Welcome To ทองหลาง Bloggang ว่างๆ ก็แวะเข้ามา...ยินดีต้อนรับจ้า

ตอนที่ 9







เสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมประกายไฟแตกกระจายคล้ายไฟพะเนียงยังหม้อแปลงไฟฟ้าที่ติดตั้งอยู่ปลายเสาไฟฟ้าทำให้ความสว่างไสวในพื้นที่บริเวณนั้นดับวูบไปเป็นบริเวณกว้างไม่เว้นแม้กระทั่งตึกสูงระฟ้าที่ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าอย่างมั่นคง...

“ไอซ์...ช่วยฉันด้วย...จู่ๆ ไฟก็ดับ ฉันติดอยู่ในห้องทำงานจะทำยังไงล่ะทีนี้” อาโปโทรศัพท์ติดต่อเพื่อน ผู้เป็นต้นเหตุให้เธอติดแหงกอยู่ในอาคารท่ามกลางความมืดมิด

“ว่าไงแกว่าไงนะอาโป พูดดัง ๆหน่อยฉันไม่ได้ยิน”

เสียงที่ตอบมาตามสายทำเอาอาโปถึงกับขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด“ก็เดินหาที่เงียบ ๆ มาฟังฉันพูดหน่อยไม่ได้หรือไง...ฉันบอกว่าที่สำนักงานไฟฟ้าดับฉันติดอยู่ที่นี่คนเดียว..โธ่โว้ย...ให้ตายสิ...”เธอสบถออกมาแบบไม่รู้ว่าจะให้กับอะไรดีขณะที่แสงจากโทรศัพท์จู่ ๆ ก็ดับวูบลงกะทันหัน

“เอ้ย!.. เดี๋ยวดิอย่าเพิ่งดับ” หญิงสาวร้องเสียงหลง

เมื่อครู่ก่อนที่เธอจะโทรศัพท์หาเพื่อนเธอได้โทรหายามรักษาความปลอดภัย เพื่อบอกให้รู้ว่ายังมีคนติดอยู่ในสำนักงานทว่าโทรเข้าหลายครั้งก็ไม่มีใครรับสาย...แม้จะรู้สึกอารมณ์หงุดหงิดด้วยความกังวลแต่เธอก็พยายามมองในแง่ดี นั่นก็คือยามรักษาความปลอดภัยกำลังไฟตามช่างมาซ่อมระบบไฟฟ้าที่เกิดเหตุขัดข้องตอนนี้

“ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ให้ตายสิว่าตึกใหญ่ระดับนี้จะไม่มีระบบไฟฟ้าสำรอง” ไม่ใช่ด้วยความกลัว แต่เพราะโมโหหญิงสาวถึงกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย “นี่มันกี่ทุ่มกี่ยามแล้วนี่...งานของไอซ์ก็ยังไม่เสร็จทำยังไงล่ะทีนี้...คงต้องหอบกลับไปทำที่บ้านแล้ว”

การตัดสินใจนี้น่าจะดีที่สุดในสภาวะฉุกเฉิน...อาโปรวบรวมแฟ้มงานที่ยังทำค้างทั้งกระเป๋าสะพาย เดินคลำทางออกไปยังประตูกระจก...แต่...

“ให้มันได้อย่างนี้สิ...”อาโปถึงกับพ่นลมออกจากปาก

ประตูกระจกเปิดด้วยวิธีสแกนด์บัตรเมื่อไฟฟ้าดับแบบนี้เธอก็หมดสิทธิ์ที่จะออกไปภายนอกอาโปเดินคอตกกลับไปนั่งหมดอาลัยที่โต๊ะทำงานของเธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะถูกขังให้อยู่ภายในห้องที่ถึงแม้จะกว้างขวางแต่ก็มืดมิดไปหมดเช่นนี้

เห็นทีพรุ่งนี้เธอคงต้องขอเลื่อนการนำส่งงานชิ้นนี้ไปก่อนเจ้านายเบื้องบนคงเห็นใจบ้างล่ะ ก็มันเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ นี่นา

9

ชลธิศขับรถมาถึงบริษัทด้วยเวลาที่เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้ทว่านั่นก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง เพราะไม่ว่าจะมืดจะค่ำแค่ไหนการจราจรในเมืองหลวงของประเทศไทยก็ยังหาความแตกต่างจากช่วงเวลากลางวันไม่เจอ

“ไฟฟ้าดับนานหรือยัง”ประธานหนุ่มสอบถามยามรักษาความปลอดภัยประจำตึก

“ประมาณสามสิบนาทีได้ครับหรืออาจจะมากกว่านั้นผมไม่แน่ใจ” ยามตอบด้วยน้ำเสียงเกรง ๆ

“ไฟฟ้าสำรองไม่ทำงานเหรอทำไมตึกเราถึงดับไปด้วย” น้ำเสียงถามค่อนข้างห้วน

“ทำครับ แป๊บเดียวก็ดับไปด้วยกันผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่ผมไปดูที่ตู้ไฟสำรองมาแล้วครับ มันไม่ทำงานแต่ติดต่อคนดูแลระบบไปแล้ว”

“ให้ตายสิ...ตามผมมา...เอากุญแจกับไฟฉายมาด้วย” ชายหนุ่มสบถให้กับตัวเองก่อนจะเร่งฝีเท้านำยามเข้าไปในอาคารที่เขามั่นใจนั่งว่ายังมีคนติดอยู่ที่นั่น

ไฟฟ้าดับเช่นนี้ลิฟต์ดูเหมือนจะหมดความหมายไปโดยปริยายยามจึงทำหน้าที่ไขประตูกระจกด้วยกุญแจ เข้าสู่ภายในอาคาร ทิ้งวิ่งตามเจ้าขอขายาว ๆ ที่ก้าวเท้าแต่ละทีก็ทิ้งห่างเขาไปไกล

“ท่านประธานจะไปไหนครับ”

“ชั้นห้ายังมีคนทำงานอยู่” เขาบอกสั้น ๆ ขณะก้าวขึ้นบันไดแล้วก็หยุด เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ “เอากุญแจกับไฟฉายให้ผมแล้วคุณก็กลับไปทำหน้าที่ของคุณ”

ยามยื่นพวงกุญแจให้เจ้านายเมื่อเห็นท่านเดินขึ้นบันไดไปพ้นแล้ว เขาก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก หันกลับไปเฝ้ายามที่หน้าตึกต่อทั้งนึกในใจว่าเวลาขนาดนี้ยังมีคนขยันทำโอทีอยู่อีกเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีพนักงานบริษัทที่ทุ่มเทงานขนาดนั้นในประชากรแรงงานไทย

การเดินขึ้นบันไดถึงห้าชั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลยสำหรับบุคคลที่คุ้นชินกับความสะดวกสบายมาตลอดทว่าชลธิศไม่ได้รู้สึกถึงความลำบาก แม้ว่าการขึ้นไปบนชั้นเป้าหมายนั้นเข้าแทบจะวิ่งไปซะด้วยซ้ำ เมื่อคิดไปถึงใครคนหนึ่งที่ช่วงหลัง ๆ มานี้เธอจะวนเวียนอยู่ในสมองของเขาอยู่ตลอดเวลา ในความมืดบนตึกที่เงียบสงัดอ้างว้างและโดดเดี่ยวเธออาจจะกำลังขดตัวอยู่มุมใดมุมหนึ่งในห้องนั้นด้วยความกลัวและรอคอยด้วยความหวังว่าจะมีคนเข้ามาช่วย หากคนที่เธอรอคอยคนนั้นเป็นเขาจะดีแค่ไหนบางที ไม่เพียงคำว่าขอบคุณเท่านั้นที่เขาจะได้รับ อาจมีหัวใจดวงน้อย ๆของเธอแถมมาด้วยก็ได้ ใครจะรู้

เมื่อคิดถึงผลตอบแทนที่จะได้รับชลธิศก็เร่งฝีเท้าขึ้นไปที่ละชั้นอย่างไม่เห็นความเหน็ดเหนื่อยทว่าฝีเท้าของเขาก็มีอันต้องชะลอความเร็วลง เมื่อถึงครึ่งทาง หูของเขาสัมผัสถึงเสียงบางอย่างคล้ายมีคนกำลังเดินลงบันไดเข้ามาใกล้ทุกทีกระทั่งเขาเห็นแสงไฟคล้ายไฟฉายแต่เล็กกว่านำออกมาก่อน

“อ้าว...ท่านประธานทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ครับ” เสียงทักทายดังขึ้น

ชลธิศฉายไฟฉายในมือไปยังบุคคลที่ไม่ได้มีเพียงคนเดียวเพื่อดูหน้าให้ชัด...เขาไม่ได้สนใจชายหนุ่มที่เอ่ยทักเมื่อครู่ทว่ากลับให้ความสนใจหญิงสาวที่กำลังเดินอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนนั้นมากกว่า

“อาโป...”

“ค่ะท่านประธาน” เธอตอบรับเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือตัวเธอจริง ๆ

“ผมลืมของไว้ที่ห้องทำงานก็เลยกลับมาเอาเห็นคุณอาโปติดอยู่ในห้องทำงาน โชคดีที่ผมมีกุญแจสำรอง เลยพาเธอออกมาด้วยกัน”

รู้สึกว่าคำอธิบายของวสันต์ไม่ได้เข้าหูประธานหนุ่มเลยแม้แต่น้อยเมื่อสายตาของเขาจับจ้องมายังมือที่โอบเอวบางนั้นเขม็ง

“เอ่อ...คุณอาโปเธอเท้าแพลงครับผมเลย...” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็ต้องตกใจ เมื่อประธานหนุ่มตรงรี่เข้ามาแยกเขาออกจากผู้ร่วมงานสาวอย่างไม่คิดเกรงใจใคร

“อุ้ย!” อาโปถึงกับหน้านิ่วรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าเมื่อถูกกระชากให้เปลี่ยนที่พึ่งพิงกะทันหัน “เบา ๆ หน่อยค่ะฉันเจ็บ” เธอยังประท้วงต่อ ทั้งยังอ้าปากหวอด้วยความตกใจ เมื่อจู่ ๆตัวเธอก็ลอยหวือขึ้นสู้อ้อมแขนของผู้มาใหม่ทันที

“เท้าแพลงเดินมากไม่ดี” เขาบอกทั้งยังกดร่างนุ่มนั้นไว้กับอก ไม่ยอมให้เธอดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา “ขอบใจมากนะคุณวสันต์ที่ช่วยดูแลคนของผม”เขาบอกชายหนุ่มที่แม้อยู่ในความมืด ก็พอจะรู้สึกถึงความนิ่งงัน

ใช่...วสันต์รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆเขากำลังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ท่านประธานมาที่นี่เขาก็น่าจะมาด้วยเรื่องระบบไฟของตึกแต่ไหงกลายเป็นว่าท่านเข้ามาฉกตัวคนออกไปจากอ้อมแขนเขา โดยไม่สนใจสิ่งใดมิหนำซ้ำยังอุ้มเธอเดินจากไปต่อหน้าต่อตา

“ขอบคุณที่ช่วยดูแลคนของผมเหรอ”วสันต์ทบทวนประโยคสุดท้ายนั้นก่อนจะเผลอหัวเราะออกมาเบา ๆ “ประกาศซึ่ง ๆหน้าแบบนี้ คงต้องระวังตัวหน่อยแล้ว” ชายหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าทั้งถอนหายใจก่อนจะค่อยก้าวลงบันไดตามไปอย่างไม่รีบร้อน

อาโปรู้สึกเหมือนหน้าเธอกำลังถูกไฟลวกเมื่อท่านประธานอุ้มเธอตรงเข้าไปยังห้องกระจกของยามรักษาความปลอดภัยเพื่อคืนกุญแจกับไฟฉาย โดยไม่คิดที่จะวางเธอลงเลยสักครั้ง

“ฉันเดินเองได้ค่ะเจ้านาย”เธอบอกอย่างเกรงใจ

“บอกแล้วไง เท้าแผลงเดินมากจะยิ่งทำให้อาการแย่ลง” เขาเอ่ย เมื่อพาเธอกลับมายังรถที่จอดอยู่วางเธอไว้ยังที่นั่งข้างคนขับ ปิดประตูเรียบร้อยแล้วเดินอ้อมไปนั่งประจำที่ของเขาพารถคันหรูแล่นออกไปจนลับสายตาผู้เป็นยามที่เข้ามาทำหน้าที่เปิดประตูให้

ทว่ายังไม่ทันจะขยับตัวกลับมีร่างหนึ่งเดินแกมวิ่งสวนเข้ามา...

“เฮ...เดี๋ยวสิครับคุณ...นั่นคุณจะไปไหน”แสงไฟจากกระบอกไฟฉายส่องผ่านมายังใบหน้าผู้มาใหม่ทันที “อ้าวคุณไอซ์นั่นเองมีธุระอะไรเหรอครับ” ยามถามอย่างสุภาพเมื่อเขาจำได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าคือพนักงานคนหนึ่งของบริษัท

“มารับเพื่อนค่ะน้ายามเพื่อนติดอยู่บนชั้นห้า”

ว่าแล้วเธอก็วิ่งเข้าไปในอาคารทันทีด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรักที่ต้องมาติดแหงกเพราะเธอโดยลืมไปว่า ไฟฟ้าดับ เธอจำเป็นต้องใช้กุญแจและไฟฉายจากยามแถมยังไม่สนใจฟังเสียงร้องเรียกที่ดังอยู่ข้างหลังนั่นอีก

“คุณไอซ์ครับ...ถ้าเพื่อนที่คุณพูดถึงคือคุณอาโปเธอกลับไปแล้วนะครับ...อ้าว...หายไปไหนแล้วเนี่ย”น้ายามส่ายหน้าให้กับความวุ่นวายของค่ำคืน แต่เมื่อคิดไปถึงอีกคนที่ผ่านเข้าไปในอาคารแล้วยังไม่ออกมาทำให้เขาทำความเข้าใจใหม่ได้ทันที “หรือคุณไอซ์จะเข้าไปหาผู้จัดการใหญ่อืม...ก็อาจจะใช่นะ” ว่าแล้วเขาก็เดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเองทันที

ภายในอาคารค่อนข้างมืดลิฟต์ใช้งานไม่ได้แต่โชคดีที่ประตูกระจกที่ใช้ผ่านเข้าไปยังบันไดที่จะขึ้นสู่ชั้นบนยังสามารถเปิดออกได้ไอรดาใช้ไฟจากโทรศัพท์พาตัวเองค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดไปด้วยความระมัดระวังนึกหวั่นไหวไปกับความเงียบที่มีอยู่รอบตัว

“โธ่...รู้อย่างนี้เรียกน้ายามให้ขึ้นมาเป็นเพื่อนซะก็ดี”

หญิงสาวอาศัยเสียงของตัวเองเป็นเพื่อนทว่าเธอกลับก้มหน้าก้มตามองขั้นบันไดแทนการมองไปข้างหน้าด้วยความกลัวว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่อยากเจอโผล่ออกมาหลอกให้ขวัญหนีดีฟ่อ

ในกลุ่มเพื่อน ๆ ทุกคนต่างรู้ดีว่าไอรดาเป็นคนขี้กลัวผีติดอันดับท็อปของเมืองไทยก็ว่าได้หากไม่เพราะเป็นห่วงเพื่อน ต่อให้จ้างเธอด้วยราคาที่สูงลิบแค่ไหนยังไงเธอก็ไม่ยอมเข้ามาในตึกที่มีสภาพเช่นนี้แน่นอน

แม้จะก้มหน้าเดินทว่าหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าที่เหมือนกำลังก้าวลงมาเป็นจังหวะช้า ๆ ชวนให้ขนหัวลุก“หรือนั่นคือเสียงของอาโป...แต่อาโปบอกว่าติดอยู่ในห้องทำงานนี่นา...อย่าบอกนะว่านั่นเป็น...”หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเงาดำยืดยาวที่กำลังทาบอยู่บนผนังด้านหน้า ความรู้สึกหวาดหวั่นเข้าเกาะกุมจิตใจไม่ยอมปล่อยแต่เพื่อเพื่อนรัก กลัวแค่ไหนเธอก็จะต้องตะลุยไปช่วยเพื่อนให้ได้...

 “ผีก็ผีเถอะวะ...ถ้ามาขวางแม่จะชนให้กระเด็นเลยเชียว...รอก่อนนะอาโป ฉันกำลังจะไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้แล้ว” ตั้งสติได้ หญิงสาวก็หลับหูหลับตาวิ่งทะลวงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตกระทั่งปะทะเข้ากับอะไรบางอย่างที่กำลังสวนลงมา...ไหนบอกว่าผีเป็นแค่อากาศที่โปร่งใสไงทำไมเธอถึงผ่านมันไปไม่ได้...หรือว่ามันคือซากศพเดินได้...

กรี๊ด...

เสียงกรีดร้องดังขึ้นจนสุดเสียงก่อนที่ร่างของเธอจะค่อยๆอ่อนละทวยลงสู่อ้อมกอดของคนที่เธอยังไม่ทันได้มีโอกาสได้รู้เลยว่าเขาเองก็มีเลือดเนื้อและลมหายใจเหมือนเช่นเดียวกับเธอ

ภายในรถเงียบกริบจนได้ยินเสียงลมหายใจกระชั้นถี่ที่อาโปพอจะประเมินได้ว่าเขาคงเหนื่อยอยู่ไม่น้อยกับการอุ้มเธอลงบันไดถึงสามชั้นมาจนถึงรถ...แต่บอกตามตรงว่าเธอไม่คิดที่จะสงสารหรือเห็นใจเขาเลยแม้แต่น้อยก็ในเมื่อเธอสามารถเดินลงมาด้วยตัวเองได้แท้ๆ และเธอก็เดินลงมาได้แล้วตั้งสองชั้นเขายังจะมาทู่ซี้อุ้ม สมควรแล้วที่จะเหนื่อย

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”

จู่ ๆ ท่านประธานหนุ่มก็เอ่ยบางประโยคที่อาโปไม่อาจเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไรเธอไปทำอะไรยังไงให้เขาต้องมาเอ่ยปากห้าม “ทำอะไรคะ...”

“ทำงานจนมืดค่ำ กลับดึก ๆ ดื่น ๆแผนกนี้เขาจ่ายโอทีให้ด้วยเหรอ คุณถึงได้ทำงานจนเลิกเอาป่านนี้นี่ถ้าไฟฟ้าไม่ดับคงจะยังทู่ซี้ทำต่อล่ะสิ”

“ไม่หรอกค่ะ ฉันตั้งใจจะกลับแล้วแต่ไฟดันมาดับซะก่อน” อาโปแก้ตัว

“ผมได้รับข่าวว่าไฟดับก็สองทุ่มกว่าแล้วนะคุณมันทำอะไรอยู่ ไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง” เขายังบ่นต่อ

“ก็ใครใช้ให้มีคำสั่งโหด ๆให้พนักงานเตรียมเอกสารไปให้ท่านประธานตรวจสอบล่ะคะ ฉันก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมสิยิ่งรับผิดชอบนำเสนองานของคนในแผนก เวลาเคลียร์งานของตัวเองก็แทบจะไม่มีมันจำเป็นค่ะเจ้านาย” จะให้รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่างานที่เธออยู่จนดึกดื่น เป็นงานของคนอื่นไม่ใช่ของเธอ

เหตุผลของเธอทำเอาคนที่กำลังใส่สมาธิลงไปในการขับรถถึงกับอึ้งแต่จะว่าไปแล้วหากพนักงานแต่ละคนใส่ใจในงานของตัวเองก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากอะไรในการเตรียมเอกสารให้พร้อม...

“ก็แสดงว่าไม่ใส่ใจในการทำงาน...อย่างนี้มันน่าตัดเงินเดือนนัก”ชายหนุ่มอดที่จะข่มขู่ไม่ได้

“อย่านะคะ...ทุกคนในแผนกใส่ใจกับการทำงานดีทุกคนค่ะไม่มีใครอู้ ไม่มีใครขี้เกียจ ฉันรับรองได้” 

“ไม่อู้ไม่ขี้เกียจแต่งานไม่เสร็จจนต้องแอบทำโอทีดึก ๆ ดื่น ๆ เหอะ!”

“ไม่ดีหรือไงคะเจ้านายมีลูกน้องขยันทำงานแบบนี้ บริษัทจะได้เจริญรุ่งเรื่อง” อาโปว่าแกมประชดไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาต้องโกรธ กับเรื่องที่เธออยู่ทำงานจนดึกเรื่องที่เขาน่าจะโกรธควรเป็นเรื่องระบบไฟฟ้าสำรองของบริษัทซะมากกว่า...มันห่วยสิ้นดี

“ถ้าคนที่นั่งทำงานจนดึกไม่ใช่คุณผมคงจะยินดีและคงมอบโล่พนักงานดีเด่นพร้อมขึ้นเงินเดือนให้ด้วย”ชายหนุ่มว่าพลางผ่อนลมหายใจออกจากอกระบายอารมณ์โกรธที่ครุกรุ่นอยู่ในอก

“ฉันก็พนักงานคนหนึ่งที่ทุ่มเทร่างกายแรงใจให้กับงานนะคะทำไมคุณต้องมายกเว้นฉันด้วย นี่แสดงว่า ต่อให้ฉันทำงานแทบตาย คุณก็จะไม่เห็นความดีของฉันน่ะสิ” หญิงสาวประท้วงหน้างอ

“ถ้าคุณไม่เดินกอดผู้ชายลงบันไดมาแบบเมื่อกี้ผมอาจพิจารณาเลื่อนตำแหน่งให้ด้วยซ้ำ”

“ฮะ!..นี่จะคิดอกุศลเกินไปแล้วนะคะ ฉันเท้าแพลง คุณวสันต์มีน้ำใจมาช่วยพยุงไม่ได้เดินกอดกันอย่างที่คุณกล่าวหาสักหน่อย นี่ถ้าไม่ได้เขา บางทีฉันอาจถูกขังอยู่ในตึกจนถึงเช้าก็ได้”อาโปหันขวับไปมองเจ้านายที่ เธอเพิ่งจะรู้ว่าเขาเป็นคนทั้งขี้โมโห และมองโลกในแค่ร้ายที่สุดคนหนึ่ง

“ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะผมกำลังจะขึ้นไปช่วยคุณ รออีกไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ...แต่นี่คุณกลับทนรอไม่ได้ยอมให้ผู้ชายอื่นกอด...”

“ก็แล้วแต่จะเข้าใจเถอะค่ะเบื่อจะอธิบาย ถึงยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเจ้านายอยู่แล้ว”เธอว่าทั้งเมินมองไปนอกหน้าต่าง รู้สึกเบื่อที่จะอธิบายให้คนเข้าใจยากอย่างคนข้างๆ ฟังเต็มที

รถที่กำลังขับมาด้วยความเร็วสม่ำเสมอชะลอความเร็วลงทั้งเบนเข้าจอดชิดขอบทางในที่สุดทำให้หญิงสาวที่เพิ่งหลบหน้าเขาไปหยก ๆต้องหันกลับมามองเขม่นอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจและไม่ไว้วางใจ

“ไม่อยากเชื่อว่าคุณจะลืม...ผมว่าผมบอกคุณชัดเจนไปแล้วนะ”เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อะไรคะ...ฉันไม่เห็นจะเรื่อง”เธอถามกลับ ด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะมั่นคงเท่าไหร่เมื่อสบตาคมกล้าคู่นั้น

“คุณเป็นว่าที่เจ้าสาวของผม...เพราะฉะนั้นร่างกายนี้ก็ถือได้ว่าเป็นของผมแล้วครึ่งหนึ่ง...จะบอกให้รู้ไว้นะครับสิ่งไหนที่เป็นของผม ผมหวง ผมไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด”พูดจบเขาก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือนุ่ม ทั้งดึงเข้าสู่อ้อมกอดอย่างถือวิสาสะไม่สนใจอาการดิ้นรนออกจากอกกว้างด้วยเรี่ยวแรงที่ต่อให้เพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่าก็ยากที่จะทำได้

“บ้า...ปล่อยนะ...คุณต่างห่างที่ลืมก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ยอมรับ เมื่อฉันไม่ตกลง คุณก็ไม่มีสิทธิ์” กำปั้นน้อยๆทุบลงบนไหล่แข็งแกร่ง แต่อีกฝ่ายหาได้สะทกสะท้าน

“ผมไม่สน...ผมจะกอดคุณจะกอดทับรอยของไอ้หมอนั่นให้มันลบหายไปให้หมด...เอ...ชักสงสัยแล้วสิอยู่ด้วยกันสองต่อสองบนนั้น มันไม่ขโมยจูบคุณบ้างเลยหรือไง...ปากอิ่ม ๆ แก้มหอม ๆแบบนี้ ไม่อยากเชื่อว่ามันจะอดใจไหว” ชลธิศถือโอกาสดึงร่างนุ่ม ๆ ขึ้นเกยบนตักอารมณ์ของเขาดูเหมือนจะดีขึ้นมาก จนนึกอยากแกล้ง

“บ้า...ไม่มีใครเขาคิดบ้า ๆแบบคุณหรอกนะจะบอกให้” โวยวายไปพร้อมอาการร้อนไปทั้งหน้าจนแก้มแทบระเบิด

“ไม่ทำก็ดีแล้วไม่อย่างนั้นผมจะลบรอยพวกนั้นให้หมดด้วยวิธีเดียวกัน...หรือจะตีตราจองไว้ตอนนี้เลยดี”เขาเอ่ยทั้งยังทำท่าเหมือนจะก้มเข้าหาสายตามองริมฝีปากระเรื่อที่อยู่ห่างไม่ถึงคืบนั้น

อาโปถึงกับหัวใจกระตุก สมองทื่อ ๆเริ่มหาวิธีช่วยตัวเองออกมาจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้หากเขาต้องการเอาจริงขึ้นมา ยังไงเธอก็ไม่เชื่อหรอกว่า คำพูดของเขาที่เอ่ยในร้านอาหารแห่งนั้นคือเรื่องจริงคนที่มีพร้อมทุกอย่างทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ อำนาจ และบารมีอย่างเขาน่ะเหรอจะมาสนใจผู้หญิงที่ไม่มีอะไรสักอย่างอย่างเธอที่ทำอยู่ตอนนี้คงเพื่อต้องการหลอกล่อหาผู้หญิงที่หลงใหลในคุณสมบัติ นานัปการของเขาแต่ขอโทษ... ซินเดอเรลล่ามีอยู่แค่ในนิทานเท่านั้นนะคะ...

“โอ๊ย...เจ็บ...ขาฉันเจ็บมากคุณกำลังทำให้ขาฉันอาการหนักกว่าเดิมนะ” หญิงสาวนิ่วหน้าแสดงอาการเจ็บปวดอย่างที่สุดแอบยิ้มในใจที่แผนนี้ดูเหมือนจะได้ผล เมื่ออ้อมกอดของเขาคลายออกทั้งพยุงเธอให้กลับไปนั่งประจำที่ด้วยท่าทางทะนุถนอมราวกับว่าเธอได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสก็ไม่ปาน

“ผมขอโทษ...ไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณเจ็บเลยจริงๆ นั่งนิ่ง ๆ นะ อย่าขยับขามาก เดี๋ยวผมจะพาคุณแวะโรงพยาบาลก่อนกลับบ้าน”เขาบอกเมื่อหันกลับไปจับพวงมาลัยรถ

“ไม่ต้อง ๆ” เธอรีบร้องห้ามแต่เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดหมุนในเชิงถามนั้น เธอก็ต้องยิ้มแหย ๆ “แค่เท้าแพลงไม่ต้องถึงโรงพยาบาลก็ได้มั้งคะ แค่คลินิกแถวนี้ก็น่าจะพอ”

“จะดีเหรอ...”

“ดีสิคะไม่ต้องรอนานด้วย...แล้วอีกอย่าง ฉันเหนื่อย ง่วง อยากกลับบ้านพักผ่อนเต็มทีแล้ว”หวังว่าเหตุผลของเธอคงจะฟังขึ้นนะ...โธ่...แค่เท้าแพลงจะไปทำไมถึงโรงพยาบาลค่าใช้จ่ายถูกซะที่ไหน จริง ๆ ไม่ต้องถึงมือหมอหรอกแวะร้านขายยาซื้อยานวดกับผ้ามาพันเท่านี้ก็ใช้ได้แล้ว ประหยัดกว่าหาหมอเป็นไหน ๆ

ชลธิศเหลือบมองเวลาที่แสดงอยู่คอนโซลหน้ารถก็พยักหน้า“ได้...ตามใจคุณ...” พูดจบชายหนุ่มก็ค่อยพารถเคลื่อนออกจากที่ไปในทันที






 

Create Date : 14 พฤษภาคม 2560
5 comments
Last Update : 14 พฤษภาคม 2560 20:49:22 น.
Counter : 1704 Pageviews.

 

แหมมมมมมมร่างกายคุณเป็นของผมครึ่งนึงขี้ตู่อ่ะ

 

โดย: Panon40 IP: 223.24.24.64 14 พฤษภาคม 2560 18:56:48 น.  

 

55555+

 

โดย: sakeena IP: 14.207.44.98 15 พฤษภาคม 2560 10:02:31 น.  

 

ขำเจ้านายมาก แล้วอาโปเขารู้มั้ยอ่ะว่านายกะลังจะมาช่วย แถมไม่พอ ต่อให้รู้สมมติว่าวสันต์มาเจอ จะให้เธอบอกวสันต์ว่าไงนะ เดี๋ยวค่ะ ยังไม่ไป รออีกหน่อยจะมีคนอื่นมาช่วย -*-

 

โดย: พี่หมูน้อย 25 พฤษภาคม 2560 13:35:42 น.  

 

สวัสดีนะจ้ะ แวะมาเยี่ยมนะจ้าาา sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4057910 23 สิงหาคม 2560 17:31:43 น.  

 

รออยู่น๊า

 

โดย: 11 IP: 223.24.91.130 10 ธันวาคม 2560 23:23:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


นิยายฝันหวาน
Location :
มหาสารคาม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [?]




เชิญอ่านนิยายสนุกๆ สไตล์นิยายฝันหวาน



Writer By tonglang
: Copyright © 1999-2008
ข้อตกลง
1. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่แต่งโดยผู้ลงผลงานเอง ลิขสิทธิ์ของผลงานนี้จะเป็นของผู้ลงผลงานโดยตรง ห้ามมิให้คัดลอก ทำซ้ำ เผยแพร่ ก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ลงผลงาน

2. กรณีที่ผลงานชิ้นนี้กระทำการคัดลอก ทำซ้ำ มาจากผลงานของบุคคลอื่นๆ ผู้ลงผลงานจะต้องทำการอ้างอิงอย่างเหมาะสม และต้องรับผิดชอบเรื่องการจัดการลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว

3. ผู้ใดพบเห็นการลงผลงานที่ละเมิดลิขสิทธิ์ โปรดแจ้งเจ้าของบล็อกทันที


Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2560
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
14 พฤษภาคม 2560
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add นิยายฝันหวาน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.