เชียงคาน...นิทานริมโขง
เชียงคาน...นิทานริมโขง เรื่องราวประวัติศาสตร์ระหว่างไทยและลาว เหมือนเป็นนิทานที่เล่าขานมานานแต่ในปัจจุปันเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่ผู้คนต่างพากันไปเยือนกันมิขาดสายเมืองเชียงคาน เดิมตั้งอยู่ที่เมืองชะนะคาม ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งสร้างโดยขุนคาม โอรสของขุนคัวแห่งอาณาจักรล้านช้าง เมื่อประมาณ พ.ศ. 1400 ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2250 อาณาจักรล้านช้างแยกออกเป็นสองอาณาจักร คือ อาณาจักรหลวงพระบาง ซึ่งมีพระเจ้ากิงกีสราชเป็นกษัตริย์ และอาณาจักรเวียงจันทน์ ซึ่งมีพระเจ้าไชยองค์ไว้เป็นกษัตริย์ โดยกำหนดอาณาเขตให้ดินแดนเหนือแม่น้ำเหืองขึ้นไป เป็นอาณาเขตหลวงพระบาง และใต้แม่น้ำเหืองลงมาเป็นอาณาเจตเวียงจันทน์ ต่อมาทางหลวงพระบางได้สร้างเมืองปากเหือง ซึ่งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำโขง เป็นเมืองหน้าด่านและทางเวียงจันทน์ ได้ตั้งเมืองเชียงคานเดิมเป็นเมืองหน้าด่านเช่นกัน ต่อมาพ.ศ. 2320 พระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับพระสุรสีห์ ยกทัพไปตีกรุงเวียงจันทน์ ตีเวียงจันทน์ได้จึงได้อันเชิญพระแก้วมรกต กลับมายังกรุงธนบุรี แล้วได้รวมอาณาจักรล้านช้างเข้าด้วยกัน และให้เป็นประเทศราชของไทย แล้วได้กวาดต้อนผู้คนพลเมืองมาอยู่เมืองปากเหืองมากขึ้น แล้วโปรดเกล้าฯให้เมืองปากเหืองไปขึ้นกับเมืองพิชัย ในสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทน์ คิดกอบกู้เอกราชเพื่อแยกเป็นอิสระจากไทย โดยยกกำลังจากเวียงจันทน์มายึดเมืองนครราชสีมา แต่ในที่สุดเจ้าอนุวงศ์ถูกจับขังจนสิ้นชีวิต กองทัพไทยที่ยกมาปราบเจ้าอนุวงศ์ที่นครราชสีมา ได้ยกทัพไปกวาดต้อนผู้คน จากฝั่งซ้ายของลำน้ำโขงมายังเมืองปากเหืองมากขึ้น และโปรดเกล้าฯให้พระอนุพินาศ (กิ่ง ต้นสกุลเครือทองศรี) เป็นเจ้าเมืองปากเหืองคนแรก แล้วพระราชทานชื่อเมืองใหม่ว่า เมืองเชียงคานครั้นถึงสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกจีนฮ่อได้ยกทัพมาตีเมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงพระบาง และได้เข้าปล้นสดมภ์เมืองเชียงคานเดิม ที่อยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ชาวเชียงคานเดิมจึงอพยพผู้คนไปอยู่เมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) เป็นจำนวนมากครั้นต่อมา เห็นว่าชัยภูมิเมืองเชียงคานใหม่ (เมืองปากเหือง) ไม่เหมาะสม ผู้คนส่วนใหญ่จึงอพยพไปอยู่ที่บ้านท่านาจันทร์ ซึ่งใกล้กับที่ตั้งของอำเภอเชียงคานปัจจุบัน แล้วตั้งชื่อใหม่ว่า เมืองใหม่เชียงคาน ต่อมาไทยได้เสียดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส ทำให้เมืองปากเหืองตกเป็นของฝรั่งเศส คนไทยที่อยู่เมืองปากเหืองจึงอพยพมาอยู่เมืองใหม่เชียงคาน หรืออำเภอเชียงคานปัจจุบันโดยสิ้นเชิง แล้วได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นเมืองเชียงคานใหม่ ได้ตั้งที่ทำการอยู่บริเวณวัดธาตุ เรียกว่าศาลาเมืองเชียงคาน ต่อมาได้ย้ายที่อยู่บริเวณวัดโพนชัย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2452 เมืองเชียงคานซึ่งมีพระยาศรีอรรคฮาด (ทองดี ศรีประเสริฐ) ได้รับตำแหน่งนายอำเภอเชียงคานคนแรก ต่อมาปี พ.ศ. 2484 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอเชียงคานมาอยู่ ณ ที่อยู่ปัจจุบันตราบเท่าทุกวันนี้ข้อมูลจาก : ศูนย์สารสนเทศเพื่อการบริหารและพัฒนางานปกครอง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเชียงคาน ยังมีเสน่ห์ให้เดินเพลินๆเดินทางแบกเป้ขึ้นรถทัวร์ บขส. วีไอพี ไปถึง อ.เชียงคาน จ.เลย ในเช้าตรู่ของวันเสาร์ ปลายเดือนมกราคม อากาศค่อนข้างหนาวและฝนตกหนัก ช่วงเช้าตอนอยู่บนรถ มีเด็กๆนักศึกษากลุ่มหนึ่งลงที่ตัวเมืองเลยตอนประมาณ ตี5 เพื่อต่อรถสองแถวไปวังสะพุง เพื่อเดินขึ้น ภูกระดึง ดูแล้วน่าสนุก ทำให้นึกถึงสมัยเรียน มหาวิทยาลัย ก็แบกเป้ แบกเต็นท์ พากันเดินขึ้นภูกระดึงมาแล้วอย่างสนุกสนาน ยังจำได้ว่าเหนื่อยมาก วันเวลาผ่านไปเร็วนะ พอมาถึงอ.เชียงคาน ก็ ขึ้นตุ๊ก ตุ๊ก สกายแลป ไปที่พักแถวซอย 19 ที่โทรจองไว้คือ เชียงคานเกสต์เฮาส์ จองห้องที่ติดริมโขงไว้ หวังจะได้ตื่นขึ้นมาชมวิวแม่น้ำโขง...แต่ว่าป้าพิม เจ้าของเกสต์เฮาส์ที่เตยโทรจองมา 2 เดือนก่อนหน้านี้ ตอนนั้นพูดจาตกปากรับคำเป็นมั่นเหมาะว่าจองไว้ให้เรียบร้อย ก่อนเดินทาง เตยก็โทร confirm แล้วถามด้วยว่าจะให้โอนเงินค่าที่พักไปก่อนไม๊ ป้าพิมบอกว่าไม่ต้องๆ ให้มาเลย แต่พอไปถึง กลายเป็นว่าป้าแกไม่สนใจคนไทยตาดำๆ 2 คนที่เพิ่งมาถึงเชียงคาน แกสาละวน speak กับกลุ่มฝรั่งและหาข้าวปลาให้ฝรั่งรับประทานแกบอกว่าห้องยังไม่ว่าง คนที่พักอยู่ยังไม่ออก จะออกตอนเที่ยง เตยก็เลยฝากของไว้ก่อนแล้วให้สามล้อพาไปเที่ยว คิดว่าบ่ายๆกลับมาก็คงได้ห้องพัก ที่ไหนได้ พอกลับมาประมาณ บ่าย 2 โมง แกกลับบอกว่า พวกเกาหลีไม่ยอมออก ขอพักต่ออีก 2 คืน ห้องอื่นก็เต็มหมดแล้ว แกก็เลยย้ายข้าวของ ของเตยกับเพื่อนไปพักที่โฮมสเตย์ สามพี่น้อง ซึ่งอยู่ถัดไป พร้อมฝรั่งอีก 4 คน ที่ก็จองมาล่วงหน้าเหมือนเตย พวกฝรั่งก็ไม่ค่อยพอใจ เตยก็เหมือนกัน เลยบอกว่าทำไมไม่ย้ายเกาหลีไปพักโฮมสเตย์อื่นล่ะ แกก็มาทำเป็นโอบกอด บอกโอ๋ๆๆ น้องเตยอย่าโกรธนะๆๆๆ พักที่ สามพี่น้องเหอะเตยก็เซ็งนะ แล้วเหนื่อยด้วย เพราะสามล้อพาไปลุยเที่ยวมา ก็เลยเปลี่ยนที่พัก ไปๆมาๆ ที่โฮมสเตย์ สามพี่น้อง เจ้าของน่ารักกว่ามาก เป็นคนเชียงคานแท้ๆ ถึงบ้านจะเก่าๆแต่ก็สะอาด ห้องน้ำทำใหม่สะอาดกว่าเชียงคานเกสต์เฮาส์อีก และเพิ่งได้ข้อมูลจากชาวบ้านละแวกนั้นว่า เชียงคานเกสต์เฮาส์พอใจที่จะให้ฝรั่งพักมากกว่าคนไทย เป็นที่รู้กันทั่วเชียงคาน เคยมีคนโดนเบี้ยวแบบเตยหลายราย บางรายโอนเงินมาจองแล้วด้วย พอมาถึงก็ไม่มีห้องพักตามเคย แล้วเอาไปฝากพักตามที่อื่นๆ จนคนนั้นไปร้องเรียนกับ สคบ. แล้วอีกอย่าง ป้าพิมแกเป็นคนจังหวัดอื่นที่มาทำธุรกิจที่เชียงคานเชียงคานเป็นเมืองสงบ น่าอยู่ ถ้าไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว ถนนก็เงียบๆ ริมโขง สงบดี เดินเล่น วิวสวยมาก ทำให้สบายใจ ตอนเย็นเดินเที่ยวริมแม่น้ำโขง เพลินๆ