"เนติบริกร" .. "นักวิทย์ฯของฮิตเลอร์"
ที่มา: มติชนรายวัน วันที่ 2ต.ค. (หน้า23)
ลองสำรวจชั้นวางหนังสือในบ้านท่านดูสักนิด
มั่นใจเลยว่า ต้องมีหนังสือของ "สนพ.มติชน" วางเด่นอยู่บนชั้นหนังสืออย่างแน่นอน ดีไม่ดีหลายเล่มที่มีโลโก้หนูจุกส่งยิ้มสดใสมาให้ อาจเป็นหนังสือในดวงใจที่เราๆ ท่านๆ หยิบจากชั้นมานั่งอ่าน หรือเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญในการค้นคว้ากันอยู่บ่อยครั้ง
และในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติทุกครั้ง "บูธมติชน โซนพลาซ่า" ก็เป็นอีกบูธหนึ่งที่ผู้คนไหลเวียนกันเข้าออกไม่หยุดหย่อน เพื่อเลือกซื้อหนังสือที่ตัวเองพึงใจ มิพักต้องพูดถึงวันไหนที่นักเขียนยอดนิยมอย่าง "นิ้วกลม" หรือ "หนุ่มเมืองจันท์" มาลงอาคม
บรรดาแฟนคลับทั้งหลายเข้าแถวยาวเหยียดแบบสุดสุด จนเราเองยังเคยชื่นชมเลยว่าแต่ละคนช่างมีน้ำอดน้ำทนในการรอคอยจริงจริ๊ง
ในวันที่ตลาดหนังสือแข่งกันแรง แถมเจ้าตลาดโดยรวมยังเป็นนิยายหวานๆแหววๆจากสารพัดค่าย ทำไมคนทำหนังสือหนักๆอย่างมติชนถึงยังยิ้มได้และมีที่ยืนอย่างมั่นคง ส่วนหนึ่งพิสูจน์ได้จากคนอ่าน (ยืนยันว่าไม่ใช่แค่ลูกค้า แต่เป็นคนอ่าน) ที่มุ่งตรงมายังบูธมติชน ให้คนทำหนังสือดีๆ ได้ชื่นใจในทุกครั้ง
"อาจเป็นเพราะบุคลิกของหนังสือของเรา" ศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์มติชน หนึ่งในลมใต้ปีกคนสำคัญตั้งข้อสังเกตด้วยรอยยิ้ม
สาเหตุหนึ่งของความแข็งแกร่งมาจากพื้นฐานว่าด้วยการคัดเลือกต้นฉบับที่จะตีพิมพ์ ซึ่งจะเลือกมาด้วย "ใจ" ที่ "ชื่นชอบ" ของกองบรรณาธิการ และมั่นใจว่าจะต้องมี "ประโยชน์" ต่อความก้าวหน้าทางความคิดของผู้คนในสังคมไทย
"หนึ่งต้องเป็นหนังสือให้ความรู้ สองคือต้องสนุก อ่านแล้วไม่เบื่อ อย่างแนวเศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ จะค่อนข้างสำคัญกับวิธีคิดของคนในสังคม แต่กลับมีน้อย เราก็พยายามหาต้นฉบับที่อยู่ในกรอบคิดแบบนี้มานำเสนอ
ต่อให้คนที่ไม่เรียนด้านนี้ แค่สนใจบ้างก็ยังรู้เรื่องและสนุก อย่างหนังสือแนววิทยาศาสตร์ที่เราจับ จริงๆ แล้วสำหรับเรียกป๊อป ไซน์ ไม่ใช่หนังสือที่หนัก ถ้าได้อ่านสักเล่มสองเล่มก็จะจับหลักได้ไม่ยาก หรือเศรษฐศาสตร์ที่มีในตลาดหนังสือก็จะเป็นวิชาการไปเลย
เราก็พยายามหาเล่มที่น่าสนใจ อย่างแนวเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมก็ถูกนำมาใช้อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ มาก งานที่สนุกมีลูกเล่นท่ามกลางความรู้ ก็มีคนอ่านเยอะ หรือแนวเรียลลี ชิค ของเราก็ไม่ใช่ชิคลิท แต่เป็นเรื่องจริงสนุกของคนในแวดวงต่างๆ ครั้งนี้มีเล่ม "เสิร์ฟมันฮา ประสาบริกร Waiter Rant" มาชวนอ่านกัน"
ถือเป็นช่องว่างทางการตลาด ที่สำนักพิมพ์เองก็คิดไม่ถึง เพราะไม่ใช่แค่เล่มของ "สตีเฟน ฮอว์คิง" อย่าง "ประวัติย่อของกาลเวลา" ที่ขายดิบขายดีพิมพ์ 20 กว่าครั้ง จนถึงวันนี้ก็พิมพ์อยู่
หนังสือคุณภาพเล่มอื่นๆ ที่กระโจนลงไปในช่องว่างนี้ ก็ได้รับการตอบรับดีไม่แพ้กัน เรียกว่าแทบไม่มีค่าความเสี่ยงกันเลยทีเดียว
อย่างในมหกรรมหนังสือระดับชาติ ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 5-16 ตุลาคม ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น นอกจากงานสนุกๆ อย่าง "มายากลศาสตร์" ที่มิสเตอร์ ทอมป์กิน ซึ่งเป็นอาจารย์สอนฟิสิกส์ชาวไทยเขียนแล้วนั้น "วิชั่นส์" หรือ "มโนทัศน์แห่งอนาคต" โดย "มิชิโอะ คากุ" ก็ไม่น่าพลาด
"วิชั่นส์จะว่าด้วยคำทำนายถึงร้อยปีข้างหน้า แบ่งเป็นช่วงๆ ว่าเทคโนโลยีแต่ละช่วงจะเป็นไง มองครบทุกด้าน อย่างคอมพิวเตอร์ที่เราใช้อยู่จะกลายเป็นโมเลกุลเป็นต้น สนุกมากๆ" ว่าแล้วก็ยิ้มกว้าง
ในมุมของประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นอีกจุดแข็งที่ภาคภูมิใจ ศิริพงษ์บอกว่า เขามองว่านักวิชาการต่างชาติเขียนหนังสือเชิงประวัติศาสตร์ได้สนุกมากท่ามกลางความรู้ที่มาแบบเต็มๆ นั่นล่ะ
ยังจำชุดประวัติศาสตร์โลกที่เล่าผ่านเครื่องเทศ กล้วย เครื่องดื่มต่างๆ ได้ไหม
รอบนี้มีเรื่องเล่าจากของเหม็นๆ อย่าง "อึ"...อืม เจ๋งจริงๆ
หรือถ้าสนใจประวัติศาสตร์ส่วนบุคคล ศิริพงษ์ขอแนะนำ "นักวิทยาศาสตร์ของฮิตเลอร์" หลังจากที่เราเคยรู้ความคิดที่หล่อหลอมบุคคลคนนี้ขึ้นมาแล้วจาก "ห้องสมุดลับของฮิตเลอร์"
"ฮิตเลอร์เป็นบุคคลสำคัญมากทางประวัติศาสตร์ ทำอะไรหลายอย่างที่ถูกประณามเยอะ นักวิทยาศาสตร์ของฮิตเลอร์ จะมองไปที่บทบาทของพรรคนาซีที่ดึงเอานักวิทยาศาสตร์ไปรับใช้ทั้งที่เต็มใจและถูกบังคับ ให้คิดค้นทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ก๊าซพิษ
คิดเรื่องพันธุกรรมที่จะทำลายพวกยิวให้หมดแล้วสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่ขึ้นมา บทบาทของฮิตเลอร์มีมาก ทำให้การค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับคนคนนี้น่าสนใจไปด้วย"
ใช่เพียงจะเข้มแข็งเฉพาะประวัติศาสตร์เมืองนอก ประวัติศาสตร์ไทยภายใต้โลโก้ของศิลปวัฒนธรรมก็สั่งสมความน่าเชื่อถือมาอย่างยาวนาน
และในงานมหกรรมครั้งนี้ "เมื่อต้องเสด็จฯไกลบ้าน" โดย พ.อ.ดร.ศรศักร ชูสวัสดิ์ ซึ่งพระราชนิพนธ์คำนิยมในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ภูมิใจนำเสนอแบบสุดสุดใน "องค์ความรู้ใหม่"
"การเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ของรัชกาลที่ 5 เคยมีนักวิชาการทางประวัติศาสตร์ตีความว่ามีนัยยะและเป็นกุศโลบายทางการเมือง เล่มนี้ล้มทฤษฎีนั้นว่าเป็นเรื่องสุขภาพจริงๆ ความสัมพันธ์กับต่างประเทศเป็นเพียงเรื่องที่พ่วงจากการเดินทาง มีการค้นเอกสารเยอะมาก ไม่ควรพลาด"
ถามไปถึงหนังสืออิงสถานการณ์ทางการเมือง ที่มีคนอ่านติดตามรอคอยมากมาย
เพราะท่ามกลางความวุ่นวายของสถานการณ์การเมืองวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับการเมืองออกมา แล้วจะไม่โดนค่อนขอดเรื่องเลือกข้าง
"ต้นฉบับการเมืองเสนอมาเยอะ" ศิริพงษ์พยักหน้ารับ
"แต่เราพิจารณาพิมพ์สิ่งที่เกิดประโยชน์กับสังคมที่สุด ไม่ใช่มาเป็นงานแบบใบปลิวเพื่อโจมตีปลุกระดม บางทีที่ส่งเข้ามามีเขียนด่ากันเป็นเล่มๆ เลย ทั้งสองฝ่ายนั่นล่ะ ด่าคนละข้าง เราส่งกลับหมด
เพราะสิ่งที่เราต้องการคือการวิเคราะห์สังคม วิเคราะห์สถานการณ์ เป็นเรื่องเป็นราวให้คนอ่านพิจารณาด้วยตัวเองจากข้อมูลต่างๆ ไม่ใช่มาด่ากัน ปลุกระดมกัน"
เพราะฉะนั้น นอกจากชุดเนติบริกรจากกูรูการเมือง "ดร.วิษณุ เครืองาม" ซึ่งนอกจากจะมีข้อมูลหลังม่านอำนาจแบบรู้ลึกรู้จริงชวนติดตามแล้ว ยังเขียนหนังสือได้สนุกมากๆ ถึงสามเล่ม คือ "โลกนี้คือละคร เล่าเรื่องผู้นำ หลังม่านการเมือง" แล้วนั้น
ยังมี "เปิด เปลื้อง เปลือย คำ ผกา" ซึ่งเป็นรวมบทพูดและบทสัมภาษณ์ของคำ ผกา และ "เบี้ยไล่ขุน" โดย "นิธิ เอียวศรีวงศ์" มาเสนอ
ต่อให้ไม่สนใจการเมือง ก็ไม่ใช่เล่มที่ควรพลาด
หรือถ้าร้อนอกร้อนใจมาก ศิริพงษ์ขอเชิญอ่าน 2 เล่มจากรุ่นใหญ่ "ธรรมวิจยะ พระอาจารย์ชา สุภัทโท" ที่ "เสถียร จันทิมาธร" นำคำสอนของหลวงปู่ขามาถ่ายทอดด้วยภาษาฉวัดเฉวียนเฉพาะตัว เพราะงั้นไม่มีคำว่าน่าเบื่อแน่นอน
ในขณะที่ "เจ้าพ่อ" และ "เจ้าเมือง" วรรรกรรมอมตะจากปลายปากกา "อาจินต์ ปัญจพรรค์" ก็อาจช่วยสะกิดความรู้สึกให้นึกถึงภาพของการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากกลุ่มหนึ่งสู่อีกกลุ่มหนึ่ง ท่ามกลางจินตภาพแห่งเรื่องเล่า
ถ้าคิดจะลองงานของนักเขียนรุ่นใหม่รวมเรื่องสั้น "บันไดกระจก" โดย วัฒน์ ยวงแก้ว ที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ปีนี้ และนิยายแนวแฟนตาซีว่าด้วยลัทธิและความเชื่อ "อะซุร่า สู่สุขาวดีมรณะ" โดยนักเขียนชาวไทย แต่นามปากกาญี่ปุ่น "โฮเซกิ เคนชิโร" ก็ท้าทายใช่ย่อย
หลากหลายแนวซะจริง
แต่จะเล่มไหนแนวใด ศิริพงษ์ก็ยืนยันว่าทำอยู่บนพื้นฐานความรู้คู่ความสนุกเสมอ โดยจะไม่ทำให้ความเชื่อถือที่ผู้อ่านมอบให้เสมอมาผิดหวัง
ไม่เชื่อ 5-16 ตุลาคมนี้ เดินตรงไปที่บูธ สนพ.มติชนได้เลย ยังมีหนังสืออีกมากมาย รอให้คุณพิสูจน์ด้วยตัวเอง
ขอบคุณ มติชนออนไลน์ คุณศิริพงษ์ วิทยวิโรจน์
Create Date : 05 ตุลาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 5 ตุลาคม 2554 17:34:51 น. |
Counter : 865 Pageviews. |
|
|
|