|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Beating agian
ฤดูฝนเวียนมาครบอีกรอบแล้ว
ราวกับน้ำฟ้าพร่างพรมใจทุกดวงที่แหบแห้งให้ฉ่ำชุ่ม
ตระกองสองมือรองรับหยดน้ำฝน
อยากกักเก็บมันให้ได้มากกว่านี้
แต่ก็ทำไม่ได้ ... สุดท้ายก็จบลงที่มือที่เอ่อน้ำล้นทุกที
............................................................
ความสุขใจยามที่เอามือสัมผัสหน้าท้องที่กลมนูนของตัวเอง
ความสุขที่ได้สัมผัสอีกชีวิตใต้ผิวท้องที่กลมนูนของตัวเอง
ความสุขที่ได้รับรู้ว่ามีหัวใจอีกดวงค่อยๆเติบโตใต้เนื้อบางของตัวเองนั้น
ช่างทำให้เธออิ่มเอิ่บหัวใจเหนือสิ่งใด
รอยขีดฆ่าเลขวันที่บนปฏิทินยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้น หัวใจเธอก็ยิ่งพองโตมากขึ้นเท่านั้น
และยิ่งทำให้เขากระวนกระวายเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ก่อนนอนทุกๆค่ำคืน เป็นไปไม่ได้เลย ที่เขาจะหลุบสายตานอนก่อนเธอเลย
มือที่กว้างและอบอุ่นนั้นมักเกาะกุมมือของเธอที่วางไว้บนหน้าท้อง
แววตาที่เข้มแข็งและอบอุ่นนั้นมักจ้องมองเข้าไปลึกๆในดวงตาของเธอ
พร้อมทั้งอารมณ์ความรู้สึกที่เอ่อล้น ไม่จำต้องเอ่ยคำใดอีกต่อไป
ความรู้สึกที่สุขอุ่น.....ชักนำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและหลับสบายทุกๆค่ำคืนจนถึงยามเช้าเมื่อฟ้ากระจ่างเสมอ
ความสุขของการได้สรรสร้างชีวิตร่วมกันของเธอและเขาทำให้ชีวิตของทั้งสองคนเพียงพอและสุขใจยิ่งนัก
กาลล่วง ในฤดูฝนที่ลมเย็นพัดฉ่ำ น้ำฝนยังคงเฉียบเย็น
กำหนดคลอดของกล่องดวงใจดวงน้อยถึงแล้ว
ขั้นตอนทุกอย่างดำเนินไปตามที่มันควรจะเป็น
เขากุมมือเธอพลางมองตาเธอด้วยแววตาที่ปริ่มแรงใจ
เธอใช้สายตาที่ยิ้มกว้างส่งคืนให้เขา พลางกระชับมือที่เกาะกุมกันให้แน่บแน่นกว่าเดิม
จนกระทั่ง วินาทีที่หัวใจดวงเล็กๆดวงนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวจากภายในออกสู่ภายนอก
แทนที่จะมีเสียงที่ร่ำร้องของทารก กลับ ปรากฎความเงียบขึ้นแทนที่
ความตระหนกในแววตาของหมอ เพียงแว่บเดียวที่หันมาสบตาเขาและเธอ
ทำให้หัวใจที่เหมือนจะพองโตทั้งสองหยุดขยับไหวไปเลย
ตามมาด้วยความโกลาหลของทีมแพทย์พร้อมความหวั่นหวาดใจของเธอเขา
ช่วงเวลายี่สิบห้านาทีที่ล่วงผ่านราวกับกาลล่วงผ่านนับแสนกัลฤ์สำหรับทั้งสอง
ก่อนที่เสียงร่ำร้องของทารกในมือแพทย์พร้อมรอยยิ้มผ่านดวงตา
จะทำให้หัวใจทั้งสองพองโตขึ้นมาอีกครั้ง พลางเต้นร่ำด้วยใจสุขพร้อมกัน
.................................................................................
"อาการสำลักน้ำคล่ำของทารกเมื่อคลอด เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้
แต่โอกาสน้อยมาก ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ทารกเสียชีวิตได้"
เป็นคำบรรยายของแพทย์ถึงอาการตอนทำคลอดเด็กให้เขาและเธอฟัง
ความกังวลใจสลับความโล่งอกเป็นพักๆปรากฏขึ้นกลางดวงใจเขาเธอตลอดเวลาที่ฟังแพทย์บรรยายสรุป
ก่อนสุดท้ายจะได้ยินว่า ตอนนี้ทารกปกติและปลอดภัยแล้วนะครับ
ซึ่งเป็นคำพูดที่เขาทั้งสองภาวนาที่จะได้ยินจากปากของผู้เชี่ยวชาญที่สุด
ความปิติเอ่อล้นกลางสองใจเมื่อทารกตัวแดงๆนั้นอยู่ในอ้อมกอดของเขาและเธอ
สำหรับทั้งสองแล้ว ... ความสุขอยู่ในกำมือของตัวพวกเขาเองแล้ว ณ วินาทีนั้น
........................................................
สายฝนยังสาดสายไม่ขาดช่วง ใต้นภาไม่มีสิ่งไหนหลีกพ้นไอชื้นได้เลย
ยามเธอกอดทารกตัวน้อยในอ้อมกอด ค่อยๆถ่ายทอดสายน้ำนมให้เด็กน้อย
มันคือความสุขที่สุดในชีวิตของเธอเหนือสิ่งอื่นใดจริงๆ
เวลาค่อยๆกลืนผ่านไปพร้อมหยดน้ำที่เริ่มซาฟ้า
แต่ความสุขของเธอและเขากับการต้อนรับชีวิตใหม่เพิ่มพูนขึ้นทุกๆวัน
รอยยิ้มพร้อมเสียงหัวเราะเต็มทุกพื้นที่ของบ้านอุ่น
.................................................................................
ในวันที่สายฝนไม่ขาดสายก่อนสิ้นฤดูของมันไป
ราวกับเป็นฝนสุดท้ายก่อนจะเหือดแห้งฟ้า
กลางห้องนอนที่อบอุ่นจากไอเย็นแห่งสายฝน
เด็กน้อยหลับตาสนิท ปากช่องเล็กๆประทับอยุ่บนหน้าอกของเธอ
ค่อยๆกลืนดื่มนมอุ่นจากแม่
ตามลำพังสองคน.......เวลาแห่งความสุขค่อยๆผันผ่าน
ช้าๆ ...... ณ ขณะที่เธอกำลังจินตนาการถึงอนาคตของลูกน้อยอีกหนึ่งปี สองปี และปีต่อๆไป รอยยิ้มตรงริมฝีปากของเธอเผยอเล็กน้อย
ณ วินาทีนั้นเอง ที่เด็กน้อยเกิดอาการ " ผิดปกติ "
ราวกับมีอะไรติดอยู่ในลำคอ ...
ความตื่นตกใจพลุ่นพล่านถึงขีดสุด เธอจับทารกตัวน้อยมาเขย่าเบา
แต่ทารกยังไม่หยุดสำลัก.... อาการสับสน ตื่นตกใจพูนขึ้นทุกวินาที
ก่อนทารกตัวน้อยจะหยุดนิ่งและ นิ่งสงบลง
ความกลัวเพิ่มถึงขีดสุด .... เธอหยิบ กระเป๋าใบเล็ก พร้อมความหวาดหวั่นใจ
ไปโรงพยาบาล
.......................................
กลางห้องโถงที่สว่างไหวด้วยแสงไฟ เธอร่ำน้ำตากับแผงอกของเขาตลอดเวลา
หน้าห้องปฏิบัติการของแพทย์ชุดเดิม.........
ทุกวินาทีที่ผ่านพ้น ความเจ็บปวดในใจทั้งสองราวแส้โบยไร้ภาพที่มองไม่เห็น
กำลังโบยดวงใจทั้งสองดวงอย่างไร้ความปราณี
ความเจ็บปวดเอ่อล้นเกินทนรับกัดกิจความรู้สึกทั้งสองจนชาด้าน
........................................
เมื่อแสงไฟห้องปฏิบัติการดับลง........ ความสับสนและหวั่นหวาดยังคงปริ่มดวงใจทั้งสองดวง
แต่พลันเมื่อสบสายตากับแพทย์ที่เดินก้าวออกมา
ก็ทำให้เธอทรุดตัวลงอย่างไม่อาจยับยั้งก่อนสิ้นสติไปกลางอ้อมกอดของเขา
..................................................
สายฝนยังคงกระหน่ำเมื่อเธอตื่นขึ้นมา ..... โลกทั้งใบราวกับกดทับอยู่บนดวงใจของเธอ
น้ำตาไม่อาจชงักรั้ง ค่อยๆพลั่งพรูลงราวตาน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้ง
ความจริง ... มักโหดร้ายกับผู้อยู่ในเหตุการณ์
ความจริง ... มักเจ็บปวดสำหรับผู้ที่รับรู้มัน
ความจริง ....มักจริงแท้เกินกว่าจะหลีกหนี
ความจริงที่ว่าเขาสูญเสียดวงหัวใจของเธอไปแล้ว อย่างไม่มีวันหวนกลับ
"เด็ก ขาดอากาศหายใจ เพราะน้ำนมจากแม่ไปปิดหลอดลม หรือที่แพทย์เรียกมันว่าอาการ สำลักน้ำนม ครับ ผมขอแสดงความเสียใจจริงๆครับ "
แพทย์เดินจากไปพร้อมหยดเลือดที่หลั่งไหลในจิตใจของทั้งสองคน
ความจริงที่ว่า ลูก ตายเพราะน้ำนมแม่ ยากเกินจะทนรับได้จริงๆ
ความโศกศัลย์ครอบงำใจของเธอยิ่งกว่าเขาเพราะเธอเชื่อว่าเธอเป็นต้นเหตุให้ลูกตัวเองต้องจากไป
แต่เขาไม่เคยโทษเธอเลย............ เขามักกระชับโอบรั้งเธอเข้าสู่อ้อมแขน
พลางกอดด้วยไออุ่น กระซิบปลอบโยนเธอ
บอกเธอว่า ...... ขอบคุณที่เธออุ้มเขามาและคลอดเขามาให้เป็นความสุขของเขา แม้จะช่วงสั้นๆ
และขอบคุณเธอที่ทำให้เขาสัมผัสถึงความสุขของการเป็นพ่อคนจริงๆซักที
แม้จะไม่อาจช่วยเธอให้หายโศกได้ทันที ก็ทำให้เธอรู้สึกบรรเทาความรวดร้าวลงไป
พร้อมกับเวลาๆที่ค่อยผันผ่านเยียวยาแผลแห่งดวงใจที่ร้าวรานกลับมาเต้นแข็งแรงอีกครั้ง
.................................................................................................
สายฝนยังพร่างพราวกลางแสงขาวแห่งฟ้าฟาก
ตระกองสองมือรับหยดน้ำฝนเต็มชุ่มก่อนสลัดน้ำ
สัมผัสกับหน้าท้องที่กลมนูนของตัวเอง
กลางสายฝนที่ที่หยดหยาด พวงแก้มที่อ่อนโยนปรากฎหยดน้ำตาหยดเล็กๆไหลลงหยดสู่หน้าท้องของตัวเอง
เป็นน้ำตาแห่งความยินดี หรือ หวาดหวั่น ??
แต่เมื่อเธอสัมผัสมือกับหน้าท้องของตัวเองอีกครั้ง
เสียงหัวใจดวงน้อยๆที่เต้นช้าๆ อ่อนใต้ผิืวบางนั้น
รอยยิ้มน้อยริมฝีปากเธอ วาดขึ้นช้าๆ กลางสายฝน แ่ห่งฤดูที่ฟ้าหม่น
อีกครั้ง.........................................
.........................................................................
ปล. เรื่องนี้อุทิศให้กับน้องเก้า เด็กชายที่ออกมาสูดอากาศบนโลกเพียง 21 วัน ก่อนจากไปเพราะอาการสำลักน้ำนม ทั้งที่รอดมาได้จากอาการสำลักน้ำคล่ำของแม่ตอนคลอดแล้ว เป็นกำลังใจเล็กๆให้คุณแม่ของน้องเก้าก้าวต่อไปนะครับ แม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเสมอ ขอบคุณครับ
Create Date : 30 มิถุนายน 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 30 มิถุนายน 2552 23:39:27 น. |
Counter : 716 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ปฐพีหอม 10 มกราคม 2553 19:09:05 น. |
|
|
|
|
|
|
|