Ant-Man and the Wasp ซุปเปอร์ฮีโร่ยืดได้-หดก็ได้!
7/10
"ยืดได้-หดได้" อะอ๊ะ อย่าเพิ่งคิดลึก เรากำลังพูดถึงคุณสมบัติของซุปเปอร์ฮีโร่สายมดตะนอยอย่าง Ant-Man and the Wasp ที่คราวนี้ Marvel ขอมาในคราบหนังครอบครัว เรียกว่าดูสนุกลุกนั่งสบาย ลูกเด็กเล็กแดงน่าจะชอบทีเดียวล่ะ
Ant-Man and the Wasp เล่าเรื่องต่อจากภาคแรกและต่อจาก Captain America: Civil War ด้วย เมื่อ Scott Lang หรือ Ant-Man (Paul Rudd) ถูกทางการจับกุมและกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้าน ขณะเดียวกัน Hank Pym (Michael Douglas) และลูกสาว Hope van Dyne (Evangelline Lilly) ที่ต้องหลบซ่อนตัวเช่นกันกำลังคิดแผนการนำตัวคุณแม่ (Michelle Pfeifer) กลับจากมิติควอนตัม*
*มิติควอนตัม ถูกค้นพบโดย Hank Pim การเข้าไปทำได้ 2 ทางคือผ่านอุปกรณ์แหวนเวทมนตร์ของจอมเวทย์ใน Dr. Strange และ ด้วยเทคโนโลยีการย่อส่วนของ Hank Pim มิติควอนตัมเป็นมิติที่ความเป็นจริงและกาลเวลาไม่มีผลใดๆ ข้อเสียของการเข้าไปมิติควอนตัมคือระบบประสาทอาจได้รับผลกระทบกระเทือน
เรื่องราวเหมือนไม่ยากแต่ไม่ง่ายขนาดน้าน ภารกิจพาคุณแม่กลับบ้านถูกปั่นป่วนด้วยน้องชะนีลึกลับในชุดขาวเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ที่ถูกเรียกว่า Ghost (Hannah John-Kamen) กับแก๊งมาเฟียที่ต้องการได้ผลประโยชน์จากเทคโนโลยีของ Hank Pim และแน่นอนแก๊งเพื่อนพระเอกตัวป่วนนำทีมโดย Luis (Michael Pena) กลับมาฮาหนักมากอีกเช่นเคย
ค่าย Marvel และ Disney คงตั้งใจปั้น มนุษย์มด ให้เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ใสๆ (หลังหม่นเต็มที่กับ Infinity War!) ตัวร้าย(แทบ)ไม่มีพิษภัย อุปสรรคสารพัดช่างง่ายดาย ผกก. Peyton Reed เล่นสนุกเต็มที่กับการ "เดี๋ยวเล็กเดี๋ยวใหญ่" ของทุกสรรพสิ่ง ภาพรวมของหนังชวนให้นึกถึงหนัง Disney ยุค 80 อย่าง Honey, I Shrunk the Kids (1989)
ถ้าขาดเสน่ห์เฉพาะตัวของ Paul Rudd, การปรากฎตัวของซุปตาร์ในตำนานอย่าง Michelle Pfeifer/Michael Douglas, มุขเกรียนๆ ของ Michael Pena, ความน่าพิศวงของมิติควอนตัม และ end-credit น่าใจหาย Ant-Man and the Wasp คงเป็นได้แค่หนังครอบครัวดูสนุก จบแล้วลืมกันไป...แค่นั้นเอง