|
SCBAM ออกซีรีส์กอง โกลบอล เวลท์ กระจายลงสินทรัพย์รับตลาดผันผวน
บลจ.ไทยพาณิชย์ลุยออกซีรีส์กองทุนโกลบอล เวลท์ 3 กองรวด SCBGLOWP, SCBRMGW และ SCBRMGWP หลังกองทุนก่อนหน้าทำผลตอบแทนเกือบ 8% เปิดขาย 11-17 ก.ย.นี้ ด้านไอเอ็นจีจ่ายปันผล 3 กองทุนพร้อมกัน 12 กันยายนนี้ นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมออกกองทุนใหม่ที่ลงทุนในต่างประเทศจำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล เวลท์ พลัส (SCB Global Wealth Plus Open End Fund : SCBGLOWP) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพอีก 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล เวลท์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCB Global Wealth RMF : SCBRMGW) และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล เวลท์ พลัส เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCB Global Wealth Plus RMF : SCBRMGWP) โดยจะเริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 11-17 กันยายนศกนี้ ด้วยเงินลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท ทั้งนี้ จากการเสนอขายกองทุนโกลบอล เวลท์ เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งใช้กลยุทธ์การกระจายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศทั่วโลกที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งตราสารหนี้ หุ้น ตลอดจนสินค้าโภคภัณฑ์ ถือได้ว่ากองทุนดังกล่าวมีผลการดำเนินงานในระดับที่ดีตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีอัตราผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 7.82% (ข้อมูล ณ 29 ส.ค. 2555) การออกกองทุนในกลุ่มโกลบอล เวลท์อีก 3 กองทุนจึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่มากขึ้นในระยะยาว สำหรับนโยบายการลงทุนของทั้ง 3 กองทุน จะเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 โดยกองทุน SCBRMGW จะลงทุนเหมือนกับกองทุน SCBGLOW ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายประเภทสินทรัพย์ทั่วโลกเพื่อกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน แต่จะมุ่งสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว ในขณะที่กองทุน SCBGLOWP และกองทุน SCBRMGWP เน้นการลงทุนในตราสารทุน และสินทรัพย์ในตลาดประเทศเกิดใหม่ เหมาะต่อนักลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ค่อนข้างสูงเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว สถานการณ์ความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่สูงในปัจจุบัน ทั้งเรื่องของปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่ยังไม่สามารถหาทางแก้ไขให้แล้วเสร็จ ปัญหาทางการคลังของสหรัฐฯ (US Fiscal cliff) หรือแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อีกทั้งการระดมใช้มาตรการแทรกแซงต่างๆ จากธนาคารกลางทั่วโลก เพื่อกระตุ้นการกู้ยืมและการใช้จ่าย ซึ่งอาจเป็นการกระตุ้นให้เกิดภาวะฟองสบู่แตก (Credit bubble) ที่รุนแรงมากขึ้นในอนาคต ตลาดการลงทุนในวันนี้จึงอยู่ในภาวะที่ผันผวนอย่างมาก การจัดสรรการลงทุนจึงควรเป็นไปด้วยความระมัดระวัง และเน้นการกระจายความเสี่ยงในหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพ นางโชติกากล่าว ING จ่ายเงินปันผล 3 กอง นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนจำนวน 3 กองทุน เพื่อกำหนดอัตราจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนทุกรายในวันที่ 12 กันยายน 2555 ได้แก่ กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบาลานซ์ฟันด์ จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 21 จากผลการดำเนินงานวันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 31 กรกฎาคม 2555 ในอัตรา 0.460 บาทต่อหน่วย นับเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 2 ของปีนี้ หากคิดแล้วกองทุนได้จ่ายเงินปันผลรวม 0.96 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น 9.6% หากคิดจากมูลค่าราคา Par 10 บาท ซึ่งผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี-31 สิงหาคม 2555 กองทุนมีผลตอบแทนอยู่ที่ 19.45% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบที่ 10.81% ขณะที่ 2 กองทุนน้องใหม่ที่เปิดขายในช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้ผลตอบแทนดีจึงสามารถจ่ายเงินปันผลครั้งแรกได้ คือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย มิกซ์ 15/85 ปันผล จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1 จากผลการดำเนินงานวันที่ 11 เมษายน ถึง 31 กรกฎาคม 2555 ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในอัตรา 0.145 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.44% เทียบกับดัชนีเปรียบเทียบที่ 2.18% ส่วนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย เอเชี่ยน เดบท์ รีจินอล บอนด์ ปันผล จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1 จากผลการดำเนินงานวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ถึง 31 กรกฎาคม 2555 ให้แก่ผู้ถือหน่วยในอัตรา 0.121 บาทต่อหน่วยลงทุน โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ กองทุน ING (L) Renta Fund Asia Debt (Local Bond) ลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารตลาดเงิน และเงินฝากของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.40% เทียบกับดัชนีเปรียบเทียบที่ 1.73%
Create Date : 07 กันยายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 7 กันยายน 2555 9:10:14 น. |
Counter : 1415 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|