บางครั้งโลกแห่งความจริงไม่สวยงาม...เฉกเช่นความฝัน แต่รู้สึกและจับต้องได้
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
6 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
ผู้สละโลก(6)...ถ่านไฟเก่า








ธรรมลิขิตโดย อ.วศิน อินทรสระ
ธรรมบรรยายโดย มูลนิธิธรรมสันติ


"อันว่าบุคคลผู้เดินอยู่ในที่มืด ใครมีแสงสว่างในมือเท่าใด ก็เห็นความจริงที่ปรากฏเฉพาะหน้าได้เท่านั้น คนที่มีแสงสว่างน้อย ก็เห็นได้น้อย และเห็นได้เฉพาะวัตถุหยาบ ผู้มีแสงสว่างมากก็เห็นได้กว้างไกล และแม้วัตถุละเอียดก็พอมองเห็นได้ฉันใด ในโลกสันนิวาส อันมืดมิดด้วยโมหะนี้ก็ฉันนั้น ผู้ใดมีแสงสว่างคือปัญญาน้อย ก็ได้เห็นความจริงของชีวิตน้อย ผู้มีปัญญามาก ลึกซึ้งกว้างขวาง ก็ได้เห็นความจริงของชีวิตมาก" วศิน อินทสระ

ผู้สละโลก เป็นเรื่องราวของพระอริยะสาวกหลายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอัครสาวกเบื้องขวา พระสารีบุตร และพระอริยะสาวกเบื้องซ้าย พระโมคัลลานะ พระราหุล ผู้เป็นพุทธชิโนรสขององค์ศาดา นอกจากนั้นยังมี พระมหากัสสปะ, พระรัฐปาละ, และพระมหากัปปินะ
เป็นเรื่องราวการสละโลกียสุข ของผู้มีใจเด็ดเดี่ยว ถึงแม้จะเป็นการเสียสละที่ทำได้ยาก ทั้งนี้เพื่อเผยแพร่คำสอนของพระพุทธองค์ไปยังผู้ที่มีดวงตาเห็นธรรม......ทัศนะ

ประวัติของพระมหากัปปินะ โดยย่อ

ผู้เป็นเลิศในบรรดาผู้สั่งสอนภิกษุ

ท่านพระมหากัปปินะ เป็นพระราชโอรสของกษัตริย์ ในเมืองกุกุฏวดี เมื่อพระราชบิดาทิวงคตแล้ว ได้เสวยราชย์สืบราชสันตติวงศ์สืบต่อมา มีพระอัครมเหสีพระนามว่า อโนชาเทวี ซึ่งเป็นพระราชธิดาของกษัตริย์ในเมืองสาคละ แคว้นมัททรัฐ พระเจ้ามหากัปปินะนั้น ทรงมีม้าเป็นราชพาหนะถึง ๕ ตัว คือ ๑. ม้า ชื่อว่าพละ ๒. ชื่อว่า พลวาหนะ ๓. ชื่อว่า ปุปผะ ๔. ชื่อว่า ปุปผวาหนะ ๕. ชื่อว่า สุปัตตะ เมื่อทรงม้าตัวใด ม้าที่ยังเหลือ อีก ๔ ตัว ก็จะพระราชทานแก่พวกอำมาตย์ เพื่อให้ไปสืบหาข่าว

อยู่มาวันหนึ่ง พระองค์ทรงม้า ชื่อว่า สุปัตตะ พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และเหล่าอำมาตย์ข้าราชบริพาร ได้เสด็จประพาสพระราชอุทยาน ทรงพบกับพวกพ่อค้าประมาณ ๕๐๐ คน ซึ่งเดินทางมาจากเมืองสาวัตถี ตรัสถามทราบว่า พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ได้บังเกิดขึ้นแล้วในโลกพระองค์ทรงมีความปีติโสมนัสบังเกิดศรัทธาแก่กล้าถึงขนาด ทรงลืมพระองค์ไป ได้พระราชทานรางวัลให้พวกพ่อค้าเหล่านั้นประมาณสามแสน ให้ไปรับเอากับพระอัครมเหสี และพระองค์ได้ทรงพระอักษร (เขียนหนังสือ) มอบราชสมบัติให้แก่พระอัครมเหสีฝากไว้ด้วยแล้วพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และอำมาตย์ราชบริพารประมาณหนึ่งพันเด็จไปเฝ้าพระบรมศาสดา ในระหว่างทางเสด็จไปนั้น ได้ทรงพบแม่น้ำ ๓ สาย คือ แม่น้ำชื่อ อารวปัจฉา ๑ แม่น้ำชื่อนีลวาหนา ๑ แม่น้ำชื่อ จันทภาคา ๑ ตามลำดับ ในแม่น้ำเหล่านั้น ไม่มีเรือแพสำหรับให้ข้ามไป ด้วยเหตุนี้ เมื่อพระเจ้ามหากัปปินะพบแม่น้ำสายที่ ๑ ได้ทรงระลึกถึงพระพุทธคุณ พบแม่น้ำสายที่ ๒ ได้ทรงระลึกถึงพระธรรมคุณ พบแม่น้ำสายที่ ๓ ได้ทรงระลึกถึงพระสังฆคุณ ด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย แม่น้ำเหล่านั้นกลับกลายเป็นน้ำแข็ง ม้าเดินข้ามไปได้โดยสะดวก ส่วนพระบรมศาสดา ทรงทราบว่า พระเจ้ามหากัปปินะทรงสละราชสมบัติ พร้อมด้วยข้าราชบริพารเสด็จมา มีพระราชประสงค์จะออกบรรพชาอุปสมบทมุ่งเฉพาะพระองค์ (พระบรมศาสดา) จึงได้เสด็จออกไปรับระยะทางประมาณ ๑๒๐ โยชน์ ประทับอยู่ใต้ร่มไทร ใกล้ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ทรงเปล่งรัศมีให้ปรากฏ พระเจ้ามหากัปปินะพร้อมด้วยข้าราชบริพารเสด็จถึงที่นั้นแล้ว เสด็จลงจากหลังม้าพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินเข้าไปเฝ้าตามแสงสว่างแห่งรัศมี ถวายบังคมพระบรมศาสดาแล้วประทับนั่งอยู่ ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง พระบรมศาสดาทรงแสดงอนุปุพพิกถา ในที่สุดแห่งเทศนา พระเจ้ามหากัปปินะพร้อมด้วยข้าราชบริพารได้บรรลุโสดาปัตติผล แล้วทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้อุปสมบทเป็นภิกษุด้วย เอหิภิกขุอุปสัมปทา

ฝ่ายนางอโนชาเทวี ผู้เป็นอัครมเหสี ได้ทรงทราบเนื้อความในพระราชสาส์นจากพ่อค้า ก็ทรงบังเกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงได้ประทานรางวัลให้พวกพ่อค้าอีกประมาณ ๙ แสน รวมเป็น ๑๒ แสน (หนึ่งล้านสองแสน) ได้ทรงสละราชสมบัติ พร้อมด้วยข้าราชบริพาร เข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดาดุจในหนหลัง พระองค์ก็ทรงแสดงอนุปุพพิกถา ในที่สุดแห่งพระธรรมเทศนาพระนางอโนชาเทวีพร้อมด้วยข้าราชบริพาร ได้บรรลุโสดาปัตติผลแล้ว จึงทูลขอบรรพชาอุปสมบท ต่อมาได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของนางภิกษุณี ได้บรรลุพระอรหัตตผลพร้อมกับบริวารทั้งหลาย ฝ่ายท่านพระมหากัปปินะพร้อมทั้งบริวาร ได้สดับพระธรรมเทศนา ที่พระองค์ทรงแสดงแก่พระราชเทวีนั้น ครั้นส่งจิตไปตามแนวพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล พร้อมทั้งปฏิสัมภิทาทั้งหลาย

พระบรมศาสดาทรงพาภิกษุพันรูปนั้นเสด็จกลับพระเชตวัน ท่านพระมหากัปปินะ ครั้นได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว เที่ยวเปล่งอุทานอยู่บ่อย ๆ ว่า อโห สุขํ อโห สุขํ แปลว่า สุขหนอ สุขหนอ ภิกษุทั้งหลายได้ยินแล้วพากกันสำคัญว่า ท่านเปล่งอุทาน เช่นนั้น เพราะปรารภความสุขในราชสมบัติของตน จึงกราบทูลความนั้นแด่พระบรมศาสดา พระองค์ทรงรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้า ตรัสถามทราบความจริงแล้วจึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระมหากัปปินะบุตรเรา มิได้เปล่งอุทานปรารภสุขในกาม หรือสุขในราชสมบัติ เธอเกิดปีติในธรรม จึงเปล่งอุทานปรารภอมตมหานิพพาน ส่วนท่านพระมหากัปปินะเพียรพยายามเจริญสมณธรรมบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน ต่อไม่นานก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล คราวแรก ๆ ท่านไม่กล้าสั่งสอนใคร เพระยังไม่ได้รับพระบรมพุทธานุญาต ต่อมาภายหลัง ท่านได้รับพระบรมพุทธานุญาตแล้ว จึงได้เป็นผู้สั่งสอนบริวารพันรูปของท่านให้สำเร็จพระอรหัตตผล

พระบรมศาสดา ทรงปรารภความสามารถของท่านในเรื่องนี้ขึ้นเป็นต้นเหตุจึงได้ทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งอันเลิศว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายข้างให้โอวาทแก่ภิกษุบริษัท ท่านพระมหกัปปินะนั้น ดำรงชนมายุสังขารโดยสมควรแก่กาลเวลาแล้ว ก็ได้ดับขันธปรินิพพาน


dhammathai.org



Create Date : 06 ธันวาคม 2553
Last Update : 22 ธันวาคม 2553 19:41:11 น. 0 comments
Counter : 339 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

atruthoflife10
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




กลับคืนสู่ธรรมชาติ ด้วยสุขภาพที่ดีกว่า

ไตรลักษณ์
เกิดขึ้น 26 พ.ย.2553

ดับไป....???

Friends' blogs
[Add atruthoflife10's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.