จะเล่าประสบการณ์โดยตรงของดิฉันเองนะค่ะ ดิฉันจบบัญชีราม ภาษาอังกฤษก็อยู่ในขั้นแค่พอใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันได้ ได้รู้จักและแต่งงานกับสามีเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ย้ายมาอยู่อลาสก้า ไปอยู่เมืองเล็กมาก ชื่อเมือง Petersburg ประชากรแค่ 3000 คน ตอนย้ายมาอยู่ก็กำลังตั้งท้อง เลยอยู่บ้านเลี้ยงลูกอยู่ 2 ปี ภาษาเราก็พัฒนาขึ้น

ดิฉันเลยพูดกับสามีว่า ดิฉันพร้อมที่จะหางานแล้ว เมืองเล็กๆ งานดีๆ ก็ไม่ค่อยมี เลยสมัครงานที่ Wells Fargo Bank ทางแบงค์เรียกสัมภาษณ์ ทำงานที่แบงค์นี้เราต้องขายสินค้าให้เค้า ก็บอกเค้าไปตรงๆ เคยคิดว่าชีวิตนี้ไม่อยากเป็นพนักงานขาย แต่ก็อยากลองดู เริ่มต้นทำงาน เงินเดือนที่ได้ ก็ 11 เหรียญต่อชั่วโมง ดิฉันดีใจมาก

ทำงานอยู่ประมาณ 2 ปี เงินเดือนก็อยู่ที่ 15 เหรียญต่อชั่วโมง ก็คิดกันกับสามีว่า หน้าที่การงานคงไม่ไปถึงไหน ถ้าเราอยู่ที่เมืองนี้ ก็เลยคิดกันว่า เราต้องย้ายไปอยู่เมืองที่ใหญ่กว่า เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่Juneau ซึ่งเป็นเมืองหลวงของอลาสก้า มีประชากรประมาณ 30000 คน

ก่อนย้ายก็ได้สมัครงานเป็น Lead Teller ของแบงค์เดิม สาขาที่ Juneau แต่เราไม่ได้ตำแหน่ง ผู้จัดการของสาขานั้น โทรมาบอกว่า คุณ over qualify ตอนนั้นโกรธมาก เพราะเค้าต้องการจะ promote พนักงานในสาขาเค้าเอง ดิฉันมั่นใจตอนสัมภาษณ์มาก ว่าเราทำได้ดี ดิฉันค่อนข้างแม่นใน policy and procedures ของที่แบงค์ผลงานการขายสินค้าของแบงค์เคยอยู่ติดอยู่ในอันดับ หนึ่งในสามของ Southeast Alaska และอยู่ในอันดับ หนึ่งในสิบของอลาสก้า

หัวหน้าเก่าของดิฉันค่อนข้างมั่นใจว่าดิฉันจะได้ตำแหน่ง เพราะเค้าเป็นคน train เราทุกอย่าง พอดิฉันบอกว่า ดิฉันไม่ได้ตำแหน่ง เพราะ over qualify เค้าเลยโทรไปบอก President ของ Southeast Alaska หลังจากนั้น ดิฉันก็ได้รับโทรศัพท์จาก ผู้จัดการสาขาคนเดิม จากสาขาที่ดิฉันได้สมัครงานอีกครั้ง เค้าโทรมาขอโทษที่บอกว่า ดิฉัน over qualify แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้น

พอสามีได้งานใหม่ที่ Juneau ดิฉันก็ขอย้ายไปทำงานตำแหน่งเดิมที่สาขา Lemon Creek จำได้ว่าย้ายมาเดือน เมษายน 2009 (Juneau มี แบงค์ Wells Fargo 3 สาขา สาขาที่ดิฉันสมัครงานในตำแหน่ง Lead Teller คือ สาขาGlacier Valley, สาขาที่ดิฉันย้ายมาทำงานคือ Lemon Creek อีกสาขาก็คือ downtown)

ทำงานที่นี่ประมาณ 2-3 เดือน ก็ได้งานใหม่ ทำกับ State of Alaska เป็น Accounting Clerk (Range 10) เงินเดือนก็ไม่ได้มากกว่าที่แบงค์เลย แต่ถือว่า ทำงานกับ State น่าจะดีกว่า แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด คนเก่าที่เค้าเกษียน มีเวลาสอนงานให้ดิฉันแค่ 2-3 ชั่วโมงเอง ก็พยายามดิ้นรนทำงานเอง ทำงานกับ State ได้แค่เดือนเดียว เลยลาออก และกลับไปทำงานกับที่ Wells Fargo Bank สาขา downtown ในตำแหน่ง Lead Teller

หัวหน้าเก่าเป็นคนช่วยพูดกับ Manager สาขา downtown คราวนี้เงินเดือนก็ขึ้นเป็น 17 เหรียญ ต่อชั่วโมง ช่วงนั้นมีความสุขในการทำงานมาก สาขานี้มีการหมุนเวียนของเงินจำนวนเยอะ ช่วง summer จะมีการส่งเงินไป Anchorage ทุกวัน มากกว่าล้านเหรียญ ก่อนจะส่งเงินออกไป จะมีการนับเงินใหม่ทุกครั้ง เพื่อจะได้มั่นใจว่า เงินไม่เกินหรือขาด เพื่อนร่วมงานในทีมก็สนิมสนมกันดี

จนมีการเปลี่ยนแปลง Manager สาขา และ Service Manager ดิฉันได้ลองสมัครงาน เป็น Service Manager ดู แต่ไม่ได้ Manager สาขาคนใหม่ ได้ให้เหตุว่า คนที่ได้ตำแหน่ง เป็นคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานแบงค์มามากกว่า 10 ปี ไอ้เราก็ คิดว่า โอเค เค้ามีประสบการณ์มากกว่าเรา จะมีผลดีกับแบงค์มากกว่า

แต่กลับกลายเป็นว่าเราต้องสอนงานเค้าทุกอย่าง เค้าก็ไม่ชอบเรา เค้าไม่ชอบพนักงานที่ทำหลายคนมาก เพียงแค่ไม่กี่เดือน พนักงานลาออก และบางคนโดนไล่ออก ร่วมทั้งเราก็ลาออกด้วย ทั้งหมด 5 คน ภายในเดือนเดียว

สาเหตุที่เราลาออก เพราะก่อนหน้านั้น Manager คนใหม่และ Service Manager เรียกเราเข้าไปคุย เรื่องที่ดิฉันร้องไห้ เพราะเพื่อนร่วมงานที่เป็น Banker ต้องลาออกกระทันหัน ถ้าเค้าไม่ลาออกต้องโดนไล่ออก สาเหตุเพราะเค้า Waive fee ให้กับ ทีม member ก็คือ พนักงานในสาขาเค้าโดนชาร์จ feeในบัญชี banker เค้าไม่รู้ว่าเค้าไม่ควร waives fee ให้กับพนักงานด้วยกันดิฉันร้องไห้ เพราะเสียเพื่อนร่วมงานที่ดี

Manager ก็พูดว่า เค้าก็เสียใจที่ต้องทำแบบนั้น แต่ดิฉันก็ไม่เขื่อหรอกว่าเค้าเสียใจจริงๆ ลักษณะของเค้าดูแล้ว fake มาก จากนั้นไม่นาน โดนหาเรื่องอีก ดิฉันลาพักร้อน ไปเยี่ยมครอบครัวสามีที่ Petersburg กลับมาทำงานได้วันเดียว โดนเรียกให้เข้าไปคุยอีก คราวนี้โดนหาเรื่องจริงๆ Service Manager หาว่าเราไม่ยิ้มให้กับลูกค้า เราก็บอกว่าเรายิ้ม ยิ้มตลอด แถมเค้าเขียน written up ด้วย จำไม่ได้แล้วหล่ะค่ะว่าเค้าเขียนว่าอะไรบ้าง รู้แต่ว่า ที่เค้าพูดกับที่เค้าเขียน มันคนละเรื่องเลย

ดิฉันโมโหมาก กลับบ้านวันนั้น ร้องไห้อย่างหนัก สามีเลยบอกว่า ลาออกเถอะ ทำงานแบบไม่มีความสุข ก็อย่าทำเลย วันรุ่งขึ้นไปลาออก และขอให้มีผลวันนั้นเลย Service Manager ช็อคเลยค่ะ เพราะคิดไม่ถึง ว่าเราจะลาออก ถามย้ำอีกว่า จะออกเลยเหรอ ดิฉันบอก ออกเลย เค้าทำอะไรไม่ถูก รู้แต่ว่า เค้าโทรไปปรึกษาใครก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

พออกปุ๊บ ก็สมัครงานกับแบงค์อื่นเลย และก็ได้งานทันที แต่คราวนี้ เงินลดลงเหลือ 15 เหรียญต่อชั่วโมง เพราะเป็นแค่ Teller ทำได้ 4 เดือน ก็ได้งานใหม่กับ State of Alaska ตำแหน่ง Accounting Technician I เงินเดือนก็อยู่ประมาณ 3100 เหรียญต่อเดือน ตอนนั้นทำงานให้กับ Pioneer Homes เป็นบ้านพักคนชรา ตำแหน่งที่ทำคือ Account Receivable ทำอยู่ 2 ปีกว่า ก็มีตำแหน่ง Account Payable เปิดรับ ก็คิดอยู่หลายวัน เลยตัดสินใจ ไปบอกกับหัวหน้า ว่าอยากจะทำตำแหน่ง Account Payable ตำแหน่งเท่าเดิม เงินเดือนเท่าเดิม สาเหตุที่เราตัดสินใจ lateral transfer เพราะอยากเรียนรู้ระบบงานทั้งหมดของ Pioneer Homes ตอนย้ายมาทำ payable ตำแหน่งเก่าก็ว่าง ทำไงหล่ะ เราก็ทำควบ 2 ตำแหน่งอยู่ประมาณ 2-3 เดือน หัวหมุนมาก เพราะต้องเรียนรู้งานใหม่และต้องทำงานเก่าด้วย

ทำ Account Payable ได้ประมาณ 9 เดือน ก็มีตำแหน่ง Accounting Technician II เปิดรับสมัครที่หน่วยงานที่ทำอยู่ หัวหน้าบอกว่า ถ้าสนใจก็สมัครนะ ก็เลยสมัคร เราก็ได้ตำแหน่งนี้ จำไม่ได้แล้วว่าได้เงินเดือนเท่าไหร่ ทำอยู่ประมาณ 2 ปี เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร หัวหน้าเราก็ได้รับผลกระทบ เค้าเลยสมัครงานใหม่ และย้ายออก เราก็ไม่รอช้า สมัครงานใหม่ เป็นการเลื่อนตำแหน่ง

หลังจากสมัครและสัมภาษณ์ เราก็ไม่รู้ผลสักทีว่าจะได้รึเปล่า ขณะนั้นยังทำอยู่ที่ที่เก่า เราลาพักร้อนไปเที่ยวฮาวายกับครอบครัว ขณะอยู่ที่โน้น ก็บ่นกับสามี สงสัยว่าไม่ได้แล้วมั่ง เพราะนานมาก สามีเลยบอก ก็อีเมล์ไปถามซิ เลยตัดสินใจอีเมล์ไปหาคนสัมภาษณ์งาน เค้าบอก ยังไม่ตัดสินใจ เลยรู้สึกมีความหวังมานิดนึง

วันถัดไป เช็คอีเมล์ ปรากฏว่า เค้า offer job ให้ จะรอช้าอยู่ไย ตอบตกลงซิค่ะ ตำแหน่ง Accounting Technician III เงินเดือนก็ประมาณ 4500 เหรียญ ต่อเดือน เริ่มไปทำงานกับหน่วยงานใหม่ ตรงกับวันที่ 16 ตุลาคม 2014 แหม่จำได้แม่น

เล่าย้อนกลับไปนิดนึง กลับจาก vacation ต้องไปทำงานกับที่เก่า 3 วัน แล้วไปเริ่มที่ใหม่ ตอนไปเริ่มกับที่ใหม่ จำได้ว่า หัวหน้าบอกว่า ฉันจะเกษียณปลายเดือนเมษายนนะ ไอ้เราก็ หะ!! อะไรนะ !! เค้าถามว่า อยากจะเรียนรู้งานของฉันมั้ย เลยตอบตกลง เค้าก็ช่วยสอนงาน ตำแหน่งของเค้าให้ มีเวลาไม่มากที่ได้เรียนรู้

หลังจากหัวหน้าเกษียน เราก็ทำ 2 ตำแหน่ง ตอนแรก เราก็ไม่รู้ว่า เราควรจะได้เงินเดือน acting ของตำแหน่งนั้น มีคนบอกให้ไปพูดกับหัวหน้า เราก็ไปพูดหัวหน้าใหญ่ เค้าเลยจัดการให้ เงินเดือนก็อยู่ที่ไปอยู่ที่ 5200 ต่อเดือน

ทำ acting Accounting Technician IV จากเดือนพฤษภาคม จนถึงกันยายน ระหว่างช่วงนั้น เค้าก็เปิดรับสมัคร ตำแหน่งนี้ เราก็สมัครตำแหน่งนี้ เหมือนกับคนอื่นๆ เราโชคดีที่เราทำอยู่ที่นี่ เราก็เลยได้ตำแหน่งนี้ จากวันนั้นจนวันนี้ เราก็ยังทำอยู่ที่เดิม ตำแหน่งเดิม เงินเดือนอยู่ที่ 5600 ต่อเดือน

เราไม่เปรียบตัวเองกับใคร เราค่อนข้างพอใจในเงินเดือน ณ ปัจจุบัน เราถือว่า ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานระดับหนึ่ง หน้าที่การงานในปัจจุบันค่อนข้างโอเค แต่เหนื่อยใจกับคนที่เราร่วมงานด้วย ได้แต่คิดว่า ชั่งมัน มาใช้แรงงานแลกกับเงินเดือนเท่านั้น พยายามปรงกับสิ่งรอบๆข้างที่ที่ทำงาน ทำงานเสร้จกลับบ้าน มีความสุขกับครอบครัว

Create Date : 08 ธันวาคม 2560		2 comments
Last Update : 8 ธันวาคม 2560 9:40:31 น.
Counter : 1326 Pageviews.
Share Tweet