าสัว" เจ้าพ่อแห่งอาณาจักรสินค้าอุปโภค-บริโภคของเมืองไทย

ทั้ง "เจ้าสัวแห่งอาณาจักรซีพี" ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี)ทั้ง "เจริญ สิริวัฒนภักดี" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

ทั้ง "เวทิต โชควัฒนา" กรรมการและกรรมการบริหารกลุ่มสหพัฒน์ และ "ทศ จิราธิวัฒน์" ประธานกรรมการบริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล

ในพิธีเปิดงานมหกรรมลดราคาสินค้าปลีก-ส่งครั้งประวัติศาสตร์20-70เปอร์เซ็นต์โดยมีห้างร้านในเครือ 4 เจ้าสัว ร่วมลดราคากว่า 12,800 สาขา รวม 7 วัน (24-30 ธ.ค.) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ภายใต้ชื่องาน "เทใจ คืนสุข สู่ประชาชน" ณ ศูนย์กลางอำนาจ-ทำเนียบรัฐบาล

"มือดีล" ในวันนั้นไม่ใช่คนอื่นไกล เกิดจาก "เพื่อนรัก-คนถือกระเป๋า" อย่าง "บิ๊กนมชง"-พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หลังเคยอวดฝีไม้ลายมือ-พิสูจน์ฝีมือทางการค้า-การขายมาแล้ว ในฐานะรองหัวหน้าเศรษฐกิจ คสช.

ประกอบกับหลายวาระที่ "พล.อ.ประยุทธ์" ใช้รหัส ว.5 "ภารกิจลับ" ไปร่วมสนทนาเรื่องการค้าการลงทุน และอนาคตประเทศบนโต๊ะอาหารหรูกับบรรดายักษ์ใหญ่เอกชน เพื่อชวนให้มาร่วมมือกับรัฐบาล ดังเช่นครั้งหนึ่งที่ "พล.อ.ประยุทธ์" เคยกล่าวไว้ต่อหน้าข้าราชการระดับซี 11 ว่า "ผมจะตั้งคณะทำงานขึ้นหารือกับเอกชน อาจเชิญมาคุย กินข้าว หรืออะไรต่าง ๆ จะลงมือกันตรงไหนได้บ้าง เพราะถ้ารัฐลงทุนทั้งหมดมันไปไม่ได้"

สุดท้ายเงื่อนไขที่จบลงพร้อมกับการสนทนาที่หารือโดยตรงระหว่างนายกฯ และบรรดาบิ๊กเนมภาคเอกชน คือการขอความร่วมมือจากภาคเอกชน อาทิ เรื่องการรักษาระดับราคาสินค้า ลดค่าครองชีพของประชาชน รวมถึงการส่งออก จนปรากฏภาพประวัติศาสตร์ขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อหน้าเจ้าสัวทั้ง 4 คนว่า "วันนี้เรากำลังอยู่ในช่วงรอยต่อที่กำลังจะไปข้างหน้าหรืออยู่ที่เดิมหรือว่าถอยหลัง เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาสร้างประวัติศาสตร์ อย่างที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์บอกว่า จะมีการลดราคาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศไทย อยากให้สิ่งดี ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ให้ทุกเรื่อง ทุกกิจกรรมเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศ เพราะเรามีส่วนร่วมในการทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้"

"อยากใช้คำว่าเทใจให้กันด้วย ระหว่างท่าน (ภาคเอกชน) กับเรา (รัฐบาล) และประชาชน เพราะว่าท่านเป็นกลไกสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรือธุรกิจของประเทศไทยและความเข้มแข็งในอนาคต ซึ่งรัฐบาลทำไม่ได้เอง และต่อให้รัฐบาลนี้หรือรัฐบาลไหนก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน"

"รัฐบาลก็จะทำหน้าที่ของรัฐบาลในการให้ท่านได้รับความเป็นธรรม อำนวยความสะดวกให้ท่านตามนโยบาย ซึ่งข้าราชการจะนำไปขับเคลื่อน ซึ่งคนที่ได้รับประโยชน์ก็คือประชาชน ทุกวันนี้โลกใช้คำว่า ห่วงโซ่ คือ ความเชื่อมโยงกัน ในการที่จะพัฒนาประเทศ เพราะฉะนั้นวันนี้เราถือว่าเรามาเริ่มการเป็นห่วงโซ่ของประเทศไทย เพราะมันมีความสัมพันธ์ด้วยรอยต่อระหว่างรัฐกับประชาชน"

พล.อ.ประยุทธ์เล่าสู่กันฟังถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการไปต่างประเทศให้ "เจ้าสัว" ฟังว่า วันนี้เขาใช้คำว่าหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ หุ้นส่วนทางธุรกิจ หุ้นส่วนความมั่นคง ทุกอย่างใช้คำว่า หุ้นส่วน เพราะฉะนั้นเราต้องทำแบบนั้นเช่นกัน

เพราะถึงแม้ว่าภาคธุรกิจจะต้องการขายของให้ได้มาก ต้องการขายของให้ได้กำไรมาก แต่คำว่าหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ต้องเป็นหุ้นส่วนกับรัฐบาล หุ้นส่วนกับประเทศ ประเทศก็จะเจริญ ไปสู่ความยั่งยืนพร้อม ๆ กันทุกภาคส่วน

เพราะความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุขนั้นเกิดขึ้นเพราะพื้นฐานของคนไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นคนที่รวยกว่า คนที่โตกว่า ก็ต้องช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า ซึ่งขณะนี้เป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องการอย่างยิ่ง"

"การชวนท่านมาร่วมกันวันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะเริ่มการแบ่งปันไม่เฉพาะเทศกาลปีใหม่เท่านั้น แต่ในช่วงแต่ละปีแต่ละเดือน ถ้าท่านสามารถทำได้ สามารถลดราคาอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ในช่วงแห่งความสุขได้ ผมอยากให้ทุกท่านได้คิดและได้ทำแบบนี้

คือ การคืนความสุขให้กับคนไทยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ มันก็ไม่มีความขัดแย้ง พูดกับต่างชาติเขามักบอกว่าที่ความขัดแย้งยังเกิดขึ้นเพราะมันยังมีความยากจนอยู่มาก"

พล.อ.ประยุทธ์เปลือยความคาดหวังจากใจว่า อยากให้มองว่าทำทุกอย่างโดยที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางสิ่งที่เป็นปัญหาขณะนี้คือ ทุกคนต่างแข่งขันกันทั้งกับต่างประเทศ-ในประเทศ เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องส่งเสริมความเข้มแข็งตรงนี้ให้ได้ ให้เท่าเทียมกันให้ได้ ส่วนคนที่มีธุรกิจขนาดใหญ่ก็ต้องเผื่อแผ่แบ่งปัน

"สร้างเป็นโลโก้ของตัวเองได้ไหม ส่วนหนึ่งทำเพื่อสังคมใ ห้มันชัดเจนขึ้นและให้มันพ่วงต่อกับธุรกิจ ไม่เช่นนั้นเราก็จะโดนเรื่องผูกขาด เรื่องไม่เป็นธรรมตลอดไป ผลิตสินค้าอย่างหนึ่งส่งออกเพื่อแข่งขัน แต่ผลิตเพื่อใช้ในประเทศอาจจะราคาต่ำลง คุณภาพดี กล่องไม่ต้องสวย

หรืออาจจะเป็นยี่ห้ออะไรสักอย่างก็ได้ เช่น ยี่ห้อความ-สุขอะไรแบบนี้ หมายความว่า อันนึงเพื่อแข่งขัน อีกอันหนึ่งให้คนจน ถ้าจัดสัดส่วนของกิจการได้ ผมว่าการตอบรับของคนในชาติจะดีขึ้น เพราะในระยะเวลานี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ ซึ่งเราต้องร่วมมือกันให้ได้ ประเทศไทยต้องทำให้ได้ ก็ทน ๆ ทำไปหน่อยแล้วกัน"

"วันนี้เราต้องกลับมาดูประชาชนที่เหลืออยู่ว่า จะทำอย่างไรให้เขาได้สิ่งที่ดี ๆ เหมือนกับเราให้ครอบครัวของเรา อย่างนั้นเรียกว่าการเผื่อแผ่แบ่งปัน สังคมไทยในอดีตเป็นแบบนั้นมาตลอด วันนี้เราต้องกลับมาสู่เรื่องเหล่านั้นให้มากขึ้น

อะไรคือความขัดแย้งก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อน และหาทางทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้า เพราะว่าปีหน้าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ประชาคมจะเกิดขึ้นเดือนมกราคม 58 ถ้าเราไม่แข็งแรง ไม่เข้มแข็ง เราจะอยู่ไม่ได้ เราจะแข่งขันสู้เขาไม่ได้ เพราะเราไม่มีนวัตกรรมไปสู้กับเขา"

"ขณะนี้รัฐบาลเข้ามาเร่งทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นภาคธุรกิจต้องช่วยผม รัฐบาลก็จะช่วยท่าน อำนวยความสะดวก วันนี้ผมมีความคิดว่า ต้องเอาภาคเอกชนมาช่วยมากกว่าเดิม รัฐบาลหรือราชการทำมันก็ได้เพียงระดับหนึ่ง เช่น เรื่องกฎหมาย แต่ท่านจะช่วยหาคนมา ไม่ได้หามาแข่งกับท่าน แต่หามาเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ หลายกิจกรรมที่เราต้องการมากกว่าการค้าขายธรรมดา"

พล.อ.ประยุทธ์คลายความวิตกให้กับเจ้าสัวว่า วันนี้เรากำลังเน้นเรื่องความเป็น Connectivity โดยเส้นทางที่เริ่ม คือ เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย-มาบตาพุด ก็ต้องมาดูว่าเปิดไปแล้วสินค้าอื่นของต่างประเทศจะเข้ามามากหรือไม่

ก็ต้องไปคุยกันต่อว่า สัดส่วนการค้าจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องมีมาตรการของเรา เพราะเราก็ต้องส่งออก วันนี้เราขาดดุลการค้าเป็นแสนล้าน ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ลดสัดส่วนตรงนี้ให้ได้ต่างประเทศถามอยู่คำเดียว คือ อยากให้ประเทศไทยมีความชัดเจนในเรื่องยุทธศาสตร์ว่า

 เราต้องการเดินหน้าประเทศอย่างไร วันนี้ผมจึงขอประกาศเป็นวิสัยทัศน์ของรัฐบาลและของประเทศไทยเลยว่า ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2015-2020 ประเทศไทยจะต้องเป็น "ประเทศที่มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน"

"รัฐบาลนี้เข้ามาไม่ต้องการผลประโยชน์ ต้องการแก้ปัญหาเพื่อให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้ได้ ลดปัญหาความขัดแย้ง ทั้งหมดนี้รัฐบาลรู้ว่ายาก แต่จะทำให้ดีที่สุด วันนี้เรามีความร่วมมือหลายอย่าง หลายด้านกับต่างประเทศ ผมพยายามจะขับเคลื่อนทุกอย่าง โดยมีเวลาจำกัด ก็ต้องเริ่มว่าจะทำอะไรก่อน อะไรหลัง ถ้าเราร่วมมือกันก็จะทำได้เร็วขึ้น"

"เจ้าสัวธนินท์" แห่งอาณาจักรซีพี เปิดอกถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่า การจัดงานวันนี้เป็นเพียงเริ่มต้น ทางภาคเอกชนทุกคนพร้อมร่วมมือร่วมใจกันจัดงานอย่างสมัครใจและดีใจ นายกฯ พูดได้เยี่ยมมากว่า ทำอย่างไรให้เงินไปถึงคนระดับล่าง แล้วถ้าทำได้นะช่วงบ่ายนี้ ผมเสนอนะ แต่ไม่รู้

นายกฯจะทำไหม คือ ให้ทุกบริษัทแจกเงินให้กับพนักงาน แล้วก็ลดภาษีเงินได้ ให้พนักงานไปช็อปปิ้ง บริษัทอย่าไปซื้อของให้พนักงาน ไม่ต้องให้บริษัทเอาเงินมาจัดงานให้พนักงาน แต่เอาเงินก้อนนี้แถมเพิ่มเงินพนักงานเข้าไปอีก แจกเป็นเงินให้พนักงาน ทำให้พนักงานมีความคิด ให้มีความอิสระของเขาเอง เพราะเขาต้องการจะซื้ออะไรเองอยู่แล้ว แล้วการซื้อของจะคึกคักกว่านี้อีก

"ทุกวันนี้คนไม่กล้าจับจ่าย ถ้าให้เงินคนมีรายได้น้อย รู้ไหมเขาจะหมุนเงินใช้อีก 10 รอบ เขาจะซื้อของกินของใช้ ของที่เกิดจากประเทศ ไม่มีทางซื้อหลุยส์ วิตตอง กระเป๋าแพง ๆ หรอก แต่ถ้าเงินไปตกที่คนมีเงินอยู่แล้ว คนที่มีพร้อมทุกอย่างก็เอาเงินเข้าธนาคาร ก็ไม่เกิดการหมุนเงิน" เจ้าสัวซีพีกล่าว

ถึงจะข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากดินแดนอันไกลโพ้น หอบเสื่อผืนหมอนใบมาแต่ "เจ้าสัวธนินท์" ก็แสดงให้เห็นว่ารักประเทศไทยเช่นกัน "คนมีรายได้น้อย ต้องทำให้มีรายได้มากขึ้น ซีพีก็ได้ประโยชน์ อย่านึกว่าเขามาจับจ่ายผมก็มีรายได้ เพราะถ้าเขายากจน ซีพีก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันนะ อย่าเข้าใจผิด

มีคนถามว่า นี่ผมรักเมืองไทยหรือไม่ ผมบอกเลย ผมรักเมืองไทยมากกว่าคนอื่น รักไม่แพ้คนอื่น ถ้าเมืองไทยมีปัญหาผมจะเสียหายหนัก ผมก็ต้องรักเต็มที่"

ทั้งหมดคือสารจาก "พล.อ.ประยุทธ์" ที่ส่งถึง "เจ้าสัว" และ "ความในใจ" ที่เปิดไว้ใน "ห้องปิดลับ" ว่า "เรื่องไหนทำไม่ได้ก็ส่งต่อกันไป โดยที่ยังมี คสช.คอยดูแลอยู่"

(ที่มา:ประชาชาติธุรกิจออนไลน์)

ขอบคุณ มติชนออนไลน์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ

Create Date : 31 ธันวาคม 2557		0 comments
Last Update : 31 ธันวาคม 2557 10:45:39 น.
Counter : 2712 Pageviews.
Share Tweet