ลำปาง ... ถ้ารู้ว่าดีขนาดนี้ มานานเเล้ว (3 วัน 2 คืน : Day 1)
วันหนึ่งขณะนั่งทำงานอยู่ได้ยินน้องเเละพี่ที่ทำงาน ซึ่งเป็นคนเเพร่ทั้งคู่คุยว่าเวลากลับบ้านที่เเพร่ไปเที่ยวไหนกันบ้าง คนพี่บอกว่าชอบไปเดินกาดกองต้า ที่ลำปางทุกครั้งที่กลับบ้าน เป็นถนนคนเดินที่ชอบมาก
ไอ้เราพอได้ยินก็คิดว่า เห้ย ... กาดกองต้ามันต้องมีดีเเน่ๆ เพราะพี่เค้าขับรถจากเเพร่เพื่อไปเดินที่กาดนี้เลยนะ หลังจากหาข้อมูลก็กาหัวไว้เลยว่าต้องหาเวลาไปลำปางให้ได้ เเละวันนั้นก็มาถึง 
ทริปนี้จะเน้นอยู่ที่ตัวเมืองลำปางนะคะ เราขับรถออกจากรุงเทพฯ เวลาตีสี่ ประมาณสิบโมงนิดๆก็ถึงลำปางเเล้วค่ะ
หอปูมละกอน คือที่เเรกที่เราเเวะเมื่อมาถึง
เราเชื่อค่ะว่าการได้รู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ความเป็นมาของสถานที่นั้นๆ จะเป็นการเพิ่มอรรถรสในการเที่ยวมากขึ้น
หอปูมละกอน จะจัดเเสดงเล่าเรื่องเมืองลำปาง โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย ซึ่งทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับการเรียนรู้เรื่องราวที่ย้อนกลับไปในอดีต เรื่องเล่า ความเชื่อ ค่านิยมเเละสังคมของเเต่ละยุค
เมื่อเดินขึ้นมาชั้นที่สอง จะพบกับ backdrop ที่มีคำถามว่า "ใครเป็นผู้กำหนดจิตวิญาณของนครลำปาง " คำถามนี้คือใจความหลัก ของการจัดเเสดงเรื่องราวในเเต่ละยุคของลำปาง
จุดเเรกเเสดงข้อมูลของเมืองลำปางทั้ง 3 รุ่น เเละมีวีดีทัศน์เล่าตำนานคำสาปของนางสุชาดา ซึ่งจะเกี่ยวพันไปถึงวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม
ต่อมาพูดถึงเรื่องราว ที่เรียกว่า "สังคมอินเตอร์" ในยุครัชกาลที่ 5 - 6 มีการค้าขายกับต่างชาติ มีทั้งการทำสัมปทานค้าไม้ เเละการค้าขายในตลาด จึงมีคนหลากหลายชาติเข้ามาตั้งรกราก อยู่อาศัย ซึ่งเวลาเราไปเที่ยวดูอาคารเเละวัดเก่าๆ ก็จะร้องอ๋อว่าทำไมมีวัดเเบบพม่า ทำไมมีอาคารเเละโรงเรียนจีน ทำไมมีบ้านฝรั่ง
วัฒนธรรม แฟชั่น จากกรุงเทพที่มาพร้อมรถไฟสายเหนือสร้างเสร็จ ห้องจัดเเสดงนี้จึงถูกเรียกว่า สีสันจากบางกอก
เเละมาถึงยุคที่เกิดความซบเซา เนื่องจากถนนทางหลวงหมายเลข 11 สร้างเสร็จ หน่วยงานต่างๆพากันย้ายไปตั้งที่เชียงใหม่เเทน ทำให้คนลำปางนึกถึงคำสาปของนางสุชาดา
สุดท้ายจะเป็นส่วนการจัดเเสดงของลำปางในปัจจุบัน หอปูมละกอน เปิดทุกจันทร์ - ศุกร์ เวลา 08.30 -16.30 น. ถ้ามีเวลาลองมาดูนะคะ
ตอนนี้ท้องเริ่มร้องหาอาหารกลางวันเเล้วล่ะค่ะ
ตอนเเรกตั้งใจไปทานข้าวซอยป้าบุญ พอไปถึงร้านปิด พี่ที่อยู่ตรงนั้นบอกว่าคุณป้าไปผ่าตัดหัวใจเลยปิดร้านหลายวันเเล้ว เราเลยไปทานข้าวซอยโอมาเเทน ร้านเปิดขายตั้งเเต่ 09.00 ถึง 15.00 น. เเละปิดทุกวันจันทร์ค่ะ
เห็นหมูสเต๊ะทีไร อดใจไม่ไหว
ข้าวซอย ไก่เนื้อเเน่นมากค่ะ รสชาติดี
ทานเสร็จเเล้วยังไม่ได้เวลาเช็คอินที่พัก เลยเเวะไหว้พระวัดศรีชุม เเละวัดศรีรองเมือง
วัดศรีชุม เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างโดยอูโย เป็นคหบดีพม่า ในปี พ.ศ. 2436
มีวิหารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมเเบบพม่าที่งดงามมาก เเต่วันที่มามีการบูรณะวิหาร เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ ที่เห็นด้านล่างนี้คือ อุโบสถ มีความงดงามเช่นกัน
พระประธานในอุโบสถ
เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ที่นำมาจากพม่า
วัดศรีรองเมืองสร้างโดยคหบดีพม่าเช่นกันค่ะ มีวิหารไม้สักทองที่สวยงามที่สุดในลำปาง
พระประธาน แกะสลักจากไม้สักทองขนาดใหญ่ เสากลมของวิหารมีการติดแก้วกระจกหลายสี ถึงจะเก่าเเต่ยังคงความสวยงามอยู่มาก
เจดีย์ที่เห็นอยู่ด้านหลัง คือพระธาตุเจดีย์เเม่เฒ่าปะโอ จองตอง มีสารีริกธาตุ บรรจุอยู่ภายใน
ชมวัดกันพอประมาณเเล้ว เข้าที่พักสำหรับคืนเเรก " Karpenter Lampang "กันดีกว่าค่ะ ขับมาไม่ไกลจากตัวเมืองเท่าไหร่ เปิด google map นำทางมาได้เลยค่ะ
เเค่เห็นรูปภาพในเว็บไซด์ก็ชอบมากๆ พอเห็นของจริงยิ่งประทับใจ ดูเท่ๆเเต่เรียบง่าย สไตล์ลอฟท์
เช็คอินเเละเอาท์ตรงนี้ค่ะ
ชอบหน้าต่างเเบบนี้ ดูโปร่ง
ไปห้องพักกันค่ะ อยู่ชั้นสอง
อ้อลืมบอกไปว่าที่นี่มีห้องพักเพียงเเค่ 5 ห้องเท่านั้น ชื่อห้องพักเเต่ละห้องจะเป็นชื่อของเครื่องมือช่าง เช่น saw room (เลื่อย) hammer room (ค้อน) ห้องที่เราได้นั้นชือ clamp room ค่ะ
เข้ามาก็เจอที่วางกระเป๋าเเละที่เเขวนเสื้อ
ที่นอนเเละหมอน นอนสบายเเละสะอาดมากค่ะ
ห้องน้ำค่อนข้างกว้าง
ในห้องไม่มีตู้เย็นนะคะ เเต่ตรงส่วนกลางมีตู้เย็นเเช่น้ำไว้ให้ สามารถหยิบมาดื่มได้ไม่จำกัดจำนวนค่ะ
อาหารเช้าของที่นี่เริ่ม 08.00 น. มีให้เลือกระหว่างหมูย่างข้าวเหนียว ไข่กระทะ เเละก๋วยจั๊บ ส่วนปาท่องโก๋จะมีเเจกให้ทุกห้องค่ะ เเละยังมีพวกซีเรียล น้ำเต้าหู้ กาแฟ โอวัลติน ผลไม้ไว้บริการอีกด้วย
โดยรวมประทับใจ Karpenter Lampang มาก ดีเกินราคาจริงๆ
พักผ่อนสักพัก เราก็ออกมา ฮิมวังคาเฟ่ คาเฟ่ติดริมเเม่น้ำวัง ขับมาจากที่พักไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ถึงเเล้วค่ะ
ร้านตกเเต่งน่ารัก ให้ความรู้สึก homey ดีค่ะ
สังเกตที่กระดานเมนูนะคะ เครื่องดื่มราคาไม่เเพงเลย
สั่งเสร็จเเล้วหาที่นั่งกันค่ะ
ชอบเกอิชา (ชาเขียว+นมชมพู) ที่สุดค่ะ ส่วนกาแฟ เครป เเละเเซนวิสอร่อยใช้ได้
อิ่มเเล้วออกมาเดินย่อยสูดอากาศด้านนอกบ้าง
มี glass house ขนาดเล็ก น่ารักจังเลย
ริมเเม่น้ำร่มรื่น
เดินมาเจอตรงนี้ ตอนเเรกนึกว่าโปสการ์ด พอเข้าไปอ่านใกล้ๆ น่าจะเป็นลูกค้าเขียนฝากความประทับใจมากกว่าค่ะ
ออกเดินทางต่อไปวัดพระธาตุลำปางหลวง ที่ อ.เกาะคา
ปกติขับรถไปเชียงใหม่จะเเวะไหว้พระธาตุลำปางหลวงตลอดค่ะ มากี่ครั้งยังงดงามเเละศักดิ์สิทธิ์เสมอ
มณฑปพระเจ้าล้านทอง อยู่ในพระวิหาร
องค์พระธาตุเจดีย์
ซุ้มพระบาท สามารถมองเห็นเงาพระธาตุเเละพระวิหารในมุมกลับ ตรงนี้ห้ามผู้หญิงขึ้น
จากวัดพระธาตุลำปางหลวง กลับเข้ามาที่ตัวเมืองเพื่อมานั่งรถม้า ตรงเเถวโรงเเรมลำปางเวียงทอง นั่งรอบนึงไม่นานมาก ค่าเสียหาย 200 บาทค่ะ
ต้องยอมรับว่า รถม้าคือเอกลักษณ์ของเมืองลำปาง ดูคลาสสิคสุดๆ
ผ่านห้าเเยกหอนาฬิกา
นั่งชมบ้านเรือนยามเย็น ชิลล์มากค่ะ เป็นอีกประสบการ์ณหนึ่งที่ควรมาลอง
มื้อเย็นฝากท้องที่ร้านข้าวต้มป้าเเข อร่อยทุกบาท ทราบมาว่าร้านนี้เก่าแก่มีมานานเเล้ว ร้านอยู่ใกล้หอนาฬิกา ติดเส้นเลียบเเม่น้ำวัง เปิด 17.00 -24.00 น. (หยุดวันพุธ)
สั่งกับข้าวมา 4 อย่าง ถูกปากทุกจานค่ะ
ทุกเย็นวันศุกร์ จะมีถนนคนเดินสายวัฒนธรรม ตั้งอยู่บนถนนวังเหนือ มาถึงมืดๆหาที่จอดรถยากเหมือนกัน
ร้านค้าจะเรื่มขายประมาณ 16.00 น. จนถึง 21.00 น.
ส่วนมากเป็นอาหารทั้งคาวหวาน ของใช้ ต้นไม้ มีบ้างค่ะ
ไอติมเมืองรถม้า
หมูปิ้งสีแดง ดูแปลกตา
ไข่ป่าม
สายคล้องกล้อง
มีการเเสดงของน้องๆนักเรียน
เดินสักพักรู้สึกเพลียๆ เลยตัดสินใจกลับที่พัก ขณะที่เดินไปที่รถนึกขึ้นได้ว่า เคยอ่านเจอคนเเนะนำให้มาทานบัวลอยร้านเเป๊ะยิ้ม เอาล่ะไหนๆก็มาถึงลำปางเเล้ว ขอลองสักหน่อย ทั้งๆที่อิ่มจนท้องจะเเตกเเล้ว 
ร้านอยู่บนถนนบุญวาทย์ ระดับเราเเล้วใช้ google map เเน่นอนค่ะ สำหรับบัวลอยเราลงความเห็นว่าเฉยๆ ส่วนเต้าทึงไม่หวานดีค่ะ
ทีนี้กลับที่พักจริงๆเเล้วค่ะ พักผ่อนเอาเเรงพร้อมลุยต่อในวันพรุ่งนี้ เราจะเปลี่ยนสไตล์ที่พัก ขับรถออกนอกเมืองไปอุทยานเเห่งชาติเเจ้ซ้อน เเละจะได้เดินเที่ยวกาดกองต้าเเล้ว 
ฝากติดตามด้วยนะคะ 
| Create Date : 11 มีนาคม 2561 |
| Last Update : 24 มีนาคม 2561 21:49:07 น. |
|
4 comments
|
| Counter : 1912 Pageviews. |
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [