นักเขียนนามปากกา "จันทร์ทอแสง" เขียนนิยายแนว 20+ ทั้งโลกสวยและโลกไม่สวย

<<
ตุลาคม 2560
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
1 ตุลาคม 2560
 

เ พ ช ร ใ น เ ง า # 4



ตอนที่ 4


หลังได้รับมอบหมายให้ดูแลบริษัทผลิตขนมปังและคุกกี้ของวัชระ ธีรัตม์ก็เข้ามาจัดระเบียบและบริหารงานเต็มตัว เขาใช้เวลานานกว่าสองอาทิตย์ในการศึกษาโครงสร้างบริษัท ซึ่งก็เข้าใจได้โดยง่าย เพราะเคยทำงานในบริษัทมาก่อน รูปแบบต่าง ๆ จึงคล้ายกัน ที่ยากหน่อยเห็นจะเป็นการจำให้ได้ว่าแต่ละคนรับผิดชอบในเรื่องใดบ้าง ส่วนเรื่องกาiจัดการต่าง ๆ ไม่ยุ่งเท่าไหร่ เพราะวัชระได้จัดการทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว แถมยังมีแทนไทและพ่อของเขาค่อยแนะนำเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย

และนอกจากธีรัตม์จะมาทำงานที่นี่แล้ว บิดาของเขายังส่งเลขามาให้เขาอีกหนึ่งคนด้วย ซึ่งนี้ถือเป็นงานแรกของเธอเลยทีเดียว

บุษบาหรือบัว เป็นหญิงสาวร่างเล็ก หน้าตาจิ้มลิ้มท่าทางคล่องแคล่วและมีใบหน้าเป็นมิตร ตอนแรกธีรัตม์ไม่เห็นด้วยที่บิดาหาเลขารูปร่างบอบบางมาให้ เกรงเธอจะทำงานหนักไม่ได้ แถมนี่ยังเป็นงานแรกของเธออีกด้วย แต่ธีรภัทรก็ค้านว่า ถึงบุษบาจะตัวเล็ก ดูบอบบางและเหมือนต้องมีคนคอบปกป้องตลอด แต่จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนเก่งมาก พูดจาฉะฉานและพร้อมลุยงานหนัก

ก่อนหน้านี้เธอเคยเป็นผู้ช่วยประสานงานของแผนกการตลาด ทางผู้จัดการก็รับประกันมาว่าเธอเป็นคนหัวไว เข้าทำงานแค่สามเดือนก็เข้าใจระบบระเบียบได้โดยง่าย ออกต่างจังหวัดได้ไม่บ่น ให้ทำงานอะไรก็ทำอย่างเกินร้อยไม่เคยเอาเปรียบใคร ทางผู้จัดการจึงอยากสนับสนุนให้เธอได้พัฒนาตัวเองและก้าวไปในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งธีรภัทรก็ให้คนคอยสังเกตอยู่ห่าง ๆ แล้วก็เห็นจริงดังนั้น จึงอยากช่วยสนับสนุนอีกแรงและการมาเป็นเลขาของลูกชาย ก็คือการพัฒนาความสามารถที่ดีที่สุด

เมื่อฟังเหตุผลของบิดา ธีรัตม์ก็หมดคำค้านและยอมให้เธอมาเป็นเลขาโดยดี ซึ่งเท่าที่ร่วมงานกันกว่าอาทิตย์ ทุกอย่างก็เรียบร้อยเป็นปกติดี ถึงบุษบาจะตัวเล็กและหุ่นบางไปนิด แต่เธอก็ทำงานด้วยความขันแข็งและคล่องแคล่วดีทีเดียว แถมรอยยิ้มหวาน ๆ ของเธอก็ช่วยทำให้บรรยากาศดูสดใสขึ้นด้วย

แต่เพราะทั้งเขาและเลขายังใหม่กับบริษัทแห่งนี้ด้วยกันทั้งคู่ จึงจำต้องมีตัวช่วยเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่ง เพื่อคอยแนะนำเรื่อง ๆ ซึ่งคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากแทนไท

การประสานงานของสองหนุ่มสาวรุ่นใหม่เป็นไปอย่างราบรื่น ฝ่ายหนึ่งพร้อมจะเรียนรู้งาน ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็เต็มใจบอกทุกอย่างแบบไม่หมกเม็ด

“คุณไทเก่งจังเลยนะคะ จำชื่อพนักงานได้หมดทุกคนเลยมั้งคะเนี่ย” บุษบาทักแบบทึ่ง ๆ หลังจากปลีกตัวจากคนงานกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งเดินผ่าน ซึ่งเขาก็ทักทายทุกคนด้วยความเป็นกันเอง และก่อนหน้านั้น เขาก็ยืนคุยกับเซลล์ที่นาน ๆ จะเข้าออฟฟิศสักครั้งด้วยความสนิท เมื่อวานนั่นอีก เขาก็พาเธอไปทำความรู้จักกับแผนกซ่อมบำรุง ซึ่งเขาจำชื่อได้หมด
แทนไทหัวเราะเมื่อได้ฟัง ใบหน้าของเขายามยิ้มและหัวเราะดูกระจ่างน่ามองไม่น้อยเลย

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ต่อไปถ้าคุณมาบ่อย ๆ คุณก็จะจำพวกเขาได้เอง”

“ใช้เวลานานไหมคะกว่าคุณจะจำได้หมด และดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้จักคุณหมดเลยนะคะ”

“ก็ต้องรู้จักอยู่แล้วครับ ผมเข้ามาวิ่งเล่นที่นี่ตั้งแต่ยังเด็ก แม่ครัวที่โรงอาหารผมยังรู้จักเลย” เขาอวด ขณะที่บุษบาทำตาโต ก่อนพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“อ๋อ ฉันลืมไป พ่อกับแม่ของคุณทำงานที่นี่ ไม่แปลกที่คุณจะมาที่นี่ตั้งแต่เด็ก” หญิงสาวลดสีหน้าตื่นเต้นลง เรื่องครอบครัวของเขาเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ เธอพอรู้มาบ้างจากเจ้านาย

“ใช่ครับ แม่ผมทำงานในสำนักงาน ส่วนพ่อทำงานฝั่งโรงงาน ผมเลยไป ๆ มา ๆ ได้ทั้งสองที่ ทำให้สนิทกับทุกคนไปด้วย”

“งั้นคุณก็รู้เป้าหมายของตัวเองตั้งแต่เด็กเลยใช่ไหมคะว่าถ้าเรียนจบแล้ว คงต้องทำงานที่นี่”

“ครับ เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ท่านมีพระคุณกับครอบครัวผมมาก ถ้าไม่ได้คุณวัชระ ครอบครัวผมคงแย่” แทนไทพูดเสียงเศร้าและทอดมองไปยังตัวโรงงานที่อยู่เบื้องหน้า

“ท่านคงเป็นคนที่น่าเคารพนับถือมากนะคะ ขนาดฉันไม่เคยเจอตัวจริง ฉันยังรู้สึกถึงความเมตตาที่ท่านมีให้ทุกคน เมื่อวานฉันได้คุยกับพนักงานธุรการ เขาก็พูดทำนองนี้เหมือนกัน”

“ใครได้รู้จักคุณวัชระและคุณอัมพิกาก็ต้องรักและเคารพท่านทั้งนั้นแหละครับ น่าเสียดายที่ท่านจากพวกเราไปเร็วเกิน”

“คุณคิดยังไงบ้างคะที่ครอบครัวคุณธีเข้ามาซื้อหุ้นที่นี่” หญิงสาวถามด้วยความอยากรู้ แทนไทยิ้มอีกเช่นเคย จนเธออดคิดไม่ได้ว่าเขามีช่วงเวลาที่เครียดบ้างหรือเปล่าและถ้าเครียด หน้าตาเขาจะเป็นอย่างไร

“ผมดีใจครับ ยิ่งรู้ว่าคุณภัทรเป็นเพื่อนสนิทของท่าน ผมก็ยิ่งดีใจ เพราะรู้ว่าคุณภัทรต้องช่วยที่นี่ให้อยู่ต่อไปได้”

“ไม่โกรธหรือคะ” เธอย้ำเพื่อให้แน่ใจ

“ไม่ครับ คุณอาจคิดว่าผมพูดเพื่อเอาใจ แต่ผมคิดแบบนี้จริง ๆ เพราะลำพังแค่คนในบริษัทและคุณไอซ์ทำอะไรมากไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้เธอก็ยังเรียนอยู่เลยและท่านเคยพูดให้พ่อผมฟังว่า ถ้าที่นี่จะตกไปอยู่ในมือใคร ท่านขอเป็นคนเลือกเองดีกว่า ในเมื่อท่านเชื่อในตัวคุณภัท พวกเราทุกคนก็เชื่อครับ” คำตอบนั้นทำให้บุษบาหมดข้อสงสัยอย่างสิ้นเชิง เธอยิ้มแล้วก้มศีรษะให้เขา

“ขอบคุณที่ตอบคำถามของฉันนะคะ และถ้าคำถามของฉันทำให้คุณไม่สบายใจ ฉันขอโทษด้วยค่ะ”

“ไม่มีคำถามไหนที่ทำให้ผมไม่สบายใจหรืออึดอัดเลยครับ ดีเสียอีกที่คุณถาม เราจะได้เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย ผมอยากให้คุณรู้และเชื่อว่าพวกเราดีใจที่คุณเข้ามาบริหารที่นี่และหวังว่าคุณธีจะเต็มที่ให้สมกับความไว้ใจที่ท่านมอบให้”

“แน่นอนค่ะ คุณธีเป็นคนตั้งใจจริงอยู่แล้ว และถึงฉันจะเพิ่งร่วมงานกับเขาแต่ฉันก็เชื่อว่าเขาต้องเต็มที่อยู่แล้ว”

“ขอบคุณครับ คุณก็เต็มที่และเก่งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ” แทนไทพูดแล้วยิ้มให้เธอ ขณะที่บุษบาทำหน้าสงสัย

“เก่งกว่าที่คุณคิดไว้ คุณคิดว่าฉันเป็นยังไงหรือคะ” เธอถาม แต่ชายหนุ่มกลับยกไหล่ให้บาง ๆ แล้วเดินนำไปยังตัวโรงงาน บุษบารีบเดินตาม

“เดี๋ยวค่ะคุณไท คุณคิดว่าฉันเป็นยังไงหรือคะ” เธอถามอีก “บอกฉันเถอะค่ะ เราจะได้เข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่าย”

ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะขำเมื่อเธอย้อนประโยคของเขา “ไม่มีอะไรหรอกครับ เพียงแต่ผมคิดว่าคุณคงเป็นผู้หญิงผิวบาง ที่เอาแต่รับคำสั่งเฉย ๆ คงเป็นคนเงียบ ๆ ไม่มีปากมีเสียง”

“แล้วตอนนี้ล่ะคะ คุณคิดว่ายังไง” เธอเริ่มสนใจ

“คิดว่าคุณเก่งและกล้า คุณกล้าถามในสิ่งที่คุณอื่นไม่กล้า และคุณลุยงานมากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมชื่นชมคุณครับ” เขาบอกจากใจ บุษบาก้มศีรษะรับ

“ขอบคุณค่ะ คุณเป็นคนตรงไปตรงมา ฉันชอบคนแบบนี้ และคุณไม่ผิดไปจากที่ฉันรู้มานัก” หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ ทำให้แทนไทสนใจขึ้นมาทันที

“ครับ? คุณรู้อะไรมา เขาพูดถึงผมว่ายังไงกันบ้าง”

“ก็...” เธอละไว้ก่อนเดินเลี่ยงไป ชายหนุ่มเดิมตาม

“ว่ายังไงครับคุณบัว คุณรู้มาว่าผมเป็นคนยังไง” เขาถามย้ำ “เมื่อกี้ผมยังบอกคุณได้เลย คราวนี้คุณก็ต้องบอกผมบ้างสิครับ”

“ก็ได้ค่ะก็ได้” เธอยอมแพ้ “มีคนบอกว่าคุณเป็นคนตั้งใจทำงาน พูดตรง พูดจริงทำจริง เป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง และต่อไปคงได้ขึ้นตำแหน่งทั้งที่ยังอายุน้อยแน่ ๆ”

“แล้วคุณเห็นด้วยกับคำพูดพวกนั้นมั้ยครับ” เขาถามยิ้ม ๆ

“เห็นด้วยค่ะ คุณเป็นคนเก่ง และเชื่อว่าคุณจะต้องได้ตำแหน่งแบบก้าวกระโดดแน่ ๆ”

“เรื่องตำแหน่งผมไม่สนใจหรอกครับ สิ่งที่ผมสนคือการมีอยู่ของที่นี่ต่างหาก” เขาตอบ น้ำเสียงและสีหน้าจริงใจของเขา ทำให้บุษบาเชื่อว่าเขารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ หญิงสาวยิ้มให้เขาพร้อมความรู้สึกที่ค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้น

“คุยเรื่องบริษัทมาเยอะแล้ว ผมถามเรื่องคุณบ้างดีกว่า” แทนไทเปลี่ยนเรื่อง

“คะ? เรื่องฉัน” เธองง

“ครับ ผมอยากรู้ว่าคุณทำงานที่บริษัทคุณธีมานานหรือยัง”

“ประมาณครึ่งปีค่ะ”

“จบปุบก็ทำที่นี่เลยหรือครับ”

“ใช่ค่ะ”

“แสดงว่าเพิ่งจบเมื่อปีที่แล้ว?” เขาเปรยกึ่งถาม

“ค่ะ”

“คงประมาณยี่สิบสามยี่สิบสี่” เขาถามอีก คราวนี้บุษบายิ้ม

“คุณตั้งใจจะถามอายุฉันใช่ไหมคะ” เธอถาม แทนไททำหน้านิ่ง ๆ ซ่อนพิรุธก่อนยิ้มแห้ง เมื่อเธอยังมองเขาแบบยิ้ม ๆ

“ครับ ผมเห็นคุณทำงานคล่องดี เลยคิดว่าคงทำมาแล้วหลายปี แต่หน้าคุณยังเด็กอยู่ เลยคิดว่าเพิ่งเข้ามาทำมากกว่า”

“ขอบคุณที่ชมว่าฉันหน้าเด็กค่ะ แล้วคุณล่ะคะ ทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบเลยหรือเปล่า”

“ปีนี้ผมยี่สิบหกครับ ทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบ นี่ก็ย่างเข้าปีที่สามแล้วครับ” เขาแนะนำเสร็จสรรพด้วยน้ำเสียงฉะฉาน

“เป็นพี่ฉันตั้งสามปีเลยค่ะ”

“งั้นคุณคงต้องเรียกผมว่าพี่แล้วล่ะ และคงต้องแทนตัวเองด้วยชื่อ ไม่ใช่ฉัน” เขาบอก

“ฉันเรียกแบบนั้นได้หรือคะ” หญิงสาวแปลกใจ เพราะการเรียกแบบนั้นน่าจะต้องเป็นคนที่สนิทกัน แต่เธอกับเขายังไม่ถึงขั้นนั้นเสียหน่อย

“เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นสิครับ จะได้ดูสนิทสนมกันหน่อย และถึงตอนนี้จะไม่สนิท แต่ต่อไปก็ต้องสนิทกัน ผมไม่ชอบให้ใครเรียกแบบเป็นทางการครับ”

“หรือคะ” เธอยังไม่มั่นใจ

“หรือคุณถือครับ” เขาเลิกคิ้วถาม

“ไม่ค่ะไม่ ไม่ถือค่ะ” บุษบารีบปฏิเสธ เมื่อจู่ ๆ ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนถือตัว

“งั้นก็เรียกพี่ว่าพี่...นะครับบัว” เขาเริ่มก่อน

“ก็ได้ค่ะ...พี่ไท” เธอเรียกเธอเขาด้วยความตั้งใจเป็นพิเศษและรู้สึกเขิน ๆ ขณะที่แทนไทยิ้มรับ

“ไปดูโรงงานข้างกันกันดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่จะแนะนำให้รู้จักกับไลน์ผลิต แผนกนี้ก็เป็นคนเก่าแก่หลายคนเลยครับ” เขาบอกก่อนเดินนำเข้าสู่ตัวโรงงาน


......................................



รถสปอร์ตสีดำเป็นเงาเข้ามาจอดในลานกว้างสำหรับผู้ติดต่อ ก่อนคนขับซึ่งเป็นหญิงสาวสวยในชุดสายเดี่ยวอวดผิวขาวคู่กับกางเกงจั้มสูทขายาวจะก้าวลงจากรถ เธอถอดแว่นกันแดดออกแล้วหยิบกระเป๋ามาคล้องแขน ก่อนเดินเข้าสู่ตัวอาคารที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า

ดาวิกาเข้ามาด้านในแล้วเดินผ่านประชาสัมพันธ์อย่างไม่สนใจ ทำเอาหลายคนมองตามเป็นตาเดียวกัน ประชาสัมพันธ์มองหน้ากันเลิกลั่กเพราะไม่รู้จักหรือเคยเห็นเธอมาก่อน แต่หญิงสาวก็ผ่านไปถึงลิฟต์ไม่ได้เพราะติดเครื่องสแกน

“ต้องใช้บัตรสำหรับผู้ติดต่อสอดเข้าเครื่องก่อนครับ” ยามหน้าเครื่องสแกนบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“บัตรสำหรับผู้ติดต่องั้นเหรอ” หญิงสาวทวน

“ใช่ครับ เพราะด้านบนสงวนไว้สำหรับพนักงานเท่านั้นครับ ถ้าคุณจะขึ้นไปต้องติดต่อที่ประชาสัมพันธ์ก่อนครับ” เขาบอก ที่นี่มีการแบ่งพื้นที่อย่างชัดเจนเพื่อป้องกันคนนอกเข้ามาปะปนกับพนักงาน ชั้นหนึ่งส่วนหน้าจะเป็นเค้าน์เตอร์ประชาสัมพันธ์และล็อบบี้นั่งรอ ซึ่งมีชุดรับแขกอยู่หลายชุด นอกจากนี้ยังมีห้องจัดแสดงผลงานตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ส่วนตรงนี้เปิดให้คนนอกเข้าชมอย่างอิสระ ส่วนหลังเครื่องสแกนจะเป็นห้องประชุมย่อยสำหรับการพบปะอย่างไม่เป็นทางการ ขณะที่ชั้นสองและสามจะเป็นพื้นที่ทำงานของแผนกต่าง ๆ ชั้นสี่จะเป็นส่วนของผู้บริหาร และมีห้องประชุมใหญ่แบบเป็นทางการ

“ขอโทษค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ประชาสัมพันธ์ใบหน้าใจดีเป็นมิตรเดินเข้ามาถาม

“ฉันต้องการขึ้นไปที่ชั้นสี่” ดาวิกาบอกความต้องการ

“ชั้นสี่? ติดต่อใครไว้หรือคะ”

“คุณธีรัตม์ ฉันนัดกับเขาไว้” สาวสวยพูดแล้วเชิดหน้าอย่างไว้ตัว

“รบกวนนั่งรอที่ล็อบบี้ก่อนได้ไหมคะ เดี๋ยวดิฉันจะโทรไปถามก่อน” ประชาสัมพันธ์บอก

“ทำไมต้องโทร เธอคิดว่าฉันจะแอบอ้างว่ารู้จักเขาหรือยังไง” ดาวิกาไม่พอใจ

“ไม่ใช่ค่ะ แต่ดิฉันต้องแจ้งให้คุณธีทราบก่อน เผื่อว่าเขาติดประชุมหรือคุยงานอยู่ ถ้าคุณขึ้นไปอาจไม่สะดวกน่ะค่ะ”

“ไม่จำเป็น ฉันโทรคุยกับเขาแล้ว เย็นนี้เขาไม่มีงาน”

“แต่ถึงยังไงก็ต้องโทรไปแจ้งก่อน ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ”

“ดาวิกา ฉันเป็นคนรักของเขา รู้แบบนี้แล้ว จำเป็นต้องนั่งรออีกหรือไง”

“ยังไงก็ต้องรอค่ะ” ประชาสัมพันธ์ยืนยัน ทำเอาหญิงสาวไม่พอใจ “รบกวนคุณดาวิกาทางนี้ค่ะ

“ฉันต้องการขึ้นไปพบธีตอนนี้ เธอชื่ออะไร” ดาวิกาถามแล้วเพ่งมองแถบชื่อที่ติดอยู่บนหน้าอกก่อนเหยียดยิ้ม “ดวงพรงั้นเหรอ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เธอจะทำงานที่นี่ ฉันจะบอกให้ธีไล่เธอออก”

“จะเอาอย่างนั้นก็ได้ แต่รบกวนไปนั่งรอที่ล็อบบี้ก่อนค่ะ” ประชาสัมพันธ์ยังใจเย็นแล้วผายมือเชิญ แต่ดาวิกายังยืนเฉย เธอต้องการแสดงให้เห็นว่าตัวเองเหนือกว่า และทุกคนต้องยอมเธอ ขณะที่ประชาสัมพันธ์เริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ

“เชิญคุณดาวิกาที่ล็อบบี้ด้วยค่ะ ไม่งั้นดิฉันจะให้ยามพาไปนะคะ”

“เอ๊ะ!” ดาวิกาไม่พอใจ เธอถลึงตาใส่อีกฝ่ายเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “เธออยากลองดีกับฉันใช่ไหม ได้เลย แล้วเธอจะได้เห็นว่าใครแน่กว่ากัน” เธอบอกแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากด แต่ยังไม่ทันโทรออก เสียงทุ่มห้าวก็ทักขึ้น

“เดียร์ครับ” ธีรัตม์นั่นเอง เขาเรียกแล้วรีบสาวเท้าออกจากลิฟต์ตรงมาหา

“ธี ดีจังค่ะที่คุณมา พนักงานที่นี่ไม่ได้เรื่องเลยนะคะ พูดจาไม่รู้เรื่อง ทำงานแย่มาก” เธอฟ้องทันที ขณะที่ธีรัตม์หันไปยิ้มอ่อนให้ประชาสัมพันธ์พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว ตรงนี้เขาจัดการเอง ประชาสัมพันธ์จึงค้อมศีรษะให้แล้วเดินจากไป

“ขึ้นไปข้างบนดีกว่าครับ” ธีรัตม์บอกก่อนแตะเอวเธอ ดาวิกาออกอาการขัดใจเล็กน้อยที่เขาไม่ยอมดุพนักงานให้เธอ จนชายหนุ่มต้องดันแผ่นหลังเธอเล็กน้อยเพื่อให้เธอเดิน


................................



“ธีต้องจัดการประชาสัมพันธ์คนนั้นให้เดียร์นะคะ ไม่งั้นเดียร์ไม่ยอมจริง ๆ ด้วย เขากล่าวหาว่าเดียร์เป็นพวกแอบอ้างด้วยนะคะ” ดาวิกายังไม่ยอมให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ ขณะที่ธีรัตม์ยิ้มอ่อนให้เธอ

“แล้วผมจะเตือนให้ครับ”

“ไม่ได้ค่ะ ธีต้องไล่มันออก นะคะธีขา เขาพูดแบบนี้เท่ากับดูถูกเดียร์ชัด ๆ เดียร์ไม่ยอมนะคะ ธีต้องจัดการให้เด็ดขาดนะคะ” เธออ้อนแล้วเดินมานั่งตักเขา แขนเรียวโอบรอบคอของเขาไว้ด้วย

“เรื่องไม่เป็นเรื่องครับเดียร์ อย่าใส่ใจเลย และจริง ๆ เขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย ก็เขาไม่รู้จักคุณนี่ครับ ก็ต้องสงสัยไว้ก่อนเป็นธรรมดา เดี๋ยวครั้งหน้าคุณมา เขาก็รู้จักคุณแล้ว” ชายหนุ่มปลอบ แต่หญิงสาวยังคงทำหน้ากระเง้ากระงอดอยู่

“เห็นคุณบอกว่าอยากดูหนังและอยากไปกินมื้อค่ำชมวิวเมืองใช่ไหมครับ ผมจองโต๊ะไว้แล้ว วิวมุมสูงของโรงแรม รับรองว่าคุณต้องชอบแน่ ๆ” เขาพูดเอาใจ

“จริงหรือคะธี คุณน่ารักที่สุดเลยค่ะ” เธอพูดอย่างดีใจก่อนมอบรางวัลเป็นการหอมแก้มฟอดใหญ่ ความขุ่นเคืองเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง

“แต่เรื่องหนัง คงต้องยกไปวันอื่นนะครับ เพราะรอบชนกับดินเนอร์ของเรา คุณคงไม่ว่าใช่ไหมครับ” เขาบอกด้วยสีหน้ารู้สึกผิดหน่อย ๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ เราค่อยไปดูวันหยุดก็ได้ ขอบคุณนะคะที่รัก คุณน่ารักที่สุดเลยค่ะ” พูดจบเธอก็หอมแก้มเขาอีกครั้ง เป็นจังหวะที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมประตูบานนั้นที่เปิดออก

“ว้าย!” บุษบาอุทานอย่างตกใจก่อนยกแฟ้มขึ้นปิดหน้า ขณะที่ดาวิกามีสีหน้าไม่พอใจแต่ยังไม่ยอมลุกจากตักของธีรัตม์ จนชายหนุ่มต้องดึงแขนเธอแล้วยันตัวออก

“จะเข้ามาทำไมไม่รอให้อนุญาตก่อน เปิดพรวดเข้ามาเลยได้ยังไง ไม่มีมารยาท”

“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทราบว่าคุณธีจะมีแขก” บุษบาบอกเสียงเบา ปกติเธอจะเคาะเตือนแล้วเปิดเข้ามาเลย เธอไม่รู้ว่ายังมีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย เพราะเพิ่งกลับมาจากแผนกอื่น

“พนักงานของคุณไม่ได้เลยนะคะธี คุณต้องไล่ออกนะคะ”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกครับ...มีอะไรจะให้ผมดูหรือ” ธีรัตม์ถามเลขา

“รายละเอียดจากฝ่ายการตลาดค่ะ แต่ถ้าคุณธีมีแขก ไว้ดูพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ เอกสารไม่รีบ”

“ถ้าไม่รับ วันหลังก็อย่าเพิ่งเข้ามา” ดาวิกาบอก

“ยังไงก็เอามาแล้ว ดูวันนี้เลยก็ได้ครับ...นั่งรอก่อนนะครับเดียร์ ขอผมดูเอกสารอีกนิดหน่อยแล้วสักห้าโมงเราค่อยออกไป” เขาบอกแฟนสาว

“ก็ได้ค่ะ เดียร์ไปนั่งรอคุณตรงนั้นนะคะ” ดาวิกาบอกเสียงหวานแล้วเดินไปที่ชุดโซฟามุมห้อง พร้อมทั้งเปรยตามองเลขาของเขาด้วยความไม่พอใจแบบเปิดเผย ทำเอาบุษบาลอบกลืนน้ำลายก่อนนำไปวางบนโต๊ะแล้วรีบเดินออกจากห้อง


...........................................


พันวัสสาวางสายจากเลขาของลูก หลังติดต่อธีรัตม์ไม่ได้ จึงโทรสอบถามเลขาจนได้ความว่าเขาออกไปตั้งแต่ก่อนห้าโมงแล้วพร้อมด้วยหญิงสาวสวยแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดที่ชื่อเดียร์ ซึ่งมีความสนิทกับธีรัตม์ถึงขนาดนั่งตักกันด้วย แถมยังหอมแก้มกันอีก พันวัสสาได้ยินก็ไม่พอใจมากแต่ก็ต้องระงับอารมณ์ไว้อย่างเต็มที่

“ฉันจะไม่ทนแล้วนะคะคุณภัท” นางบอกสามีด้วยสีหน้าเดือดดาล “แม่นั่นไปป่วนถึงบริษัทเลยนะคะ บัวบอกว่ามีนั่งตัก หอมแก้มกันด้วย และก่อนหน้าก็ไปวางอำนาจขู่จะไล่ประชาสัมพันธ์ออกเพราะไม่ยอมให้พบตาธี แบบนี้มันจะมากไปแล้วนะคะ ฉันไม่ชอบเลยจริง ๆ”

“ใจเย็น ๆ น่าคุณ อย่าอารมณ์เสียไปนักเลย” ธีรภัทรปลอบ

“ฉันเย็นไม่ไหวแล้วนะคะ ตาธีก็ดูจะหลงผู้หญิงคนนี้มาก ฉันต้องอกแตกแน่ ๆ ถ้าได้ผู้หญิงอย่างนั้นมาเป็นลูกสะใภ้ คนที่จะได้ตำแหน่งนี้ต้องเป็นหนูไอซ์คนเดียวเท่านั้นค่ะ” พันวัสสาหมายมั่น

“แต่หนูไอซ์ยังเรียนไม่จบนี่”

“ใกล้จบแล้วค่ะ เหลือแค่รอประกาศผลอย่างเดียว ไม่เกินสองเดือนนี้ก็รู้แล้วว่าจบหรือเปล่า แต่ฉันว่าต้องจบแน่ ๆ หนูไอซ์ออกจะเรียนเก่งขนาดนั้น และถ้าหนูไอซ์เรียนจบ ฉันจะให้ลูกแต่งงานทันที”

“บอกเรื่องนี้กับตาธีก่อนดีกว่านะคุณ หนูไอซ์ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วย บอกให้พวกเขารู้ตัวกันก่อน”

“ฉันตั้งใจจะบอกเรื่องนี้กับหนูไอซ์วันที่เธอเรียนจบค่ะ คุณระก็จากไปเกือบสองปีแล้ว น่าจะจัดงานมงคลได้แล้ว ผู้หญิงคนนั้นจะได้เลิกยุ่งกับตาธีเสียที”



............................................




Create Date : 01 ตุลาคม 2560
Last Update : 1 ตุลาคม 2560 22:46:58 น. 0 comments
Counter : 673 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

นักเขียนสีเทา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]








ผลงานที่เว็บอีบุ๊กส์ :






. . . . . . . . . . . .


ผลงานทั้งหมดที่เว็บเมพ :



[Add นักเขียนสีเทา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com