|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ทัสนะ(6)...ความเป็นของคู่
ความเป็นคู่มีอยู่ และแตกต่างกันโดยธรรมชาติ มีร้อน มีเย็น มีมืด มีสว่าง มีสุข มีทุกข์ และในความเป็นคู่นั้น มีคู่ที่ใหญ่ที่สุด และตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ โลกียะ กับโลกุตระ
ดังนั้นผู้ที่มีทิศทางไปทางโลกุตระย่อมต้องมีวิธีคิด หรือวิธีปฏบัติไม่เหมือนกับคนทั่วๆ ไปนั้นแน่ และการปฏิบัตินั้นก็เป็นการปฏิบัติที่เรียกกันว่า ทวนกระแสโลก
ถ้าโลกียะ สอนให้สะสม หอบหวง โลกุตระ สอนให้ละทิ้ง อิสระ ถ้าโลกียะ สอนให้แสวงหาโลกธรรม (ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข) โลกุตระ สอนไม่ให้ติดยึด
ถ้าโลกียะสอนให้กอบโกย กำไร หรือเป็นผู้รับ โลกุตระ สอนให้เป็นผู้เสียสละ หรือเป็นผู้ให้
ดังนั้นครู อาจาร์ยท่านใด ยังสอนให้แสวงหาความร่ำรวย หรือสอนให้ทำบุญ โดยยังหวังวิมานแก้ว วิมานทอง ทิศทางนั้นย่อมไม่ใช่ทิศทางที่องค์ศาสดานั้นพาเดินเป็นแน่
เนื่องจากสมัยพุทธกาลนั้น องค์ศาสดาท่านได้ทรงละทิ้งโลกธรรมต่าง ๆ เหล่านี้มาแล้ว จากความมี มาสู่ความไม่มี จากความรวย มาสู่ความจน แม้แต่การประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ในป่า นั่นก็เป็นเครื่องยืนยันความสอดคล้องทั้งรูปธรรม และนามธรรม หรือ ทั้งการปฏิบัติ และคำสอน จริง จริง
ทัสนะ
Create Date : 24 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 24 ธันวาคม 2553 14:36:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 972 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|