| ภายในเฮือนมะไฟ | | | เฮือนมะไฟ หลังจากสร้างบ้านเสร็จ มะไฟมีความสุขมาก ซึ่งเป็นความผูกพันที่เกิดขึ้นในอดีต เจ้าสัวกับมะไฟได้เคยอยู่ด้วยกัน เมื่อถึงเวลาที่จะต้องมาอยู่ใกล้ๆ กันโดยที่ไม่ต้องมาเจอตัว และไม่เรียกร้องอะไร วันดีคืนดีก็ไปบอกกับคนอื่นให้ทำบางอย่างให้ เช่น ตรงข้างกี่ทอผ้าที่อยู่ใต้ถุนบ้าน เวลามาทอผ้าก็ไม่มีน้ำกิน ช่วยเอาน้ำมาให้หน่อย ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ทำให้ได้ทันที แต่มีสิ่งหนึ่งที่มะไฟมาขอแล้วยังไม่ได้ทำให้ คือ การร้องเพลงโดยเป็นการร้องเพลงให้ฟังกันในบ้านแบบสองต่อสอง ผมกับมะไฟเท่านั้น ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการรวบรวมความกล้าระยะหนึ่งก่อน ภายในบ้านมะไฟ แบ่งเป็น 2 ห้อง ห้องนอน จะมีที่นอน มีเครื่องของใช้ส่วนตัวครบ โต๊ะเครื่องแป้ง เครื่องหอมต่างๆ มีรูปเจ้าสัวด้วย ซึ่งเจ้าสัวเลือกเองทุกอย่างเพื่อตั้งใจทำให้แก่มะไฟ อีกห้องหนึ่งจะเป็นห้องโถงไว้สำหรับรับแขก ในห้องจะมีรูปภาพของหญิงสาวแต่งตัวแบบล้านนา และมีบรรยากาศความเป็นอยู่ของคนล้านนา ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลก เพราะภาพนี้ซื้อมาก่อนตั้งแต่ยังไม่มีบ้าน โดยซื้อมาเฉยๆ แบบไม่รู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น บังเอิญไปเที่ยวชมนิทรรศการของกรุงเทพมหานคร แล้วถูกใจก็ซื้อมา แปลกมากเมื่อสร้างบ้านเสร็จ มองภาพนี้แล้วรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ในภาพนี้ คือ มะไฟ เพราะมีภาพองค์ประกอบที่เป็นล้านนา ตอนที่ซื้อก็ไม่ได้สังเกต และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ซื้อมา เพียงแต่ว่าเป็นรูปที่ดูแล้วสวย แต่ทำไปทำมามีซีน (scene) ที่ตลกมาก ที่มีเจ้าเมืองขี่ม้าอยู่คนเดียว ที่เหลือเป็นภาพของบรรยากาศ และวิถีชีวิตของล้านนา มีการใส่บาตร ซึ่งจริงๆ เข้าใจว่าศิลปินที่วาดภาพก็จะต้องมีนางแบบที่เป็นต้นแบบให้ ซึ่งเป็นใครสักคนที่ผมก็ไม่ได้ไปตามหาว่าเป็นใคร มองว่านางแบบน่าจะเป็นตัวแทนของภาพในอดีต ที่เชื่อเพราะมีอาจารย์บอกว่า คนนี้คือ แม่มะไฟ นอกจากนี้ ยังมีรูปภาพหนึ่ง ที่เป็นตัวหนังสือของล้านนา จะเป็นคำสอนที่ควรจะต้องทำหลักๆ คือ 1.ต้องดูแลเจ้าเมืองเป็นอย่างดี ถึงเวลาเตรียมดอกไม้ เตรียมผลไม้เพื่อไปไหว้พระเป็นวัฒนธรรมล้านนา 2.มีเมตตาแก่ผู้คนทั้งหลาย ญาติพี่น้อง ข้าทาสบริวาร ต้องดูแลให้ดี รวมทั้งเมียคนอื่นๆ ด้วย เป็นคำสอนที่คัดมาจากตำราโบราณ ที่ให้อาจารย์ที่มีความรู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาแปล และนำมาเขียนไว้ บ้านเจ้าสัว นี้ในระยะยาวเมื่อถึงเวลาที่ไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อไรก็เมื่อนั้น ไม่ใช่ให้ลูกๆ มารับช่วงต่อไป ซึ่งลูกก็จะมีบ้านในแบบของลูกที่จะต้องสร้างขึ้นมาใหม่ ดังนั้น ผมจะทำให้บ้านนี้จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับประวัติชีวิต และงานต่างๆ ที่ได้ทำมาไว้ อันแรกที่จะเป็นจุดนิทรรศการ คือ มุมที่เขียนงาน เอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งที่เขียนต้นฉบับนิยายเสน่หามนตรา ที่เป็นลายมือของผมเองที่จะต้องเก็บไว้ให้หมด ดังนั้น จะไม่มีใครมาพูดได้ว่าไปจ้างใครมาเขียนนิยาย ส่วนเล่ม 2 ที่จะเขียนนั้นคงไม่ใช่นิยาย แต่จะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับการเข้ามาแก้ไขปัญหาที่น่าน โดยเฉพาะการทวงคืนผืนป่า แต่เมื่อทำงานสำเร็จแล้ว จึงได้ลงมือเขียนเพื่อถ่ายทอดได้ว่าทำสำเร็จในรูปแบบอย่างไร
|