Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
4 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
The moment of life @ Kentucky # 1





...ชีวิตช่วงหนึ่งในดินแดนที่เรียกว่า ดินแดนแห่งเสรีภาพ สหรัฐอเมริกา บางคนกล่าวไว้ว่าที่นี่เป็นดังเบ้าหล่อหลอมของความต่าง (Melting Pot) ไม่ว่าจะเป็นผู้คนหลายเชื้อชาติ วัฒนธรรม และศาสนา เป็นที่ๆ รวมไว้ซึ่งความแตกต่างทั้งหมดไว้ด้วยกัน เรื่องราวชีวิตในวัยเรียนของฉันเอง ทั้งๆที่ตอนแรกคิดว่าจะอยู่ประมาณ 2 ปี แต่กลับกลายเป็น 5 ปี อย่างไม่รู้ตัว ทั้งเรียน ทั้งทำงาน และที่สำคัญ ฉันพบใครบางคนที่นี่ เรียนรู้ที่จะรักและถูกรัก จากวันนั้นเรากลายมาเป็นคู่ชีวิตกันในวันนี้ ย้อนกลับไปสักประมาณ 13 ปีที่แล้ว ช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนมิถุนายนของที่โน้น ฉันอยากลองเขียนและคิดถึงช่วงเวลานั้นผ่านความทรงจำที่มีอยู่

ปี คศ. 1996 วันที่ 9 มิถุนายน ณ.สนามบินดอนเมือง เวลาประมาณ 4 นาฬิกา ท้องฟ้าภายนอกยังคงมืดสนิท ผู้คนยังคงหลับใหลในนิทราอันแสนสุข แต่ฉันและครอบครัวต้องมาอยู่ที่สนามบิน และฉันกำลังจะเดินทางไปยังดินแดนที่แสนไกล ฉันไม่เคยต้องจากบ้านไปนานขนาดนี้ ปกติพวกเราไปด้วยกันตลอดทั้งบ้าน บินก็แต่ประเทศใกล้ๆ แต่เมื่อเป็นจังหวะเวลาหลังจากจบตรีทำงานบริษัทโฆษณามาได้ปีหนึ่ง ก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่ อยากเปลี่ยนงาน และช่วงนั้นเองก็เป็นโอกาสที่ป๊าม๊าถามว่าไปเรียนต่อไหม ฉันจึงตัดสินใจไปเรียนต่อโทที่โน่น ครั้งนั้นมีนักเรียนที่จะไปพร้อมกันกับฉันอีกหนึ่งคน คือ เจ๊หนู การไปเรียนของคนภาษาอังกฤษปานกลางถึงแย่อย่างฉัน ก็รู้สึกเครียดเหมือนกัน ว่าเราจะเรียนได้รอดไหม โบราณว่าเกลียดอะไรมักได้อย่างนั้นจริงหรือ ตั้งแต่เด็กจนโตก็ไม่เคยรู้สึกชอบภาษาอังกฤษเลย แถมสมัยเรียนมัธยมเวลาต้องนั่งรถเมล์ สาย 15 กลับบ้านก็เจอะเจอฝรั่งตัวโตอยู่เป็นประจำ ที่สำคัญพวกเขากลิ่นจักกะแร๊เหม็นมากกกกก แต่แล้ววันหนึ่งฉันต้องก็ต้องไปเรียน ไปใช้ชีวิตอยู่ที่โน้น ไปอยู่ในที่ๆ แวดล้อมไปด้วยภาษาอังกฤษที่ฉันไม่ชอบ และยังนึกภาพไม่ออกว่าชีวิตจะออกหัวออกก้อยอย่างไร ฉันต้องไปเรียนภาษาก่อนเพื่อปูพื้นฐานหนึ่งปี แต่ในกรณีที่ใครเก่งภาษาอยู่แล้วก็สามารถใช้คะแนนโทเฟลเทียบระดับได้เลย ก็ประหยัดค่าเรียนไปได้มากโข

เราทั้งคู่มีจุดหมายปลายทางเดียวกันคือที่ Murray State University, Kentucky ชื่อมลรัฐคุ้นหูดีใช่ไหมค่ะ ใช่แล้วค่ะ ที่นี่คือถิ่นกำเนิดของไก่ทอดเลื่องชื่อ เคนตั๊กกี้ฟรายชิกเก้น ของผู้พันแซนเดอร์ทนั่นเอง ซึ่งเป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกกลางของประเทศสหรัฐอเมริกาเราต้องเตรียมพร้อมเรื่องเอกสารขอ I-20 หรือใบสมัครตอบรับจากมหาวิทยาลัยที่เราจะไปเรียนไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนเดินทางก็มิได้รู้สึกเศร้าอะไรมากอาจจะด้วยต้องตื่นเช้ามากเกินไป สมองยังไม่รับรู้ดีนัก แต่พอถึงเวาที่ต้องออกเดินทางแล้วก็ให้รู้สึกใจหาย ฉันกอดลาปะป๊า มะม๊า น้องๆ เพื่อนๆ ที่มาส่ง และพยายามจดจำพวกเขาไว้ให้นานที่สุด ที่นี้พอถึงเวลาอยู่บนเครื่องแล้วนี่ซิ น้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลออกมา ฉันพยายามเงยหน้าให้น้ำตาไหลย้อนกลับ และพยายามคิดว่า มันต้องสนุกแน่

ฉันบินด้วยสายการบิน Northwest Airline แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองนาริตะ ญี่ปุ่น ก่อนจะบินต่อไปที่สหรัฐ ฉันต้องเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ดีทรอย์ มลรัฐมิชิแกน Detroit Michigan ใช้เวลาบินทั้งสิ้นกว่า 22 ชั่วโมง ต้องพักเป็นช่วงๆ 3 ช่วง ข้ามเส้นขอบฟ้าจากตะวันออกไปตะวันตก เห็นท้องฟ้าสว่างๆ แล้วก็มืด แล้วก็สว่างใหม่อีก ฉันไม่เคยเห็นและยังต้องต่อเครื่องบินภายในประเทศอีก 2 ชั่วโมงเพื่อไปยังสนามบินที่ใกล้รัฐที่ฉันอยู่มากที่สุด ซึ่งก็คือสนามบินแนสวิลล์ มลรัฐเทนเนสซี่ (Nashville,Tennessee) จากนั้นฉันต้องรอคนมารับเรา ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจะจัดหาคนมารับเราเพื่อไปยังมหาวิทยาลัย

กว่าจะไปถึงมหาวิทยาลัยได้ก็ต้องใช้เวลาขับรถอีกกว่า3 ชั่วโมง เป็นการเดินทางที่แสนยาวนานที่สุดในชีวิตกระเหรี่ยงอย่างฉัน ฉันมองเห็นทิวทัศน์ข้างทางเมื่อยามรถห่างจากสนามบินออกมาเรื่อยๆนั้น บ้านเมืองตึกอาคารเริ่มหายไป เข้าสู่ไฮเวที่โล่งมาก ข้างทางเห็นก้อนแยมโรลยักษ์ม้วนๆ อยู่ตามท้องนา เอ้ย..ท้องนาจริงๆ แต่เป็นนาข้าวบาร์เล่ย์ ตอนหลังทราบว่าก้อนแยมโรลนั้นคือหญ้าที่เขาเตรียมไว้มาคลุมพื้นนาไว้ต่อไป

เมอร์เรย์สเตท (Murray State) นั้น นับเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในแถบตะวันออกกลางนี้ เราต้องขับรถผ่านทะเลสาบและข้ามเขื่อนเข้าไปก่อนจึงจะถึงเมืองของเราได้ ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเงียบสงบขนาดไหน ที่นี่เป็นเมืองไร้แอลกอฮอล์ จึงไม่มีเหล้ายาปลาปิ้งขายแต่อย่างใด แต่พวกเราก็สามารถหาแหล่งได้เองในภายหลัง ตามเมืองใกล้กันขับรถไปสักครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ (คำเตือน การดื่มสุราเป็นอันตรายต่อสุขภาพ) ทุกคนทราบดี แต่อยู่ที่จะทำหรือเปล่า สำหรับฉันไม่เห็นเป็นเรื่องผิดอะไรนักหนา ตราบใดที่เรายังรู้จักหน้าที่ของได้เป็นอย่างดี และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว

ฉันนั่งๆ นอนๆ รู้สึกมึนๆกับการเดินทางต่อไป ผ่านหุบเขา ทางโค้งที่มีทิวสนเขียวๆ ท้องฟ้าเริ่มอ่อนแสงลง ทั้งๆที่เป็นเวลากว่าสองทุ่มแล้วก้ตาม ทำไมพระอาทิตย์ที่อเมริกามันไม่ตกเหมือนบ้านเราหรือมันจะเป็นคนละดวง โธ่...คิดไปได้ เมื่อเข้าสู่ถนนในเมือง ผ่านดาวท์ทาวส์ซึ่งเป็นเนิน โผล่เห็นมหาวิทยาลัยอยู่กลางเมือง และมีอาคารบ้านเรือน รายรอบอยู่รอบๆ มหาวิทยาลัย สมัยนั้นมีแค่เพียงห้าง Walmart และ Klogger เท่านั้น ซึ่งทั้งสองเป็นห้างสรรพสินค้าที่เป็นเหมือนโลตัสบ้านเรา ขายของกิน ของใช้ที่จำเป็น ไม่ได้มีสินค้าแบรนด์เนมอะไรให้ช้อปปิ้ง ซึ่งหากใครจะช้อปก็ต้องขับไปที่เมืองใกล้ๆกัน ชื่อว่า Paducar ที่นั่นถึงจะมีเอาท์เลท และห้างสรรพสินค้าดีๆ ให้เลือกช้อปกันได้ เราเข้าไปเช็คชื่อและบอกรายละเอียดที่พัก บรา บรา ไม่รู้เรื่อง มึนๆ จำได้แต่เพื่อนสนิทของฉันเจ้าบี มาเรียนอยู่ก่อนแล้วปีหนึ่ง บีพาเราไปพักกับบีก่อนที่หอพักภายในมหาวิทยาลัย (College Cort) กว่าจะมาถึงได้ ฉันคลานขึ้นเตียงแล้วหลับ อย่าเรียกว่าหลับเลย สลบเหมือดก็ว่าได้ ไปตื่นอีกทีตอนเกือบเที่ยงของวันรุ่งขึ้น

เอาล่ะ...ขอจบเรื่องเล่าเท่านี้ก่อน หากมีโอกาสจะมาเขียนต่อเรื่องเรียนต่อไป


ขอบคุณที่แวะมาชมบล๊อกค่ะ



ปล. ขอขอบคุณ ภาพประกอบของมหาวิทยาลัย โดย Lori Spindler



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2552 14:09:22 น. 4 comments
Counter : 868 Pageviews.

 
จะติดตามอ่านตอนต่อไปนะครับ...


โดย: MM (ongchai_maewmong ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:23:06:18 น.  

 
ู^
^
^
ขอบคุณจ้า องค์ชายเอ็มเอ็ม
ติดตามได้เลย แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นเมื่อไรน่ะ
เดี๋ยวลมเพ ลมพัดมาอาจจะมีอารมณ์เขียนใหม่จ๊ะ


โดย: A'Jim วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:04:32 น.  

 
สวัสดีครับ พี่ A'Jim
พอดีได้อ่าน blog ของพี่แล้ว มีคำถามอยากจะถามอะครับ เพราะผมกำลังจะไปเรียนที่ murray เหมือนกันครับ .....
1. ตอนที่พี่บิน ของ Northwest Airline มาtransit ที่นาริตะ แล้วต่อมาที่ DTW (detroit) พี่ต้องมา เช็คอิน ใหม่อีกมั๊ยครับ....
2. หลังจากลงที่ DTW ต้องต่อ dom พี่ต่อของสายการบินอะไรครับ แล้วเค้าให้โหลดกระเป๋าได้กี่ใบ กี่กิโลครับ เสียเงินเพิ่มหรือเปล่า พอจำได้มั๊ยอะครับ
ขอโทษที่ถามคำถามอะไรแบบนี้ เพราะกำลังหาข้อมูลเรื่องสายการบิน แล้วก็ราคา ภาษายิ่งไม่ดีอยู่ด้วย src=https://www.bloggang.com/emo/emo9.gif>


โดย: เด็กหลง (18 อรหันต์ 1000 มือ!! ) วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:12:24:06 น.  

 
ลืมขอบคุณ แหะๆ...ขอบคุณครับ


โดย: เด็กหลง (18 อรหันต์ 1000 มือ!! ) วันที่: 20 มกราคม 2553 เวลา:12:25:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

A'Jim
Location :
KLN Hong Kong SAR

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




:: ::

ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดา ที่มีโลกส่วนตัวเล็กๆ
มีความสุขกับชีวิตในทุกวัน
บางวันสุขใหญ่ บางวันสุขเล็ก
ก็ไม่เป็นไรเนาะ ยังไงก็ยังเป็น "ความสุข"

::

ฉันชอบอ่านบล็อก ชอบดูภาพถ่าย
ชอบอ่านรีวิว ชอบดูหนังตลก ติดละคร
และชอบอีกหลายอย่าง แล้วแต่อารมณ์จะพาไป

::

เราอาจจะรู้จักกันผ่านบล็อก ผ่านความคิด
ผ่านถ้อยคำเขียน แต่มันยังคงไม่ใช่ทั้งหมด
เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของตัวฉัน

::

การเขียนบล็อกเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
และเพราะบล็อกนี้ ทำให้ฉันได้รู้จักคำว่า
มิตรภาพออนไลน์ นั่นมี ..." อยู่จริง "

:: :: ::














web analyzer

New Comments
Friends' blogs
[Add A'Jim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.